ตอนที่ 1495 ส่งสาสน์ท้าทาย โดย Ink Stone_Fantasy
คุนหมิงช้อนสายตามองเย่หยวนอย่างหมดหนทาง ยามนี้รู้สึกขมขื่นใจสาหัสไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี
ในเมืองหลวงคาโปนแห่งนี้ยังมีใครเป๋ากางเกงไม่เปียกเมื่อเห็นเขา?
ทว่าวันนี้เขาผู้แสนน่ากลัวกลับถูกเด็กเหลือขอไล่ต้อนซะจนมุม และเขาไม่สามารถหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่เด็กตรงหน้าได้ด้วยซ้ำ
หากเป็นคนอื่น เขาคงสำแดงใช้พลังเพื่อข่มขู่กดดันไปนานแล้ว หรือหยิบใช้วิธีต่างๆ เพื่อให้คู่สนทนายอมจำนน
แต่สำหรับเย่หยวนผู้นี้ สิ่งเหล่านั้นกลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!
ข่มขู่?
แน่นอนว่าทำได้ ทว่ามีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก!
คุนหมิงถอนหายใจและกล่าวว่า
“ไม่ว่าเงื่อนไขใดที่นายน้อยบรรพกาลราตรีต้องการ อย่าลังเลที่จะเอ่ยกล่าว ตราบใดที่ไม่เกินความสามารถของโถงนักฆ่า พวกเราย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน”
คู่สายตาของเย่หยวนพลันสว่างวาบ ฉายแววจับจ้องไปที่คุนหมิงโดยไวและกล่าวถามว่า
“จริงรึ?”
คุนหมิงคลี่ยิ้มอย่างขมขื่นในพลันเอ่ยขึ้นว่า
“ข้ายังมีทางเลือกอื่นหรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มกว้าง ยามสนทนากับคนฉลาด ทุกอย่างมักเป็นไปอย่างราบรื่นเสมอ
“ข้าต้องการให้ท่านช่วยส่งสาสน์ท้าทาย!”
เย่หยวนกล่าวตอบ
คุนหมิงขมวดคิ้วขึ้นถักแน่นทันที
“นายน้อยบรรพกาลราตรีคิดจะสู้กับไคซินหรืออย่างไร? แต่เจ้าหาใช่คู่มือของเขาไม่!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ใช่คู่มือของเขาหรือไม่กลับเป็นธุระของข้า ท่านเพียงช่วยเหลือข้าอย่างสองอย่างเท่านั้นก็นับว่าเพียงพอ”
สีหน้าของคุนหมิงฉายแววจริงจังขึ้นทันตา และเอ่ยถามขึ้นว่า
“อย่างสองอย่าง?”
คุนหมิงตระหนักได้ว่า เย่หยวนมิได้ตามล้างแค้นโดยอาศัยอารมณ์เป็นที่ตั้ง ในทางตรงข้าม เขามิได้คิดแก้แค้นโดยไม่มีแบบแผนใดๆ
สีหน้าการแสดงออกอันไม่แยแสของเย่หยวน มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาตระเตรียมแผนการมาแล้วเป็นอย่างดี
ในความเป็นจริง แม้แต่เรื่องที่คุนหมิงเดินทางมาขอโทษเย่หยวนเช่นนี้ มันก็อยู่ในการคำนวณแล้วเช่นกัน
เย่หยวนคิดวิเคราะห์ทุกอย่างมาแล้วเบ็ดเสร็จ และรอคุนหมิงมาขอโทษขอโพยอยู่
ชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ
การเดินหมากโดยอาศัยขุมกำลังของฝ่ายอื่นเพื่อพิฆาตฝ่ายอื่นด้วยกัน มันเป็นแผนการของเย่หยวนที่คุนหมิงคาดไม่ถึง
แน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ และทั้งหมดต้องขอบคุณความแข็งแกร่งและศักยภาพเฉพาะตัวของเย่หยวน มิฉะนั้นประมุกโถงทั้งสองจะยอมออกโรงเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาหาใช่คนโง่ไม่
ในที่สุดคุนหมิงก็เข้าใจแล้วว่า ไฉนประมุขโถงทั้งสองถึงมองชายหนุ่มคนนี้ในมุมมองที่แตกต่าง และต้องการออกโรงปกป้องเขาถึงขั้นนี้
เย่หยวนหยิงถุงที่บรรจุผงโอสถเอาไว้ออกมาและกล่าวว่า
“ภายในถึงนี้มีผงโอสถบรรจุไว้อยู่ คงมิใช่เรื่องยากที่จะลอบผสมมันลงไปให้ไคซินกินโดยไม่รู้ตัว นี่คงหาใช่เรื่องยากสำหรับนักฆ่า?”
สีหน้าการแสดงออกของคุนหมิงเปลี่ยนไปอย่างมากและกล่าวว่า
“ไม่มีทาง! แม้ว่าโถงโลหิตปรโลกจะไม่เกรงกลัวต่อตำหนักเจ้าเมือง แต่การวางยาพิษให้นายน้อยแห่งตำหนักเจ้าเมืองนับเป็นเรื่องร้ายแรง ข้าไม่สามารถทำได้เจ้าได้!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มยางกล่าวขึ้นว่า
“ท่านประมุขโถงไม่ต้องห่วงไป ผงโอสถเหล่านี้ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขา และมิได้ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของเขามิแต่น้อย ด้วยสิ่งนี้เขาไม่มีทางทราบแน่ว่าตนถูกวางยา”
คุนหมิงขมวดคิ้วเข้มกล่าวว่า
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไรว่ามิได้ยืมมัดคนอื่นฆ่าคน?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้ายังมีอยู่อีกถึงหนึ่ง หากท่านไม่เชื่อก็สามารถพิสูจน์ได้ แต่ต้องเตรียมใจให้ดีเพราะมันมีผลต่อจิตใจของท่าน”
คุนหมิงสะดุ้งเฮือก แววตื่นกลัวฉายสะท้อนผ่านแววตาทันควัน
สิ่งที่นักปรุงโอสถปีศาจระดับสองหลอมกลั่นขึ้นมา กลับมีผลกับเขาจริงๆ?
เพียงถุงบรรจุผงโอสถเล็กๆ นี้ถุงเดียว กลับสร้างภัยคุกคามได้ขนาดนี้จริงรึ?
ต้องทราบเสียก่อนว่า โอสถที่นักปรุงโอสถระดับสองหลอมกลั่นขึ้นมา มันแทบไม่มีผลอะไรกับจอมทัพปีศาจเลย ดังนั้นแล้วนับประสาอะไรกับจอมทัพปีศาจขั้นสุดอย่างคุนหมิงกัน?
คุนหมิงตระหนักทราบชัดแจ้งว่า เย่หยวนเป็นนักปรุงโอสถปีศาจที่น่าเกรงขามยิ่ง การที่อีกฝ่ายกลัวเช่นนี้ย่อมทราบความตื่นตระหนกได้เป็นธรรมดา
แม้คุนหมิงจะไม่ทราบว่าสิ่งนี้มีผลกระทบอย่างไร แต่สำหรับไคซิน นี่เป็นเรื่องร้ายแรงแน่นอน!
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของคุนหมิง เย่หยวนก็ยิ้มกล่าวว่า
“ถุงนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่า เขาและข้าจะต่อสู้กับภายใต้กฎอย่างยุติธรรม ตราบใดที่เขากินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว จะไม่มีใครจับได้แน่นอนว่าท่านเป็นคนทำ”
คู่คิ้วของคุนหมิงกระตุกขึ้น เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว ข้าขอให้สัญญากับเจ้า และหวังว่าเจ้าจะหาได้ทำเรื่องขุดหลุมฝังศพตัวเอง! แล้วจะให้ข้าส่งสาสน์ยามใด?”
คุนหมิงลองพินิจคิดให้ถี่ถ้วนดู กลับพบว่าการที่เย่หยวนยืมมีดคนอื่นเพื่อฆ่ากลับมิได้เกิดผลดีเท่าไหร่ แถมนั่นยังทำให้ตัวเย่หยวนเองตกสู่สถานการณ์อันตรายมากขึ้นแทน
และเห็นได้ชัดว่าเย่หยวนเป็นคนที่ฉลาดรอบคอบมาก เขาไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆเช่นนั้นแน่นอน
เย่หยวนยิ้มกล่าว
“อีกสิบเดือน ท่านถึงจะส่งสาสน์ท้าดวลของข้าออกไป! หลังจากนี้ข้าขอสู้กับไคซินให้ตายกันไปข้าง!”
คุนหมิงกล่าวว่า
“เจ้าประเมินไคซินต่ำเกินไป! ความแกร่งกล้าของเขาใกล้เคียงกับระดับชั้นจอมทัพปีศาจมากนัก! เขาเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่เยาวชนของตระกูลไค ชื่อเสียงคำลือเลื่องมากมายถึงความเก่งกาจ! เจ้ายังเอาชนะหัวเอ๋อไม่ได้ แล้วเป็นไปได้ไหมว่าจะโค่นไคซินได้ภายในหนึ่งปี?”
ตอนนี้เย่หยวนกล่าวเองว่า ผงโอสถเหล่านี้ไม่มีผลต่อความแข็งแกร่งของไคซิน
ดังนั้นแล้วเขาจะสามารถเอาชนะไคซินโดยหวังพึ่งสิ่งใด?
ความแข็งแกร่งของไคซินนับเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ระดับชั้นแม่ทัพปีศาจทั้งหมดของเมืองหลวงคาโปน!
ประเด็นนี้ไม่มีใครกล้ากังขา
เย่หยวนยิ้มตอบ แต่หาได้เอ่ยกล่าวอันใดกับคุนหมิง
คู่ดวงตาของคุนหมิงหรี่แคบลงเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว ข้อตกลงทั้งสองข้อข้าขอสัญญา! แต่หากไฟไหมลามมาถึงโถงโลหิตปรโลกล่ะก็…เจ้าคงทราบถึงผลที่ตามมา!”
เมื่อกล่าวจบ คุนหมิงก็หยิบซองบรรจุผงโอสถนั่นจากไปทันที
หลังจากคุนหมิงจากไป เย่หยวนก็ตรงเข้าเก็บตัวอีกครั้ง
อย่างลืมไปเสีย เวลาหนึ่งปีเท่ากับสิบปีของเย่หยวน!
หากเป็นคนอื่น ภายในระยะเวลาสิบปีอาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สำหรับเย่หยวนย่อมทำได้
หลังจากที่กลืนโอสถทองคำลึกล้ำลงไป กายเนื้อของเย่หยวนก็ทะลวงขึ้นสู่ระดับสองขั้นกลางโดยตรง
จากนั้นเย่หยวนก็เริ่มหลอมกลั่นโอสถอย่างบ้าคลั่ง
สิบเดือนต่อมาในโลกภายนอก ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนสั่นสะเทือนอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลายได้!
“อืม…ยังเหลือเวลาอีกสิบหนึ่งปีหลังจากนี้ ข้าควรดูดซับพลังรวบรวมเพื่อสร้างรากฐานพลังปราณให้มั่นคงกว่านี้เสียหน่อย จากนั้นก็เข้าขัดเกลาฝีมือภายในห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตายสักเที่ยว”
เย่หยวนบ่นพึมพำคนเดียว
…
การมาถึงของคุนหมิงทำให้ไคซินประหลาดใจอย่างมาก
“ท่านเป็นตัวแทนของบรรพกาลราตรีเพื่อส่งสาสน์ท้าดวลให้ข้า?”
รอยยิ้มสุดเหยียดพลันฉีกขึ้นบนมุมปากของไคซินทันที
คุนหมิงกล่าวเสียงเย็นชืด
“ใช่แล้ว เขากลับกว่าเจ้าจะปฏิเสธจึงขอให้ข้ามาเป็นการส่วนตัว”
สำหรับไคซินคนนี้ คุนหมิงเองก็มิได้ประทับใจเลื่อมใสอันใด ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยกล่าวสุภาพ
เดิมทีเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับโถงนักฆ่าอยู่แล้ว แต่เนื่องจากไคซินเป็นคนเสนอค่าหัวและมอบหมายงานมา จึงเป็นการลากโถงนักฆ่าลงเหวตามกันไป จนท้ายที่สุดต้องสูญเสียนักฆ่าฝีมือดีไปหนึ่งนาย
ผลลัพธ์เช่นนี้เล่นเอาคุนหมิงขมขื่นใจไปหลายวัน
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเย่หยวนหรือไคซิน เขาก็ไม่พอใจใครทั้งนั้น
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นช่องทางให้เราระบายอารมณ์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ไคซินระเบิดหัวเราะดังลั่นและกล่าวว่า
“ปฏิเสธ? ไฉนข้าถึงต้องปฏิเสธ? ฮ่าๆๆ พวกโง่ที่ประเมินตัวเองสูงส่งเกินไป สุดท้ายก็เปิดประตูแสวงหาความตายเสียเอง! นายน้อยผู้นี้ช่างมีความสุขนัก! ดูเหมือนว่าเวลากว่าสิบเดือนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาจะก้าวหน้าขึ้นบ้าง!”
ไคซินหาได้เกรงกลัวคำท้าทายนี้เลย ในทางตรงข้าม เขามิได้รับสาสน์ท้าดวลอะไรเช่นนี้มานานมาแล้ว
ตำแหน่งนายน้อยผู้นี้มิใช่แค่การได้รับสืบทอดต่อกันมา แต่มันแลกมาด้วยกองเลือดสดจำนวนนับไม่ถ้วนกว่าจะได้มา!
เผ่าปีศาจไม่เคยมีข้อจำกัดเรื่องการท้าดวล แม้แต่นายน้อยแห่งตำหนักเจ้าเมืองเองก็ไม่มีข้อยกเว้น!
หากต้องการเป็นนายน้องแห่งตำหนักเจ้าเมืองอย่างสมศักดิ์ศรี จำต้องรับคำท้าทายจากทุกแห่งหน!
แน่นอนว่าไคซินหาใช่ผ้าไหมลายความที่นอนเสวยสุข แต่เป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง!
ไม่มีใครท้ายทายไคซินเป็นเวลานานแล้ว เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
เป็นเพราะเหตุนี้เย่หยวนจึงร้องขอให้คุนหมิงออกหน้าเป็นการส่วนตัว
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เรื่องใครเป็นนายจ้างสั่งให้ลอบสังหารเย่หยวน อีกฝ่ายล้วนประจักษ์ทราบดีแล้ว และความขุ่นแค้นนี้ก็ไม่สามารถจบลงง่ายๆแค่วาจา แต่ต้องจบลงด้วยการต่อสู้เท่านั้น!
นี่เป็นวิธีที่ง่ายและหยาบโลนที่สุดในการแก้ไขปัญหาของเผ่าปีศาจ!
…………………………………………………..