ตอนที่ 615 พลานุภาพสะท้านระดับเดียวกัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 615 พลานุภาพสะท้านระดับเดียวกัน โดย ProjectZyphon

“ใครเป็นคนทำกันแน่”

คนใหญ่คนโตหลายคนเอ่ยถาม แต่ข่งซิ่วไม่พูดสักคำ ไม่ตอบกลับ มีเพียงสีหน้าที่ยิ่งเขียวคล้ำขึ้น

ต่อมาผู้อาวุโสคนหนึ่งจากเผ่าโห่วเมฆาออกปากถาม สีหน้าข่งซิ่วเหยเกไม่มั่นคง แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร

จะพูดได้อย่างไร

หรือจะให้เขายอมรับภายใต้สายตาผู้คนมากมาย ว่าตนถูกคู่ต่อสู้ฆ่าตายตอนที่ปิดล้อมโจมตี

น่าขายหน้าเกินไปแล้ว!

ข่งซิ่วไม่มีทางยอมให้ความอับอายเช่นนี้คงอยู่ต่อไป

บรรยากาศในที่นั้นเงียบเชียบน่าอึดอัดไปบ้าง คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าสีหน้าวูบไหว ใบหน้าผุดอารมณ์หลากหลายซับซ้อนยิ่งนัก พวกเขาล้วนตื่นตระหนกแล้ว

ความพ่ายแพ้ของข่งซิ่วช่างเหนือความคาดหมายเกินไป จากจุดนี้ก็สามารถคาดคิดได้ว่า การต่อสู้ดุเดือดที่เกิดขึ้นในแดนลับอสูรมารอริยะนั้นน่ากลัวเพียงใด

วาสนาหายากในโลกานี้ท้ายที่สุดแล้วจะตกอยู่ในมือใคร

ก็ระหว่างที่ฝูงชนกำลังฉงนอยู่นี้เอง บนแท่นบูชาวิญญาณด้านหน้าเผ่าเต่าทมิฬพลันเกิดเสียงครึกโครม เงาร่างจิตวิญญาณเงาหนึ่งโซซัดโซเซออกมา คำรามขึ้นราวสัตว์ป่า

เสวียนหลัวจื่อ!

เมื่อดูเงาร่างนั้นออก แต่ละเผ่าต่างล้วนสูดหายใจเยียบเย็น บุคคลระดับบุตรเทพถูกฆ่าและถูกคัดออกอีกคนหนึ่งแล้ว!

นี่ช่างเกินความคาดหมายเสียจริง ใครเป็นคนทำกันแน่

หรือว่าในแดนลับอสูรมารอริยะจะเกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่าง กระทั่งคนระดับข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อก็ประสบเคราะห์ติดๆ กัน

“หรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตน่ากลัวอย่างพวกพญาเผิงปีกทองนั่นทำ”

มีคนใหญ่คนโตสันนิษฐาน อย่างไรเสียในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปในแดนลับอสูรมารอริยะ ไม่ว่าจะเป็นข่งซิ่วหรือเสวียนหลัวจื่อก็ล้วนจัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

ขนาดพวกเขายังพบเคราะห์ นี่ย่อมดูผิดปกติ

เพราะต่อให้เป็นหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงซึ่งเป็นบุตรเทพชั้นยอดเช่นเดียวกัน น่ากลัวจะสังหารเป็นข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อได้ยาก

ที่ทำให้ทุกคนผิดหวังก็คือ หลังจากเสวียนหลัวจื่อปรากฏกายก็ไม่พูดไม่จาสักคำเหมือนกับข่งซิ่ว สีหน้าเหยเกหาใดเทียบ กระสับกระส่ายและโกรธเคืองราวสัตว์ร้ายที่ถูกทำให้ตกใจ

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

คนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าล้วนฉงนใจไม่ว่างเว้นเสียแล้ว

และก็ในเวลานี้เอง บนแท่นบูชาวิญญาณของเผ่าวัวมารทรงพลัง เงาร่างหนึ่งอุบัติขึ้น ทันทีที่ปรากฏตัวก็เกิดเสียงคำรามเดือดดาลลั่นฟ้า

“เป็นไปไม่ได้! โลกนี้จะมีคนพรรค์นี้ได้อย่างไร! น่าชังนัก! เจ้าหมอนั่นเป็นเผ่ามนุษย์เสียที่ไหน สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งชัดๆ!”

เสียงร้องทำให้ทั้งที่นั้นตระหนก พาให้ทุกเผ่าล้วนตกตะลึง เผ่ามนุษย์หรือ

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เผ่ามนุษย์ทำหรือ

ขนาด ‘ราชันวัวมารน้อย’ หนิวทุนเทียนผู้นี้ยังถูกฆ่า ถูกเคลื่อนย้ายออกมาและบ้าคลั่งไปแล้ว!

เผ่าวัวมารทรงพลังเป็นเผ่าใหญ่ที่อหังการ์ที่สุดในหมู่ชนเผ่าพื้นเมืองของทะเลกลืนวิญญาณ หนิวทุนเทียนซึ่งมีฐานะเป็นบุตรเทพแห่งยุคของเผ่า เป็นเหมือนอันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วิถีฝึกปราณก็เจิดจ้าเฉิดฉาย ทรงอำนาจหาใดเทียบ

ใครจะคิดว่าผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับถูกผู้อื่นกำราบจนต้องออกจากการแย่งชิงวาสนา

คนใหญ่คนโตในที่นั้นล้วนตื่นตะลึง นี่ช่างเกินความคาดหมายนัก เป็นคนอย่างไรกันแน่ถึงเอาชนะหนิวทุนเทียนได้

เผ่ามนุษย์!

ในชั่วพริบตานั้น สายตามากมายพากันไปรวมที่ร่างของผู้เฒ่าเกาหยางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณด้วยสีหน้าแตกต่างกัน ทำให้เขาแข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่เช่นนั้น แผ่นหลังเย็นวาบ

เขารับรู้ได้ถึงโทสะและจิตสังหาร

“ทุนเทียน เป็นใครทำกันแน่”

เวลานี้ผู้อาวุโสแห่งเผ่าวัวมารทรงพลัง หนิวเซี่ยวรื่อราชันวัวมารที่แท้จริงเอ่ยปากถาม เสียงสะเทือนเลือนลั่นดุจอสนีบาตเก้าชั้นฟ้า พาให้ผู้แข็งแกร่งทั้งมวลหนาวเยือกในใจ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักอึ้ง

หนิวทุนเทียนสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยอย่างห่อเหี่ยวว่า “ทุนเทียนละอายใจ วันนี้พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มเทพมารเผ่ามนุษย์!”

น้ำเสียงเจ็บปวดและหนักอึ้ง

เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไป ก็ทำให้ทั่วบริเวณนั้นครึกโครมไม่ด้อยไปกว่าเสียงฟ้าผ่า

เด็กหนุ่มเทพมาร!

เป็นเจ้าหมอนี่นี่เอง!

เพียงชั่วขณะเดียว คนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าคิดถึงเรื่องราวมากมาย นึกถึงเรื่องที่เด็กหนุ่มเทพมารนั่นโจมตีสังหารธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตหลินหลางและบุตรเทพเผ่าวาฬมังกรอวี่เซียวเซิง

และคิดถึงว่าเขาคนเดียวกวาดล้างเหล่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่า สร้างผลการศึกน่าหวาดหวั่นนองเลือดตลอดทางได้อย่างไร

เพียงแต่ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มเทพมารนี่ในตอนนี้ถึงกับดุดันป่าเถื่อนได้ถึงระดับนี้ ขนาดหนิวทุนเทียนก็ยังพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือเขา!

“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นผู้มีฝีมือสูงจิตใจกล้าหาญจนไม่กลัวถูกทวงแค้นหรือไร”

ในที่นั้นฮือฮาไม่หยุดหย่อน แต่ละเผ่าจิตใจสั่นระรัว รับรู้ได้ว่าจากศึกวันนี้ ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ต้องกระฉ่อนไปทั่วในหมู่ชนเผ่าของทะเลกลืนวิญญาณแน่!

เพียงแต่เขาคิดอย่างไรกันแน่ เหตุใดถึงบ้าคลั่งปานนี้

“พวกเจ้า…คงไม่ได้ถูกเด็กหนุ่มเทพมารนั่น…”

มีคนใหญ่คนโตเอ่ยปากถามข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อที่ออกมาก่อน

แม้ทั้งสองยังนิ่งเงียบอยู่ดังเดิม แต่สุดท้ายก็พยักหน่าอย่างยากลำบาก

ฮือ!

ทั้งที่นั้นล้วนอึ้งไป ที่แท้ไม่เพียงหนิวทุนเทียน แม้แต่ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อก็ล้วนถูกเขาเล่นงานหรือนี่

คนใหญ่คนโตเหล่านั้นเวลานี้ล้วนสงบใจได้ยาก สีหน้าปรวนแปรไม่แน่นอน เด็กหนุ่มเทพมาร! เขา…เป็นใครกันแน่

ครู่ต่อมา สายตาทั้งที่นั้นล้วนมองไปยังผู้เฒ่าเกาหยาง ส่วนมากสีหน้าไม่เป็นมิตร จิตสังหารพลุ่งพล่าน

“เขาชื่อหลินเสวียน ไม่ได้เป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ มีฐานะเป็นเพียงผู้ติดตามคนหนึ่ง เรื่องอื่นข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกัน”

ในที่สุดผู้เฒ่าเกาหยางก็สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วบอกฐานะของหลินสวิน

ผู้ติดตามหรือ

ใบหน้าคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าเกร็งกระตุกอย่างยากสังเกตได้ สีหน้ายิ่งเหยเกเสียแล้ว นี่มันหมายความว่าอย่างไร

จะบอกว่าบุคคลระดับบุตรเทพของเผ่าพวกเขา เทียบไม่ได้แม้แต่ผู้ติดตามของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนหนึ่งเชียวหรือ

“หากทุกท่านไม่เชื่อก็ทำได้เพียงรอยามเขาออกมา แล้วจับเขาเค้นถาม พูดตามจริง เวลานี้ข้าก็อยากจะแทงเจ้าเด็กคนนี้ให้ตายคามือเช่นกัน”

ผู้เฒ่าเกาหยางยอมบอกทุกอย่างแล้ว สีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง “ทุกท่านอย่างลืมว่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของข้าคนหนึ่งก็ถูกไอ้เวรนี่ฆ่า! เวลานี้จะมีแก่ใจปกป้องมันได้อีกหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวลานี้ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่า คราวช่วงชิงวาสนาที่ภูเขาเก้าลูกนั้นก็เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริง เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นกับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณรบราฆ่าฟันกันเอง ทั้งยังปลิดชีพหนึ่งในผู้สืบทอดนามว่ากงหยางอวี่

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ที่เกาหยางพูดนั้นคงไม่เป็นเรื่องเท็จ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เวลานี้เกาหยางแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ปกป้องเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นอีก นี่ทำให้คนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าเชื่อคำพูดของเกาหยางในที่สุด

ทว่าที่ทำให้พวกเขาเศร้าสร้อยและคับข้องใจก็คือสิ่งนี้ คนอย่างผู้ติดตามคนเดียวก็ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ทั้งยังฆ่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าไม่รู้เท่าไร

สุดท้ายขนาดหนิวทุนเทียน ข่งซิ่ว และเสวียนหลัวจื่อล้วนถูกกำราบจนออกจากการต่อสู้!

ทั้งหมดนี้ล้วนดูบ้าคลั่งและเหลือเชื่อเกินไป ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกเผ่าเมื่อนึกถึงก็แทบจะกระอักเลือด

“ไม่ถูกต้อง พวกหนิวทุนเทียนต่างแพ้แล้ว เมิ่งเหลียนชิงแห่งเผ่าหงส์หิรัณย์เล่า แม่หนูนี่ก็เป็นบุคคลระดับบุตรเทพชั้นยอดคนหนึ่งเช่นกันนี่”

ทันใดนั้นมีคนใหญ่คนโตเอ่ยปาก ดึงดูดความสนใจ

“ให้ตายสิ จริงอย่างที่เจ้าพูด”

ผู้อาวุโสเผ่าหงส์หิรัณย์โกรธจนคำรามใหญ่โต เขาดูเหมือนโมโห แท้จริงภายในใจกลับรู้สึกโชคดี คิดว่าไม่แน่บางทีเมิ่งเหลียนชิงอาจสามารถทุ่มแรงฝ่าคลื่นเชี่ยวกรากออกมา และสร้างปาฏิหาริย์ชิงวาสนาใหญ่ออกมาได้

“นางหรือ”

เวลานี้หนิวทุนเทียนพลันบันดาลโทสะ กัดฟันคำรามว่า “หากไม่ใช่นางหนีไปก่อน ข้าจะพ่ายแพ้รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร”

หนีหรือ

คนใหญ่คนโตทั้งที่นั้นล้วนอึ้งไป ส่วนความรู้สึกโชคดีวูบหนึ่งในใจผู้อาวุโสเผ่าหงส์หิรัณย์ก็พังครืนสิ้น สีหน้าถมึงทึงยิ่งนัก โกรธจนแทบคลั่งแล้ว

“พูดเช่นนี้ เจ้าถูกเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเอาชนะตอนร่วมมือกับเมิ่งเหลียนชิงงั้นหรือ”

มีคนใหญ่คนโตถามอย่างฉงน จับจุดสำคัญได้อย่างเฉียบแหลม

“หึ!”

หนิวทุนเทียนเหมือนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่เพียงแต่พวกเราสองคน ยังมีข่งซิ่วกับเสวียนหลัวจื่อ พวกเราสี่คนร่วมมือกันก็ล้วนไม่อาจกำราบเด็กหนุ่มเทพมารนั่นได้! อย่างไรเล่า รู้สึกตื่นตระหนกหรือไม่ เหลือเชื่อล่ะสิ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกท่านต้องการหรือ”

เขาเหมือนระบายความรู้สึกในใจทุกอย่างออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาลไร้ที่สิ้นสุด

เวลานี้ทุกเผ่าในที่นั้นล้วนตื่นตระหนกอย่างแท้จริงแล้ว ทั้งยังรู้สึกเหนือความคาดหมายยิ่ง ไม่อาจควบคุมความรู้สึกในใจได้เลย

บุตรเทพชั้นยอดสี่คนร่วมมือกัน กลับถูกเด็กหนุ่มเทพมารนั่นเล่นงานเสียจนแพ้ราบคาบ สามคนถูกขับออกจากการต่อสู้ อีกคนหนึ่งก็หนีไป!

เมื่อเผชิญหน้ากับข่าวเช่นนี้ ใครยังจะสงบใจอยู่ได้

ทั่วบริเวณนั้นไม่มีเสียงฮือฮา ไม่มีเสียงแล้ว บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบเหมือนตาย กดดันเสียจนหายใจไม่ออก

เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้น…เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้ได้

เขาเป็นใครกันแน่

ความสงสัยนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินวีรกรรมของเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าจวบจนตอนนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้น

กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ด้วยการสอบถามของคนใหญ่คนโตมากมาย พวกเขาถึงได้รู้เรื่องการประลองที่เกิดขึ้นในอาศรมโบราณนั้น รู้เรื่องวาสนาที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานนั้น อีกทั้งได้รู้ถึงความน่ากลัวของเด็กหนุ่มเทพมารด้วย!

“วาสนาครั้งนี้ใกล้ปิดฉากลงแล้ว ทุกท่านเตรียมตัวให้ดี ขอเพียงรอไอ้ชั่วนี่ปรากฏกายก็ให้จับมันไว้ทันทีไม่ว่ามันเป็นใคร ใครกล้าขวางให้ฆ่าไม่เว้น!”

ราชันวัวมารหนิวเซี่ยวรื่อพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นราวน้ำแข็ง สะเทือนไปทั่วบริเวณ จิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นราวกับพายุม้วนกลืนจิตใจทุกคน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนใหญ่คนโตจากทุกเผ่าล้วนพยักหน้า ท่าทางเหมือนกันอย่างประหลาด

ทุกคนล้วนรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มเทพมารนั่นใกล้จะจบสิ้นแล้ว ต่อให้เขาได้รับวาสนาจากแดนลับอสูรมารอริยะมากกว่านี้ ต่อให้พลังต่อสู้ระดับหยั่งสัจจะเรียกได้ว่าไร้ผู้ใดเทียบเทียม

แต่เพียงเขาออกมาจากแดนลับอสูรมารอริยะ ที่รอเขาอยู่ก็จะเป็นการลงมืออย่างเดือดดาลของเหล่าราชันระดับสังสารวัฏ!

ไม่ว่าเป็นใคร ก็ไม่อาจช่วยชีวิตเขาได้อีก!

……

ในอาศรมโบราณ

หลินสวินยืนเพียงลำพัง ผมดำปลิวไสว ท่วงทำนองแห่งมรรคสีฟ้าอ่อนไหลเอ่อทั่วร่าง ดูสันโดษละกิเลส ท่าทางโดดเด่นจากคนทั่วไป

ใต้เท้าเขามีซากศพสามศพนอนอยู่ เป็นร่างที่หนิวทุนเทียน ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อทิ้งไว้ กลิ่นเลือดคละคลุ้ง น่าประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้เห็น

ส่วนที่เชิงเขา ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่ารู้สึกมึนงง หวาดผวาโดยสิ้นเชิงไม่อาจตั้งสติได้ กระทั่งเวลานี้ก็ยังดูเหมือนไม่กล้าเชื่อ ว่าบุตรเทพชั้นยอดสี่คนนั้นจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มเทพมารคนหนึ่ง…

นี่ดูเหลือเชื่อไปแล้ว ดังนั้นถึงได้สั่นสะท้านจิตใจเป็นพิเศษเช่นนี้

แม้แต่จ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคก เวลานี้ก็ล้วนตาเบิกกว้าง ผลลัพธ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน

พวกเขาไม่ได้รู้สึกย่ำแย่ แต่เป็นรู้สึกดีอย่างยิ่งแล้ว ออกจะรู้สึกไม่เหมือนจริงอยู่บ้าง เหมือนฝันไปอย่างไรอย่างนั้น

สภาพการณ์เงียบเชียบ มีแรงสะเทือนไร้เสียงในห้วงอากาศ

ส่วนหลินสวินกลับไม่ทอดถอนใจ ไม่ครุ่นคิด หรือกระทั่งมีความรู้สึกยินดีปรีดาใดๆ ท่าทีที่เผยออกมาประหนึ่งว่าเป็นการทำเรื่องธรรมดาสามัญเรื่องหนึ่ง

เขาทอดสายตาไปยังกลางอาศรม ที่นั่นมีเบาะรองนั่งใบหนึ่ง

บนเบาะรองนั่ง ตำราทองสาส์นหยกเล่มหนึ่งเปล่งแสงธรรมโชติช่วง ย้อมให้ฟ้าดินมีสีสันงดงามเจิดจ้า ศักดิ์สิทธิ์เหลือคณา

__