จางซื่อเหลียนตกใจมาก นางมองดูซือหยูด้วยความสับสน แม้แต่นางก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มในชุดดำคนนี้มาจากไหน!
มีแค่เซี่ยจิงหยูที่ยังคงใจเย็น นางสัมผัสถึงพลังอันคุ้นเคยจากเขา นี่เป็นพลังของซือหยู
แต่แววตานางก็หม่นหมองลงเมื่อเห็นสาวสวยที่ยืนข้างๆเขา นางไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้
แต่ความอ่อนเยาว์ของนางนั้นก็เป็นความหวังของนาง นางจึงสนใจมองแต่ซือหยู
“มีอะไรที่ขัดใจเจ้าอีกหรือไม่?”
ซือหยูมองทั้งสองขณะที่พูด
เฮ่ยเยี่ยหลางจุนยังอยู่ในความตกใจกับการเผชิญหน้าเมื่อครู่ เขารู้สึกราวกับว่าถูกช้างตัวใหญ่เหยียบร่าง ความต่างในพลังของเขากับชายคนนี้มีอยู่มากนัก!
หนานอู่ทั้งตกใจและสับสน วิชาระดับอำมฤตของชายผู้นี้น่าตกตะลึงมาก แต่ด้วยบางอย่าง สัญชาตญาณบอกเขาว่านี่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งในพลังของชายลึกลับคนนี้
ทั้งสองเริ่มหวาดกลัวซือหยู พวกเขาทิ้งระยะห่างในทันที ไม่มีใครสักคนที่กล้าจะขอแผ่นป้ายไผ่!
ซือหยูละสายตาจากทั้งสองคนและค่อยๆบินลง เขานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในลานนกกระจอกเทวะพร้อมกับกิเลนน้อย
ทุกคนที่นี่รู้สึกได้ในทันทีว่ามุมที่เขานั่งอยู่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของลานนกกระจอกเทวะไปแล้ว จางซื่อเหลียนละสายตาจากเขาและรออยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นนางจึงพูดด้วยเสียงอันสดใส
“ถ้าหากเรื่องจบแล้ว ก็เริ่มพิธีแลกเปลี่ยนขั้นที่สองกันเถอะ!”
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ ในพื้นที่เปิดที่นำพาไปยังจิวโจวที่ไม่ต่างจากเฉินหลงนั้นมีผู้เฒ่าหลายคนรออยู่แล้ว แต่ละคนมีพลังอย่างน้อยในขอบเขตภูติ ในนั้นยังมีจ้าวเทวะอยู่ด้วยอีกหลายคน!
ลู่จือยี่ที่เคยร่วมค่ำคืนอันลึกซึ้งกับซือหยูเองก็อยู่ในคนกลุ่มนี้ ลู่จือยี่นั่งสมาธิอยู่ในมุมหนึ่งของลานประลองลับสวรรค์ นางแววตาสั่นเครือแสดงให้เห็นถึงความกระสับกระส่ายของนาง
“สิ่งใดกวนใจเจ้ารึ?”
เสียงอันอ่อนโยนดังมาจากข้างหูนาง
ลู่จือยี่ที่แววตาสั่นเครือลืมตาขึ้น ความเจ็บปวด ความชิงชัง และอารมณ์อันอธิบายไม่ได้ฉาบแววตาไปช่วงหนึ่ง
นางเงยหน้ามองและพบใบหน้าหล่อเหลาอันสง่างามสะท้อนดวงตา ใบหน้าเยือกเย็นราวน้ำแข็งของนางแดงระเรื่อ
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ไทซู”
ลู่จือยี่พูดเบาๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรักในชายคนนี้
ถ้าซือหยูอยู่ที่นี่เขาก็จะบอกได้เลยว่าชายคนนี้คือคนรักของลู่จือยี่ เขาคือเจ้าของนามที่ลู่จือยี่ตะโกนเมื่อซือหยูพรากครั้งแรกจากนางไป
ผู้ทรงพลังหลายคนที่อยู่รอบข้างหันไปมองคู่รัก พวกเขาต่างริษยาในคู่สร้างคู่สมนี้…
“ธิดาสวรรค์ลู่จือยี่ กับมังกรในหมู่บุรุษกู้ไทซู! สองคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่จะเกิดขึ้นในทุกพันปีในดินแดนพรสวรรค์ของเรา! เพียงอายุยี่สิบปีก็มีพลังระดับจ้าวเทวะ กู้ไทซูยังไปอยู่ในระดับขั้นหลังของจ้าวเทวะ! เขาเริ่มที่จะเตรียมทะลวงพลังขอบเขตอสูรเนรมิตรแล้ว”
“จริงอย่างที่เจ้าว่า สองคนนี้เป็นคู่สร้างจากสวรรค์ ทั้งสองเหมาะสมกันยิ่งนัก”
“ข้าได้ยินจากตำหนักเมฆาม่วงมาว่าอาจารย์ของกู้ไทซู บุรุษแห่งเมฆาม่วงกำลังเตรียมงานวิวาห์ของทั้งสองด้วยตัวเอง! นี่จะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรรค์แน่นอน”
หัวใจของลู่จือยี่อบอุ่นขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของคนรอบข้าง แต่เมื่อคิดถึงความบริสุทธิ์ที่ถูกพรากเอาไป หัวใจนางก็สั่นเครือ แววตาของนางหม่นหมองลง
“ที่รัก เจ้าติดอยู่ในขั้นแรกของจ้าวเทวะมานานพอแล้ว เจ้าต้องทำใจให้เย็นลงเพื่อเตรียมจะเข้าสู่ขั้นกลาง อย่างปล่อยให้จิตใจของเจ้าวอกแวก นั่นจะทำให้เจ้าเพิ่มพลังได้ยากขึ้น!”
กู้ไทซูพูดอย่างอ่อนโยน ความไม่พอใจฉายอยู่ในดวงตาเมื่อมองท่าทางแปลกๆของลู่จือยี่ เขาไม่ชอบเรื่องที่นางกำลังเก็บซ่อนอะไรบางอย่างจากเขา
ในตอนนั้น ภูติหลายคนที่มองดูพิธีแลกเปลี่ยนเริ่มหันมาพูดคุยกัน…
“เลี่ยงสายฟ้า! มันไม่ใช่วิชาลับของจักรพรรดิสายฟ้าหรอกรึ?”
“ในที่สุดก็มีคนหาสมบัติจักรพรรดิสายฟ้าเจอแล้วหรือนี่?”
จักรพรรดิสายฟ้านั้นมีชื่อในทวีปจิวโจวเป็นอย่างมาก วิชาลับของเขาเป็นที่รู้จักกับหลายคน
‘จักรพรรดิสายฟ้ารึ?’ กู้ไทซูพูดชื่อจักรพรรดิสายฟ้าเบาๆ แม้อย่างนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
หลังจากนั้นเหล่าภูติทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขาหันไปมองลู่จือยี่กับกู้ไทซูพร้อมกัน
เอ๋? กู้ไทซูขมวดคิ้ว เขาถามกลุ่มคนที่มองเข้ามา
“พวกท่านมองอะไรกัน?”
เหล่าภูติพูดไม่ออก พวกเขาแหวกทางให้เขาผ่าน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลัวว่าเขาจะโกรธ
กู้ไทซูไม่พอใจกับท่าทางของคนเหล่านี้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสุขุมขณะที่เดินไปข้างหน้า เขามองลานนกกระจอกเทวะผ่านม่านแสงขนาดใหญ่
กู้ไทซูมองผ่านเหล่าผู้คนและเห็นซือหยูที่เอาชนะเฮ่ยเยี่ยหลางจุนกับหนานอู่ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อได้เห็น ‘ลู่จือยี่’ ที่ยืนอยู่ข้างซือหยู
“เจ้ารู้จักไอ้คนคนนี้หรือไม่?”
กู้ไทซูมองลู่จือยี่ด้วยแววตาอบอุ่น
ลู่จือยี่ตกใจในคำถาม นางยืนขึ้นและเดินไปหาเขา นางมองไปยังลานนกกระจอกเทวะ ความชิงชังเอ่อล้นออกมาทันทีที่นางมองเห็นซือหยู แต่ความชิงชังนั้นก็ถูกความเจ็บปวดรวดร้าวกลืนกินในไม่นาน
นางให้อภัยเขาไม่ได้ แต่นางก็เกลียดชังเขาไม่ได้เสียทีเดียว แต่เมื่อนางมองต่อไปก็พบหญิงสาวที่งดงามยืนอยู่ข้างเขา หญิงสาวคนนั้นเหมือนกับนางราวกับแกะ นอกจากเรื่องที่นางดูอ่อนเยาว์กว่าก็แทบจะไม่มีสิ่งใดที่ต่างจากนางเลย!
“นี่มัน…”
ลู่จือยี่ตกใจและสงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงดูเหมือนกับนางมากเช่นนี้ และทำไมนางถึงอยู่กับซือหยู?
เมื่อนางแอบมองกู้ไทซูก็พบสีหน้าแปลกๆของเขา เขาจับจ้องไปที่ซือหยูอย่างเยือกเย็น
“พี่ไทซู เขาก็แค่ศิษย์สำนักศีลหวนคืนที่ข้าเคยเจอหนึ่งครั้ง เราเดินทางกันในกระโจมเทพสวรรค์ช่วงหนึ่งเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา”
ลู่จือยี่พูดเสียงค่อย
นางขบริมฝีปาก จะอย่างไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางจะไม่มีวันเผยเรื่องที่นางถูกพรากความบริสุทธิ์ไปจากชายคนนี้! ถ้าหากมีคนรู้เรื่องนี้เข้า พี่ไทซูจะไม่รักนางอีกต่อไป!
“เอ๋ แล้วผู้หญิงคนนั้นเล่า?”
กู้ไทซูหรี่ตามองและถามนาง เขาสงสัยมาโดยตลอด…
จะเป็นไปได้อย่างไรที่ชายแปลกหน้าจะมีหญิงสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับคู่หมั้นของเขาติดตามมาด้วย?
ลู่จือยี่จ้องมองหญิงสาวคนนั้น นางแววตาลุกวาวขึ้นเมื่อมองผ่านนาง
“ดูเหมือนนางจะเป็นแค่สัตว์วิญญาณที่มีพลังแปลงกาย นางแค่เอารูปลักษณ์ของข้าไป”
ความรู้สึกประหลาดเอ่อล้นออกจากหัวใจลู่จือยี่เมื่อนางพูด…
ทำไมซือหยูจะต้องสร้างสัตว์ประหลาดให้ใช้รูปลักษณ์ของนาง แล้วปล่อยให้มันติดตามเขาไปในทุกที่กัน?
หรือเป็นเพราะเขาตกหลุมรักนางเมื่อได้ร่วมค่ำคืนด้วยกันในครั้งนั้น?
ความโศกเศร้าที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของหัวใจนางดูลดลงไปเมื่อนางคิดถึงความเป็นไปได้นี้ แม้ว่าเขาจะพรากครั้งแรกจากนางไป เขาก็ดูไม่ใช่บุรุษที่ไร้หัวใจ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาทำแม้กระทั่งให้สัตว์ประหลาดใช้รูปลักษณ์ของนางเมื่อนางจากไปแล้ว!
สตรีช่างเป็นสิ่งประหลาด! พวกนางเกลียดชังบุรุษผู้หนึ่งได้ไปตลอดชีวิต แต่พวกนางก็สามารถให้อภัยได้ในพริบตาเช่นกัน!