ตอนที่ 917 ไปงานเลี้ยง

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 917 ไปงานเลี้ยง

 

“ ฉันจะเอาผัดมันฝรั่งนั่น !”

 

* ฉันจะเอาเต้าหู้เหวินซือ!”

 

ดูเหมือนหลังจากที่ทุกคนเข้ามา ต่างก็ต้องการอาหารสองอย่างนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้กันอยู่แล้ว

 

หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง มีสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแลดูมีความสุขเอามากๆ

 

กงเสี่ยวเจิ้งมองมาทางหยางโป จากนั้นก็หันไปมองดูเต้าหู้เหวินซื้ออีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า”เต้าหู้นี้ใช้เครื่องหั่นออกมาใช่ไหม? ทําไมมันบางขนาดนี้? “

 

“ ฉันเป็นคนหั่นเอง ” หยางโปตอบ

 

กงเสี่ยวเจิ้งตกใจ “ เป็นไปได้ยังไง ? จะนั่นเต้าหู้ออกมาบางขนาดนี้ได้ยังไง ?”

 

หยางโปจึงทําได้เพียงอธิบายไปว่า “ ความชํานาญย่อมก่อให้เกิดความประณีต ”

 

“ คุณเคยเป็นเชฟเหรอ ? ” กงเสียวเจิ้งถาม

 

หยางโปส่ายหน้า “ เธอคงคิดว่าฉันเป็นเชฟละสิ แต่ฉันไม่ใช่เชฟจริงๆฉันเคยทําหยกแกะสลักมาก่อนเลยใช้มีดบ่อยๆ ตอนนี้เลยมีความเคยชินในการใช้มีด ดังนั้นเวลานั่นผักอะไรพวกนี้มันจึงดูง่ายดายเอามากๆ ”

 

กงเสี่ยวเจิ้งยังคงรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไปเธอมองหยางโปขึ้นลงอย่างสํารวจตรวจตรา

 

“ คุณเคยทําแกะสลักมาก่อน แต่ตอนนี้มานั่นเต้าหู้ มันต่างกันมากเลยนะหยกแข็งแต่เต้าหู้

 

มันจะมาเปรียบเทียบกันได้ยังไง?”

 

หยางโปหัวเราะ “ เธอแค่ลองใช้มีดบ่อยๆดู มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”

 

ชุยอี้ผิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง มองดูสีหน้าท่าทีของทั้งสองคน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า

 

“ เดิมหยางโปก็เป็นคนมีความรู้รอบด้านอยู่แล้วเลยทําได้หมด ทําเอาพวกเราขายหน้ากันมากทีเดียว! ”

 

หยางโปยิ้มและพูดว่า “ ทําไมขายหน้าล่ะ ? วันนี้ทุกคนกินอาหารที่ฉันทําเองกับมือ ต้องคิดกันแน่นอนว่าประธานชุยต้องทําอาหารอร่อยเหมือนกัน พรุ่งนี้ประธานชุยจะลงมือทําอาหารเองไหมนะ ?”

 

ชุยอี้ผิงถึงกับหลุดหัวเราะฮ่าๆออกมาเสียงดัง

 

รอจนกระทั่งโรงอาหารมีคนนั่งใกล้เต็มแล้ว ชุยอี้ผิงจึงลุกขึ้นยืนส่งเสียงปรบมือสองครั้งและขอให้ทุกคนเงียบเสียงลง ” บางที่หลายคนอาจได้ยินมาบ้างแล้วว่าวันนี้ประธานหยางที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานมาที่บริษัท เพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกคน จึงตั้งใจทําอาหารสองอย่างมาให้เป็นพิเศษแม้ว่าอาหารสองอย่างนี้จะถือได้ว่ารสชาติพอกินได้เท่านั้น แต่ก็เป็นการแสดงออกถึงน้ําใจของเขาพวกเรามายินดีต้อนรับประธานหยางให้เขาออกมากล่าวอะไรกับทุกคนหน่อยดีไหม? “

 

“ ดี ! ” มีเสียงปรบมือเสียงแสดงความยินดีขึ้นในหน้างาน

 

หยางโปยืนขึ้นและหันไปมองดูทุกคน “ ผมเป็นเจ้านายที่ไร้ความสามารถคนหนึ่ง จริงๆแล้วนับตั้งแต่บริษัทเปิดตัวมานี่ก็เป็นครั้งที่สองที่ผมมาที่บริษัท ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่เห็นบริษัทพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม ผมต้องขอบคุณทุกคนไว้ณที่นี่ด้วย! ”

 

“ ประธานหยาง นี่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น! ” มีใครบางคนที่อยู่ด้านล่างพูดเยินยอและร้องตะโกนออกมา

 

หยางโปยิ้ม” อันที่จริงแล้ว ที่ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะความสามารถของทุกคน บางทีถ้าเปลี่ยนพนักงานไปอีกกลุ่มผมอาจจะทําแบบนี้ไม่ได้! ที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคือชุยอี้ผิง ช่วงนี้เขาทํางานหนักมาก วันนี้ที่มาก็เพื่อมาเจอกับทุกคนแน่นอน ถ้าใครมีปัญหาอะไรก็เข้ามาหาผมได้

 

ไม่พูดมากแล้ว เชิญทุกคนลองชิมอาหารที่ผมทําให้ดูสิว่าถูกปากกันไหม ?”

 

มีเสียงปรบมือดังขึ้นด้านล่าง ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นมาก แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีใจมากเท่าที่ควรหลายคนคิดว่าหยางโปจะนําสวัสดิการใหม่ๆบางอย่างมาให้ซะอีก

 

รอจนกระทั่งหยางโปนั่งลง ชุยอี้ผิงก็เหลือบมองมาที่เขา “ นายตั้งใจจะนําสวัสดิการ

 

มาให้ทุกคนไม่ใช่เหรอ? ทําไมไม่พูดล่ะ ?”

 

หยางโปหัวเราะ “ เรื่องนี้ มอบให้นายดีกว่า !”

 

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า ” นายก็ใช่ว่าจะไม่รู้ซะหน่อย”

 

หยางโปโบกมือ “ ไม่ต้องรีบ หลังจากคืนนี้ นายอยากจะทําอะไรก็ตามแต่ใจนายเลย!” 

 

กงเสี่ยวเจิ้งที่นั่งอยู่ด้านข้าง เหลือบมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ฮ่องกงมาสักพักเธอกับอู่เฉียงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะรู้ว่าระหว่าง

 

หยางโปและชุยอี้ผิงเป็นญาติกัน แค่เวลาที่พวกเขาพูดกันมักจะหลบๆซ่อนๆ ทําให้คนไม่ค่อยเข้าใจ

 

ชุยอี้ผิงเงยหน้าขึ้นมองกงเสี่ยวเจิ้ง” เสี่ยวเจิ้ง คืนนี้มีงานกินเลี้ยง คุณเตรียมตัวด้วยนะ “

 

กงเสี่ยวเจิ้งเงยหน้าขึ้นมองขุยอี้ผิงด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะชุยอี้ผิงไม่เคยพาเธอไปเข้าร่วมงานแบบนี้มาก่อนหรือว่าเขามีกติกาซ่อนเร้นอะไร?

 

กงเสี่ยวเจิ้งมีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย “ ประธานชุย ฉันไม่ไปได้ไหม ?”

 

“ คืนนี้คุณมีธุระหรือเปล่า? “ ซุยอี้ผิงถาม

 

กงเสี่ยวเจิ้งมีอาการลังเล “ ไม่มี”

 

“ ไม่เป็นไร งานเลี้ยงอาหารค่ํา ก็มีดารานักแสดงคนอื่นๆมาร่วมงาน แค่กินเลี้ยงกันเท่านั้น”

 

หยางโปกล่าว

 

กงเสี่ยวเจิ้งพยักหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกค่อนข้างเป็นกังวล ยังไงซะเรื่องราวในแวดวงนี้เธอก็เคยได้ยินมามากมาย เช่นพาไปกินเลี้ยงอาหารค่ําด้วย แล้วดื่มมากเกินไปจนทําให้เกิดเรื่องขึ้นมันก็มีอยู่ไม่น้อย!

 

ช่วงบ่ายหยางโปอยู่ที่บริษัทตลอด เขาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท แต่เรื่องราวทั้งหมดเขากลับไม่ค่อยรู้สึกสนใจ

 

ไม่นานก็ถึงช่วงพลบค่ํา ทั้งสามคนก็ขึ้นรถรีบเดินทางไปที่โรงแรมทันที

 

ก่อนหน้านี้ชยอี้ผิงก็เคยร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ํามานับครั้งไม่ถ้วน จึงนําทางหยางโปไปที่ห้องวีไอพีด้วยความชํานาญลู่ทางตอนที่เดินเข้ามา มีคนมาถึงห้องวีไอพีกันจํานวนไม่น้อยแล้ว

 

เมื่อหยางโปเห็นในห้องวีไอพีมีคนมากันจํานวนไม่น้อยแล้ว ภายในห้องแยกเป็นสามโต๊ะ

 

โต๊ะทางด้านซ้ายมีแต่นักแสดงชายนั่งอยู่ ด้านขวามีแต่นักแสดงผู้หญิง ส่วนโต๊ะตัวกลางมีแต่คนวัยกลางคนที่อายุสี่ห้าสิบปีนั่งอยู่ นี่น่าจะเป็นที่นั่งของผู้กํากับ

 

กงเสี่ยวเจิ้งเดินไปทางขวา ในขณะที่ชุยอี้ผิงและหยางโปพากันไปนั่งลงตรงกลาง

 

ชุยอี้ผิงทักทายกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่หยางโปก็พยักหน้าลงเล็กน้อยและกล่าวทักทายไปว่า “ สวัสดี !”

 

มีเพียงตอนที่เจอกับหานเสี่ยวผิงเจ้าของบริษัทฟิล์มกรุ๊ปคอร์เปอเรชั่นเท่านั้น หยางโปถึงได้เข้าไปจับมือกับอีกฝ่าย

 

คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่กลับรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ทําได้เพียงแค่มองไปที่หยางโปอย่างพินิจพิเคราะห์

 

แต่หานเสี่ยวผิงรู้ภูมิหลังของหยางโปเป็นอย่างดี บุคคลผู้นี้เป็นคนที่มีเงินมากมหาศาล

 

เขายิ้มและเอ่ยปากแนะนํา “ ท่านนี้คือหยางโป บางทีพวกคุณอาจไม่ทันสังเกตเห็น เขาเป็นนักธุรกิจผู้รักชาติที่ได้รับการรายงานมากที่สุดจากสื่อในช่วงนี้ เขาเป็นคนที่นําหัวงูทองสัมฤทธิ์กลับคืนมา”

 

ทุกคนต่างก็หันไปมองหยางโปและเอ่ยปากทักทายด้วยสองสามคํา แต่ก็ยังทําเป็นเฉยเมย

 

หานเสี่ยวผิงทําอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย เขาไม่สามารถบอกกับทุกคนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับตัวตนและภูมิหลังของหยางโปได้

 

ชุยอี้ผิงและหยางโปเพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน ก็มีคนเข้ามานั่งอีกสองคน ล้วนเป็นผู้กํากับที่มีชื่อเสียง

 

ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่มีบางคนที่มักจะชําเลืองมองไปที่หยางโปทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจดูเหมือนว่ามีอะไรเกิดขึ้น

 

หยางโปไม่สนใจเลย เพราะเขาก็ไม่ชอบงานแบบนี้อยู่แล้ว ทุกคนต่างพากันคุยโว้โอ้อวด

 

มันสิ้นเปลืองเวลาจริงๆ แต่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ชุยอี้ผิงอยู่ต่อเขาจึงต้องทนนั่งอยู่ต่อไป

ไม่นานประตูห้องวีไอพีก็เปิดออกมาอีกครั้ง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ทันทีที่เดินเข้าประตูมาก็ได้ยินสําเนียงกวางตุ้งของเขา ” ขอโทษด้วยจริงๆต้องขอโทษด้วยที่ผมมาสาย! ”

 

หลายคนต่างพากันเข้าไปทักทายคนที่มาอย่างกระตือรือร้นทําเหมือนกับว่าบุคคลที่เข้ามานี้มีพื้นเพใหญ่โตมาก

 

หยางโปยังคงนั่งจิบชาอยู่กับที่ไม่ได้หันไปมองทางด้านชุยอี้ผิงก็เข้าไปทักทายอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน

 

คนที่เข้ามายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ เมื่อเห็นโต๊ะที่นั่งเต็มแล้วก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทําไมไม่มีที่ว่าง

 

เวลานี้ สายตาของทุกคนหันไปทางหยางโปและเห็นได้ชัดว่ามีเพียงคนเดียวที่เป็นส่วนเกินของที่นี่คือหยางโป ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ

 

คนที่เข้ามาหันมองไปตามสายตาของทุกคนเมื่อเห็นใบหน้าของหยางโปอย่างชัดเจน ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ “ในเมื่อที่นั่งเต็มแล้ว ผมนั่งที่โต๊ะทางซ้ายก็ได้!”