แม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย
“วีรสตรีจากทวีปมนุษย์งั้นเหรอ?”
หลังได้ยินคำบอกเล่าจากซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย
สตรีนางนั้น กระทั่งประเทศฝูเฟิงยังยกให้เป็นสุดยอดอัจฉริยะระดับตำนาน!
แถมนางยังมีอายุน้อยกว่าเขา!
ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่ซือถูหังบอก นางใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็สามารถยกระดับพลังฝึกปรือให้สูงขึ้นมาได้อย่างก้าวกระโดด เผยให้เห็นชัดว่านางมีอัจฉริยะภาพก้าวล้ำเหนือรุ่นเยาว์คนใดในประเทศฝูเฟิง!
และที่สำคัญคือสตรีนางนั้นเหมือนกันกับเขา มาจากทวีปมนุษย์!
‘ดูเหมือนว่านอกจากทวีปเมฆาล่องแล้ว ทวีปมนุษย์อีก 2 แห่งก็เต็มไปด้วยเสือซุ่มมังกรซ่อน’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้ฟังเรื่องราวของยอดหญิงนางนี้ ความคิดแรกเลยก็คือนางสมควรมาจากทวีปมนุษย์อีก 2 ทวีปที่เหลือ ไม่ใช่จากทวีปเมฆาล่อง
เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็มาจากทวีปเมฆาล่อง หากมีสตรีที่โดดเด่นถึงเพียงนั้น ไหนเลยเขาจะไม่เคยได้ยินชือเสียงเรียงนามของนางมาก่อน…
แน่นอนว่าเขายังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่นางจะมาจากทวีปเมฆาล่องเสียทีเดียว
เพราะบางทีนางอาจจะถ่อมตัวและเก็บงำพลังฝีมือที่แท้เอาไว้ก็เป็นได้…
“ว่าแต่…หากข้าสามารถเอาชนะนางได้ ข้าจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในประเทศฝูเฟิงแน่ๆใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องซือถูหังพร้อมถาม
“แน่นอน”
ซือถูหังพยักหน้าอย่างมั่นใจ “หากท่านเอาชนะนางได้ไม่เพียงแต่ท่านจะมีชื่อเสียงโดงดังในประเทศฝูเฟิง…เกรงว่าชื่อเสียงท่านจะเลื่องลือไปทั่วเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนด้วยซ้ำ…”
หลังได้ยินคำของซือถูหังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้ “งั้นข้าจะท้าทายนาง!”
“ท่านตัดสินใจแล้ว?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนที่ได้รับทราบความเป็นมาและรายละเอียดไปแล้ว แต่ยังกล้าตัดสินใจท้ารบ ซือถูหังก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามย้ำออกมา
“อ่า ข้าตัดสินใจดีแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ท่านช่วยจัดการให้ข้าได้หรือไม่?”
“เรื่องนี้มิได้ยากเย็นอันใดเลย…เพียงส่งสารท้าประลองถึงนางเท่านั้น!”
ซือถูหมิงกล่าวตอบค่อยพยักหน้า “ขอท่านปรมาจารย์ต้วนโปรดวางใจ ข้าจะรีบไปจัดการให้ท่านเอง!”
“เอาล่ะ รบกวนท่านแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แน่นอนว่าพอเห็นซือถูหังรับปากจัดการเรื่องนี้ให้ เขาก็วางใจไม่น้อย
หลังจากได้รับภาพเหมือนป๋ายลี่หงและคนอื่นจากต้วนหลิงเทียน ซือถูหังก็ออกไปตามหาผู้บิดา อันเป็นนำตระกูลซือถูทันที
พอได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนมีศิษย์พี่ที่เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว และตราบใดที่สามารถหาตัวพบ อีกฝ่ายมีแนวโน้มจะเข้าร่วมกับตระกูลซือถู ซือถูฮ่าวก็บังเกิดความสนใจอย่างมาก
ซือถูฮ่าวเองก็คาดไว้แต่แรกว่าอย่างต้วนหลิงเทียนคงไม่รั้งอยู่ตระกูลซือถูนานนัก จะไม่ให้มันดีใจได้อย่างไร!
ถึงแม้มันจะไม่ได้รู้จักต้วนหลิงเทียนมานานอะไร แต่ไหนเลยมันจะบอกไม่ได้ว่าต้วนหลิงเทียนนับเป็นมังกรในหมู่มนุษย์! สักวันย่อมทะยานสู่ฟ้า ไม่อาจรั้งอยู่ในตระกูลซือถูอันกระจ้อยร่อยของพวกมันได้นาน
ด้วยเหตุนี้มันจึงลอบหนักใจอยู่หลายครั้ง
เพราะสุดท้ายแล้วหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป ฝ่ายมันก็จะไร้ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวทันที
ตอนนี้แม้ยังหาศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียนคนนั้นไม่พบ แต่อย่างน้อยๆ พวกมันก็พอได้เห็นแสงแห่งความหวังประหนึ่งเช้าวันใหม่รางๆ!
“ท่านพ่อ ท่านช่วยปรมาจารย์ต้วนตามหาศิษย์พี่กับสหายเถอะ…ส่วนข้าจะจัดการเรื่องส่งสารท้าประลองไปยังนิกายอัคคีล่องลอยเอง”
หลังจากส่งรูปเหมือนป๋ายลี่หงกับคนอื่นให้ซือถูฮ่าวแล้ว ซือถูหังพลันกล่าวแจ้งอีกเรื่องออกมา
“ส่งสารท้าประลองไปยังนิกายอัคคีล่องลอย??”
ได้ยินคำของซือถูหัง คิ้วซือถูฮ่าวอดขมวดเป็นปมเสียไม่ได้ “เกิดอันใดขึ้น? เจ้าไปมีเรื่องราวบาดหมางกับคนของนิกายอัคคีเลื่อนลอยตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ครู่ต่อมาสีหน้าของซือถูฮ่าวพลันเคร่งขึ้นหลายส่วน
นิกายอัคคีล่องลอยเป็นขุมพลังชั้น 7 ของประเทศฝูเฟิง ความแข็งแกร่งไม่ได้ต้อยต่ำไปกว่าตระกูลซือถูของมันเลย!
ตอนนี้พอมาได้ยินว่าบุตรชายของมันจะส่งสารท้าประลองไปถึงนิกายอัคคีล่องลอย ความคิดแรกคือมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน!
ในความเห็นของมันนี่ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย
“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”
ซือถูหังส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่ข้าส่งสารท้าประลองไปเพราะข้ามีเรื่องบาดหมางอะไรกับคนของนิกายอัคคีล่องลอย…แต่เป็นปรมาจารย์ต้วนวานให้ข้าไปส่งสารท้าประลองแทนเขา”
“ปรมาจารย์ต้วน?”
ซือถูฮ่าวยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น “ปรมาจารย์ต้วนมีเรื่องบาดหมางกับนิกายอัคคีล่องลอยหรือ?”
“เปล่า”
ซือถูหังส่ายหน้าไปมา และไม่รอให้ซือถูฮ่าวถามอะไรอีก เพียงกล่าวบอกเหตุผลการไปส่งสารท้าประลองครั้งนี้ทันที “เป็นปรมาจารย์ต้วนคิดท้าทายอันดับที่ 23 ในรายนามนภา…ส่งสารไปยังนิกายอัคคีล่องลอยครั้งนี้ ก็เพื่อท้าประลองกับแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย”
“ส่งสารท้าประลองให้แม่นางเฟิ่ง?!”
พอได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางกับนิกายอัคคีล่องลอยซือถูฮ่าวก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ หากทว่าหลังได้ยินวาจาต่อมาของบุตรชาย ลูกตามันก็อดไม่ได้ที่จะเผยความสับสน “ผู้ที่ติดอันดับในรายนามนภาของประเทศฝูเฟิงเราก็มีไม่น้อย…ไฉนปรมาจารย์ต้วนกลับเลือกที่จะท้าทายแม่นางเฟิ่งเล่า?”
“แม่นางเฟิ่งผู้นั้นมิใช่ตัวตนธรรมดา!”
วาจาท้ายประโยคของซือถูฮ่าวเผยความกริ่งเกรงไม่น้อย!
เพราะไม่ว่าจะเป็นซือถูหัง ซือถูฮ่าวหรือแม้แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศฝูเฟิง ก็รู้กันดีว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้พึ่งผงาดขึ้นมาในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี!
สำหรับชื่อเต็มของแม่นางเฟิ่ง พวกมันไม่มีผู้ใดล่วงรู้!
กระทั่งในนิกายอัคคีล่องลอยเองก็มีน้อยคนนักที่รู้จักชื่อแซ่เต็มๆของแม่นางเฟิ่ง!
ในนิกายอัคคีล่องลอย ไม่ว่าจะอาวุโสของนิกาย ศิษย์สาวกอะไรล้วนเรียกหานางว่าแม่นางเฟิ่งทั้งสิ้น…และนางก็เป็นถึงศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกายอัคคีล่องลอย! หลังจากที่นางเข้าสู่นิกายได้ไม่กี่ปีนางก็ได้ถูกวางตัวให้เป็นว่าที่ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยคนต่อไป! ทั้งยังเป็นมือหนึ่งของรุ่นเยาว์ในสำนักอัคคีล่องลอยอีกด้วย!!
ปีที่แล้วนางเป็นที่รู้จักกันดี ว่าเป็นสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งในขอบเขตสู่เซียนของนิกายอัคคีล่องลอย!
“ท่านพ่อแม่นางเฟิ่งมิธรรมดา…หรือท่านคิดว่าปรมาจารย์ต้วนเป็นคนธรรมดา”
พอได้ยินคำนี้ของซือถูหัง ซือถูฮ่าวอดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้งๆด้วยความกระดากใจ
“ปรมาจารย์ต้วนย่อมมิใช่ธรรมดา จากที่อาวุโสโฮ่วกล่าวบอก วันแรกที่ปรมาจารย์ต้วนถูกทดสอบ พลังฝีมือท่านสมควรติดอันดับในรายนามนภาแน่นอน! อย่างไรก็ตามถึงแม้ปรมาจารย์ต้วนจักติดอันดับในรายนามนภาได้ แต่ก็อาจเอาชนะแม่นางเฟิ่งไม่ได้! เวลาผ่านมาครึ่งปีเช่นนี้ สมควรมากพอให้แม่นางเฟิ่งยกระดับพลังฝีมือจนสูงพอติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้ว!”
วาจาประโยคหลังของซือถูฮ่าวเห็นชัดว่าไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีเลย
“ท่านพ่อ ข้าเองก็กล่าวบอกเรื่องนี้กับปรมาจารย์ต้วนไปแล้ว…แต่ทว่าหลังจากที่รู้ ปรมาจารย์ต้วนก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ข้าเชื่อว่าคนอย่างปรมาจารย์ต้วนไม่ใช่คนวู่วามทำอะไรโดยประมาท”
ในวาจาซือถูหังเห็นชัดว่าตีค่าต้วนหลิงเทียนไว้สูงลิบ!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่ฉุดมันขึ้นมาจากประตูยมโลก ช่วยชีวิตของมันเอาไว้!
ไหนเลยมันจะไม่เข้าข้างต้วนหลิงเทียนได้!!
“เอาล่ะ ในเมื่อปรมาจารย์ต้วนอยากประลองกับนาง เจ้าก็ไปส่งสารท้าประลองถึงแม่นางเฟิ่งในนามปรมาจารย์ต้วนเถอะ…หลังจากส่งสารท้าประลองแล้ว ข้าจะให้อาวุโสโฮ่วพาเจ้ากับปรมาจารย์ต้วนไปยังนิกายอัคคีล่องลอยเพื่อประมือกับแม่นางเฟิ่งเอง…หากมิใช่เพราะข้ามีเรื่องราวที่ต้องจัดการในตระกูลล้นมือ ข้าเองก็อยากไปนิกายอัคคีล่องลอยด้วยตัวเอง เพื่อยลโฉมแม่นางเฟิ่งผู้นี้สักครา…”
ซือถูฮ่าวกล่าวออกมา ในวาจาเผยให้เห็นถึงความสนใจในตัวแม่นางเฟิ่งที่ว่าไม่น้อย
ถึงแม้ว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้จะโด่งดังขึ้นมาจนผู้คนรู้จักไปทั่ว แต่มันเองก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเลยสักครั้ง
“ข้าได้ยินว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้งดงามประหนึ่งธิดาสวรรค์จุติลงมาเกิด มีอำนาจถึงขั้นล่มเมืองได้ทีเดียว…คราวนี้ข้าติดตามปรมาจารย์ต้วนไป คงได้ยลโฉมนางเป็นบุญตาแล้ว…”
ซือถูหังกกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ
“ตามใจเจ้าเถอะ แต่หลังจากที่เสร็จเรื่องการท้าประลองของปรมาจารย์ต้วนกับแม่นางเฟิ่งแล้ว เจ้าก็ติดตามข้าเข้าวังหลวง เพื่อหารือเรื่องพิธีวิวาห์ระหว่างเจ้ากับองค์หญิงชิวหมิงเถอะ”
ซือถูฮ่าวพลันกล่าวย้ำเตือนเรื่องหนึ่งออกมา พร้อมฉีกยิ้ม
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดอาการเขินอายถึงขั้นหูแดง ยังเร่งรุดหลบหนีหน้าบิดาไปเสียอย่างนั้น…
“เด็กน้อยนี้ โตขนาดนี้แล้วแต่ยังคงนิสัยขี้อายนัก…”
เมื่อเห็นซือถูหังเขินจนหลบหน้าจากไป ซือถูฮ่าวอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนในแววตาแฝงไปด้วยความรัก
ต้องบอกเลยว่าซือถูหังนั้นเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของมันจริงๆ
ไม่ถึง 2 วันสารท้าประลองของต้วนหลิงเทียนที่ซือถูหังร่าง และใช้ให้คนของตระกูลซือถูไปส่ง ก็บรรลุถึงนิกายอัคคีล่องลอย…
กล่าวให้ชัดมันส่งถึงมือศิษย์เฝ้าประตูนิกายอัคคีล่องลอย
“แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ท่านต้วน…ต้องการท้าประลองกับ แม่นางเฟิ่ง อันดับที่ 23 ในรายนามนภา?”
พอศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยได้เห็นสารท้าประลอง สองตาทั้งหลายก็เบิกกว้างทันที “ไร้ชื่อเสียงเรียงนามอันใดแท้ๆ แต่กล้าเรียกหาตัวเองว่า ท่านต้วน…คนผู้นี้ช่างกล้านัก! มันคิดหรือว่าสามารถเทียบกับแม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอยพวกเราได้!? ตัวโง่งมอีกคนที่หาเรื่องขายขี้หน้า!!”
ในฐานะที่เป็นศิษย์ทำหน้าที่เฝ้าประตูนิกายอัคคีล่องลอย แม้มันจะไม่ได้มาทำหน้าที่ทุกวัน แต่ตลอดปีที่ผ่านมาก็ได้รับสารท้าประลองมาไม่ต่ำกว่า 10 ฉบับ!
เนื้อหาของสารท้าประลองของทั้งหมดล้วนแล้วแต่คิดท้าทายแม่นางเฟิ่งทั้งสิ้น!
ถึงแม้จะมีผู้ท้าชิงมากมาย แต่ผลลัพธ์เดียวที่ทั้งหมดได้รับกลับไป…คือแพ้พ่ายคามือแม่นางเฟิ่ง!
ด้วยชื่อเสียงที่เลื่องลือขึ้นมาของแม่นางเฟิ่ง นับวันยิ่งมีสารท้าประลองส่งมาน้อยฉบับลงทุกที! กระทั่งเดือนที่แล้วก็ไม่มีมาแม้แต่ฉบับเดียว!!
ทว่าไม่คิดเลยว่าพึ่งผ่านมาได้แค่เดือนเดียวกลับมีสารท้าประลองส่งมาอีกฉบับแบบนี้!
นอกจากนี้บุรุษที่แส่หาเรื่องเจ็บตัวขายหน้าคราวนี้ยังวางท่าไม่เผยนามออกมา เพียงลงนามอย่างถือดีไว้ว่า ท่านต้วน เท่านั้น!
หากต้วนหลิงเทียนได้รู้ความในใจของศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยเขาคงอดไม่ได้ที่จะสลดใจ เพราะตัวเขาเองแท้ๆยังไม่รู้เลยว่าความในสารเป็นอย่างไร…
หากสารประลองใบนี้เป็นเขาที่เขียนมันเองกับมือ เขาย่อมลงชื่อเต็มของตัวเองมาแล้ว
ทว่าด้วยความที่ผู้ที่ร่างสารท้าประลองฉบับนี้กลับเป็นซือถูหัง และซือถูหังเองก็เคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายย่อมไม่กล้าเขียนชื่อแซ่เต็มๆของเขาโดยตรง
ท่านต้วน ในสายตาของซือถูหังนั้น เป็นคำเรียกหาที่ให้ความเคารพ! และมันก็แสดงความเคารพต่อต้วนหลิงเทียนออกมาในรูปแบบนี้!
“ตระกูลซือถู? ตระกูลซือถูที่อยู่ในเมืองหลวงน่ะหรือ?”
ศิษย์คนหนึ่งของนิกายอัคคีล่องลอยพอได้ยินก็นึกสงสัยขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าจะใช่นะ”
ศิษย์ที่อ่านสารกล่าวตอบ
“อืม…ลงไว้ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกด้วย หรือตระกูลซือถูมิกลัวขายหน้า?”
ศิษย์อีกคนกล่าวออก
“ถึงแม้แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอย่างท่านต้วนบ้าบออันใดนี่จักแพ้พ่ายไป ก็คงมีผลกระทบต่อตระกูลซือถูแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นล่ะ…เพราะอย่างไรเสีย แม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอยพวกเรา ก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในนามสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตสู่เซียนของประเทศฝูเฟิง! สำหรับอันดับที่ 11 ในรายนามนภานั่น มันดีแต่หลบหน้าไม่กล้าสู้กับแม่นางเฟิ่งด้วยซ้ำ หาไม่แล้วอันดับที่ 11 คงเปลี่ยนมือไปนานแล้ว!”
“ข้าเองก็ได้ยินจากผู้อาวุโสมาว่า…พลังฝีมือของแม่นางเฟิ่งยามนี้สมควรก้าวไปอยู่ใน 10 อันดับแรกได้สบายๆ!”
……
แต่ละคำที่กล่าวออกมาของศิษย์นิกายอัคคีล่องลอย เห็นชัดว่าเทิดทูนและยกย่องแม่นางเฟิงมากมายเพียงใด!