DC บทที่ 331: รู้ความจริง
หลังจากที่เหล่าศิษย์พาซูหยินไปยังห้องของพวกเธอและนั่งลงแล้ว เหล่าหญิงสาวก็ถามเธอว่า “เจ้าต้องการจะรู้อะไรเกี่ยวกับพี่ชายของเจ้ารึ น้องหญิง”
“อืมม… ตั้งแต่เริ่มต้น พวกท่านสามารถบอกข้าเกี่ยวกับชีวิตของพี่ชายข้าในนิกายในฐานะศิษย์ได้หรือไม่ ตำแหน่งของเขาเป็นอย่างไร มีใครรังแกเขาหรือไม่”
บรรดาศิษย์ต่างพากันสบสายตากันไปมาหลังจากที่ได้ยินคำถามของซูหยินก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าพี่ชายเจ้าเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายๆงั้นรึ แม้ว่าเขาจะถูกล้อเลียนจากคนอื่นในตอนแรกยามที่เขาได้เข้าร่วมนิกายเนื่องมาจากคำร่ำลือบางอย่าง ศิษย์พี่ชายได้พิสูจน์ตัวเองต่อทุกคนอย่างรวดเร็วว่าเขามิใช่ชายที่จักล้อเล่นได้ สร้างความตื่นตระหนกให้กับเขตศิษย์นอกกับความแข็งแกร่งอันลึกล้ำในฝีมือกระบี่”
“ตอนนี้ในเมื่อเจ้าได้พูดถึง คำร่ำลือนั้นเรียกศิษย์พี่ชายว่าเป็นคนพิการ”
ซูหยินเลิกคิ้ว “คนพิการ แม้ว่าพี่ชายมักจะปฏิเสธที่จะฝึกวิชายามอยู่ที่บ้าน แต่เป็นที่แน่นอนว่าเขามิใช่คนพิการ”
เหล่าศิษย์มองดูเธอด้วยดวงตาโตขึ้นเล็กน้อย
“เราจักมิพูดถึง “พิการ” ประเภทนั้น หนึ่งในเหล่าศิษย์กล่าว ซึ่งได้ชี้ไปที่บริเวณที่ลับของตนเอง “นั่นเป็นเงื่อนไขที่สามารถเป็นได้สำหรับชายเท่านั้น ถ้าชายไม่สามารถกระทั่งยกน้องชายขึ้น เขาจะยังคงถือว่าเป็นชายอยู่อีกรึ”
“?!?!” ซูหยินทำตาโตด้วยความตระหนก “นั่นยิ่งไร้สาระ มิมีทางที่เขาจะพิการตรงนั้น อย่างไรก็ตามข้าได้เป็นเห็นมันด้วยตน–”
เมื่อรู้ตัวว่าเธอกำลังจะพูดอะไร ซูหยินรีบปิดปากตัวเอง สร้างความงุนงงให้กับเหล่าศิษย์ที่นั่น
“อืม… สิ่งที่ข้าพยายามจะพูดก็คือ… ข้าบังเอิญเห็นพี่ชายเปลือยครั้งหนึ่ง… และก็เห็นชัดว่ามันทรงพลังในเวลานั้น…“ ซูหยินใช้ไหวพริบหาข้อแก้ตัวออกมาได้
บรรดาศิษย์ต่างพากันสบสายตากันไปมาก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“เอาล่ะ พวกเรามาพูดถึงพี่ชายเจ้ากันต่อเถอะ”
พวกเธอกลับคืนสู่หัวข้อหลังจากที่หัวเราะกันชั่วขณะ
“กระทั่งในฐานะศิษย์นอก ศิษย์พี่ชายได้มีอิทธิพลอย่างมากภายในเหล่าศิษย์ โดยเฉพาะผู้หญิง เมื่อเขากลายเป็นศิษย์ใน เขาก็ยิ่งเป็นที่นิยมซึ่งมีศิษย์มากมายขอพบเขาทุกวัน”
“ว้าว.. พี่ชายของข้ามีอำนาจมากเช่นนั้นเลยรึ” ซูหยินอดที่จะแสดงความชื่นชมไม่ได้
“ทรงอิทธิพลรึ แม้ว่าเขาจะเป็นที่รู้จักว่ามีพรสวรรค์เชิงกระบี่ แต่นั่นมิใช่เหตุผลที่เขาเป็นที่นิยม” ศิษย์คนหนึ่งกล่าว
“เอ๋ พวกท่านหมยความว่าอะไรเช่นนั้น” ซูหยินเอียงคอของเธอ
“ศิษย์พี่ชายเป็นที่นิยมโดยหลักแล้วเพราะว่ากลเม็ดของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลเม็ดการใช้มือของเขา”
“ก-กลเม็ดการใช้มือรึ พี่ชายมีพรสวรรค์ในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าด้วยเช่นนั้นรึ”
เพราะว่าซูหยินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นอะไร เธอจึงไม่สามารถเข้าใจคำพูดของเหล่าศิษย์เหล่านี้ กระทั่งเข้าใจพวกเธอผิดไป
“…”
ศิษย์นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมองดูซูหยินด้วยดวงตาสงสัย พวกเธอเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปกับสถานการณ์นี้
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ หนึ่งในเหล่าศิษย์ก็กล่าวขึ้นว่า “อืมม.. น้องหญิง… เจ้ารู้จักไหมว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นสถานที่เช่นไร เจ้าเคยได้ยินได้ฟังมาก่อนหรือไม่”
ซูหยินส่ายหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ไม่ ข้ามิเคยได้ยินนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาจนกระทั่งวันนี้ วิชาประเภทไหนกันที่พวกท่านเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ”
ครั้นเมื่อซูหยินเปิดเผยให้เหล่าศิษย์เห็นถึงความไม่รู้ของเธอ เหล่าศิษย์ต่างพากันกุมหน้าผาก
“ไอย่า เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
“คิดว่าพวกเราคงต้องเริ่มจากตรงนั้น”
“มีอะไรหรือ พี่หญิง” ซูหยินมีท่าทางงุนงงกับปฏิกิริยาแปลกประหลาดของเหล่าศิษย์
“อย่าตระหนกเกินไปหากเจ้าได้ยินเรื่องนี้ แต่… นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยฝึกวิชาคู่…”
หลังจากที่พูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ทั้งห้องพลันเงียบไป และเหล่าศิษย์ต่างก็พากันรอปฏิกิริยาของซูหยินอย่างกระวนกระวาย
“ฝึกวิชาคู่รึ เป็นการฝึกฝนประเภทไหนกัน”
ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของซูหยินสร้างความตระหนกให้กับเหล่าศิษย์
“ธ-เธอบริสุทธิ์เกินไป… ข้ามิคิดว่าเราควรให้เธอรู้…” หนึ่งในเหล่าศิษย์พลันกระซิบกับคนอื่น
“ข้าคิดว่านั่นสายเกินไปแล้วสำหรับเรื่องนั้น ต่อให้พวกเรามิพูดอะไรในวันนี้ เธอก็จักรู้ความจริงไม่ช้าก็เร็ว”
“ข้าก็คิดว่าเราควรบอกเธอให้รู้ความจริงเช่นกัน อย่างไรก็ตามเธอก็ยังเป็นน้องสาวของศิษย์พี่ชาย”
“จริงด้วย ศิษย์พี่ชายคงจะยับยั้งพวกเราไว้แล้วตั้งแต่ตอนนั้นถ้าเขามิต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”
หลังจากพูดคุยกันสั้นๆระหว่างพวกเธอ เหล่าศิษย์สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะบอกซูหยินตามความเป็นจริง
“น้องหญิง อย่าตื่นตระหนกเกินไปเมื่อเจ้าได้ยินเรื่องนี้ แต่…การฝึกวิชาคู่นั้นก็คือการที่ชายและหญิงอยู่ร่วมกันและแลกเปลี่ยนหยินและหยาง.. อีกความหมายหนึ่งก็คือ พวกเขามีเพศสัมพันธ์กัน”
สถานที่นั้นพลันเงียบลงไป และซูหยินก็นิ่งค้าง ท่าทางของเธอแข็งทื่อดูราวกับรูปปั้น
“…”
“…”
“…”
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันเงียบงันอึดอัดเป็นเวลานาน ร่างที่เกร็งค้างของซูหยินก็พลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และในเวลาถัดไปเธอก็กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
“น้องหญิง เจ้ายังดีอยู่ไหม”
เหล่าศิษย์ต่างพากันตกใจเป็นอันมากกับปฏิกิริยาของซูหยิน ไม่มีใครในหมู่พวกเธอได้คาดว่าอีกฝ่ายจะได้รับความตระหนกมากมายเพียงนั้น
“ท-ท-ท-ท่านโกหก พวกท่านโกหกข้า มิมีทางที่พี่ชายข้าจะทำสิ่งนั้น” ซูหยินไม่สนใจเลือดบนปลายลิ้นและปฏิเสธทุกอย่างที่พวกเธอเพิ่งพูดออกมา
เหล่าศิษย์ส่ายหน้า เมื่อเห็นซูหยินในสภาพที่ยังไม่อาจยอมรับได้
“ทำไมเราจึงต้องโกหกเจ้า พวกเรามิได้อะไรจากการกระทำเช่นนั้น เจ้าสามารถถามคนทั่วไปได้ถ้าเจ้าต้องการว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นสถานที่ประเภทไหน”
เหล่าศิษย์พากันยักไหล่
“มิมีทาง… เช่นนั้นพวกท่านหญิงสาว… และพี่ชาย…” ซูหยินไม่อาจหยุดสั่น เมื่อตระหนักถึงความจริง
“ถูกต้องแล้ว พวกเราทุกคนได้ร่วมฝึกกับศิษย์พี่ชายเรียบร้อยแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้ง”
เมื่อเหล่าศิษย์กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ ต่างก็มีท่าทางพึงพอใจบนใบหน้าตนเอง ราวกับว่าพวกเธอภูมิใจกับการได้รับความสำเร็จเช่นนั้น
“แงๆๆๆๆๆๆๆ”
ซูหยิงพลันเริ่มร่ำไห้น้ำตาไหล
“กระทั่งข้ายังมิเคยก้าวไปไกลถึงเช่นนั้นกับพี่ชาย ข้าต้องการเป็นคนแรกของเขา เช่นกัน แงๆๆๆๆๆๆๆ”
ด้วยว่าหัวใจของเธอเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า ซูหยินจึงไม่สนใจกับการซ่อนความรู้สึกของตนเองต่อซูหยางอีกต่อไป
“…”
เหล่าศิษย์ต่างพากันทำกรามร่วงลงสู่พื้นเมื่อเธอได้ยินคำพูดของซูหยิน
“จ-เจ้ารักพี่ชายของเจ้าจริงๆ หือ…”
“ผิดด้วยหรือที่ข้ารักเขา ข้ามิได้รับอนุญาตให้รักเขาเพราะว่าเราเป็นพี่น้องในสายเลือดกันหรือไร”
“เอ้อ…”
เหล่าศิษย์พากันสบสายตากันก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นใครกัน จะเป็นอะไรถ้าเจ้าจะมีความรู้สึกต่อพี่ชายของเจ้า ถ้าพวกเราสนใจกับสิ่งที่สังคมคิด เราก็คงมิได้มาเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยตั้งแต่แรก”
“เอ๋ พวกท่านมิได้รังเกียจข้ารึ” ซูหยินมองดูศิษย์เหล่านี้ตาโต
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าดูถูกพวกเราศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมากไปแล้ว เจ้าคิดบ้างไหมว่ามีพี่น้องกี่มากน้อยที่เคยอยู่ในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่เป็นคู่ฝึกกัน ความไร้ยางอายของพวกเราเป็นที่รู้กันว่าไร้ขอบเขต”
“เคยอยู่รึ… เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา” ซูหยินถามด้วยเสียงสั่นสะท้าน
“อา อย่ากังวล มิใช่ว่าพวกเราไล่พวกเขาหรืออะไรทำนองนั้น บางสิ่งได้เกิดขึ้นกับนิกายของพวกเราก่อนหน้านี้ จนทำให้ศิษย์ของพวกเราส่วนใหญ่ได้จากไป ดังนั้นพวกเราตอนนี้จึงอยู่ในฐานะที่ลำบาก”
“…”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยินก็ปาดน้ำตาออกไปจากใบหน้าและมองดูเหล่าศิษย์ด้วยท่าทางจริงจัง
“เช่นนั้นพวกท่านพูดว่าถ้าข้าเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เช่นนั้นข้าจักสามารถรักพี่ชายข้าได้อย่างเปิดเผยโดยมิถูกใครดูหมิ่นเหยียดหยามรึ” เธอถามอีกฝ่าย
เหล่าศิษย์ไม่คาดว่าเธอจะถามคำถามเช่นนั้นและได้แต่เพียงจับจ้องไปยังเธอด้วยสีหน้างงงัน
“อืออ… ข้าเดาว่าเช่นนั้น” สุดท้ายหนึ่งในพวกเธอก็ตอบ
“ดี เช่นนั้นข้าจักเข้าร่วมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย” ซูหยินพลันประกาศออกมา
“เจ้าจะทำอะไรนะ”
ได้ยินคำพูดของซูหยิน เหล่าศิษย์ต่างอดที่จะตะโกนออกมาเสียงดังไม่ได้