ตอนที่ 165 เกิดเรื่องกับหันฮุ่ยซิน

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ถังโจวโจวรู้สึกวาบหวามทุกครั้งที่ลั่วเซ่าเชินสัมผัสผิวกาย เธอพูดอย่างออดอ้อนว่า “เซ่าเชิน มันจักจี้ ไม่เอาแล้วค่ะ” 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ล้มเลิกการเคลื่อนไหวของมือเพราะคำพูดของเธอ และยิ่งเป็นเพราะคำพูดของถังโจวโจว ทำให้การเคลื่อนไหวของลั่วเซ่าเชินยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น 

 

 

           ถังโจวโจวพยายามใช้มือปัดป้องไว้ให้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่มือใหญ่ของลั่วเซ่าเชินนั้นแรงเยอะกว่า เขาสามารถกำจัดการปัดป้องของถังโจวโจวได้อย่างง่ายดาย ถังโจวโจวจึงทำได้แค่ปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวไปตามใจ 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินประทับจูบลงบนริมฝีปากของถังโจวโจว ด้วยกลัวว่าถังโจวโจวจะหนาว ลั่วเซ่าเชินจึงไม่ได้กดเธอลงกับกำแพง เขากอดเธอไว้ในขณะที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวและมีน้ำร้อนช่วยขับไล่ความหนาวเย็นนี้ 

 

 

           แต่ถังโจวโจวไม่ได้รู้สึกหนาวเลยสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังถูกแผดเผา จนแทบจะหลอมละลายไปเพราะการสัมผัสของลั่วเซ่าเชิน 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินอาบน้ำให้ถังโจวโจวอย่างลวกๆ เขาเองก็ถือโอกาสอาบไปด้วยเลย เขาอุ้มถังโจวโจวออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นพวกเขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียง ลั่วเซ่าเชินกดร่างของถังโจวโจวเอาไว้ เขาสังเกตเห็นว่าถังโจวโจวอยากจะหนี แต่มันก็ไม่เป็นไปดั่งใจ 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินคลอเคลียไปตามใบหน้าของถังโจวโจว หน้าผาก จมูก ริมฝีปาก… “อือ…เซ่าเชิน” ถังโจวโจวได้แต่จับผมของลั่วเซ่าเชินอย่างไร้เรี่ยวแรง ราวกับว่ามันสามารถให้พลังงานแก่เธอได้ 

 

 

           เม็ดเหงื่ออุ่นร้อนบนหน้าผากของลั่วเซ่าเชินกำลังไหลหยดลงมา แต่ในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาไม่สนใจ เขาอยากจะจัดการเรื่องตรงหน้านี้ต่อไป แต่โชคไม่ดีที่โทรศัพท์นั้นดังไม่หยุด แม้กระทั่งถังโจวโจวที่กำลังเพลิดเพลินก็ยังได้ยิน ความเคลิบเคลิ้มในอารมณ์เมื่อครู่นี้จางหายไปเล็กน้อย 

 

 

“เซ่าเชิน โทรศัพท์…” 

 

 

“ช่างมัน” ลั่วเซ่าเชินไม่อยากผละตัวออกมา อาหารเลิศรสกำลังจะเข้าปากอยู่แล้ว ใครกันที่โทรศัพท์มารบกวนพวกเขาในเวลานี้ 

 

 

ถังโจวโจวพยายามใช้มือทั้งสองข้างดันตัวของลั่วเซ่าเชินออก “เซ่าเชิน โทรศัพท์ค่ะ ไปรับเร็ว!” 

 

 

ถังโจวโจวผลักเขาออกได้สำเร็จ ลั่วเซ่าเชินรู้สึกเซ็งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศที่สวยงามเมื่อครู่จางหายไปหมดแล้ว เขาจึงทำได้แค่เพียงหาอะไรขึ้นมาคลุมตัว ก่อนจะเดินเข้าไปหาโทรศัพท์ที่ยังคงแผดเสียงอยู่บนพื้นในห้องน้ำ 

 

 

เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินลุกออกไปแล้ว เธอก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวในทันที จนเหลือเพียงแค่ศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นออกมาด้านนอก 

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันทีที่เห็นชื่อของหันฮุ่ยซินปรากฏบนหน้าจอ เขาไม่อยากรับสาย เขาจึงตัดสายทิ้ง ก่อนจะเดินกลับไปหาถังโจวโจว 

 

 

ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อีกครั้ง เธอก็นึกถึงการสัมผัสของลั่วเซ่าเชินเมื่อครู่นี้ ดวงหน้าของเธอถูกระบายไปด้วยสีแดง แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังคงล้อเล่นอยู่อย่างนั้น “โจวโจว ผมผิดเอง ผมกลับมาชดใช้ให้คุณแล้ว!” 

 

 

“เชอะ! คุณนี่มันหน้าไม่อาย!” ถังโจวโจวสบถใส่เขาตรงๆ 

 

 

แต่ลั่วเซ่าเชินนั้นหน้าหนา เขาหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “โจวโจว ผมรู้ว่าคุณชอบ แต่คุณแค่ปากแข็งน่ะ เอาเถอะ ไม่เป็นไร ถึงยังไงผมก็ชอบอยู่ดี” 

 

 

เมื่อถังโจวโจวได้ยินลั่วเซ่าเชินบอกว่า ‘ชอบ’ สี่ห้องหัวใจของเธอก็แทบจะระเบิดออกมา ลั่วเซ่าเชินไม่เคยตอบสนองต่อความรู้สึกของเธอซึ่งๆ หน้าแบบนี้มาก่อนเลย แต่เมื่อถังโจวโจวฉุกคิดอีกที นี่มันเป็นแค่คำพูดเวลาที่อยู่บนเตียง ไม่สามารถเอามาเป็นความจริงได้ แต่หัวใจของถังโจวโจวก็ได้รับผลกระทบจากคำพูดของลั่วเซ่าเชินไปแล้ว 

 

 

ลั่วเซ่าเชินวางโทรศัพท์ไว้บนตู้ข้างเตียง ก่อนจะเริ่มโอบกอดถังโจวโจวอีกครั้งและเริ่มทำในสิ่งที่เขาชื่นชอบ ถังโจวโจววาดแขนโอบล้อมรอบลำคอของลั่วเซ่าเชิน ตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรอื่น นอกเสียจากทำให้ลั่วเซ่าเชินเข้าใกล้เธอมากยิ่งขึ้น 

 

 

น่าเสียดายที่โทรศัพท์ของลั่วเซ่าเชินประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังตอบสนองจูบอันร้อนแรงของลั่วเซ่าเชิน พวกเขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มและดื่มด่ำในห้วงอารมณ์ถึงขีดสุด แต่แล้วพวกเขาก็ต้องถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์นั่น 

 

 

ถังโจวโจวพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนัก ก่อนจะหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่หยุดบนตู้ข้างเตียง และในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ “เซ่าเชิน ฉันว่าคุณไปทำธุระของคุณให้เสร็จก่อนดีกว่าค่ะ!” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินลุกขึ้นนั่งและเอี้ยวตัวไปด้านข้าง ชื่อของหันฮุ่ยซินยังคงปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ครั้งแรกอาจจะโทรผิด แต่ครั้งที่สองที่สามนี่คงจะเจตนาแล้วใช่ไหม ในที่สุดลั่วเซ่าเชินก็กดรับสายนั้นอย่างไม่เต็มใจ 

 

 

ถังโจวโจวยกมุมปากขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อแอบชำเลืองเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา เธอแสร้งทำเป็นเอนซบหน้าลงไปบนแผงอกของลั่วเซ่าเชินโดยไม่ได้ตั้งใจ ถังโจวโจวไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไรว่าใจจริงแล้วเธออยากจะรู้ว่าหันฮุ่ยซินโทรศัพท์มาหาลั่วเซ่าเชินทำไม 

 

 

แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าทันทีที่ลั่วเซ่าเชินรับสาย เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหันฮุ่ยซินก็ดังขึ้นมา “อาเชิน รีบมาช่วยฉันหน่อย ช่วยฉันด้วย!” น้ำเสียงของเธอฟังดูร้อนรนมาก ถังโจวโจวรู้สึกเครียดไปชั่วขณะ เกิดอะไรขึ้นกับหันฮุ่ยซิน? 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินเสียงวิงวอนขอความช่วยเหลือจากหันฮุ่ยซิน เขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าหันฮุ่ยซินไม่มีทางที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ หากเธอไม่จนมุมจริงๆ เขาเอ่ยถามด้วยความรวดเร็ว “ฮุ่ยซิน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินผละออกจากถังโจวโจว จากนั้นเขารีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ และเอ่ยปลอบหันฮุ่ยซินเป็นครั้งคราว “ฮุ่ยซิน คุณใจเย็นๆ นะ บอกที่อยู่ผมมา ผมจะรีบไป” 

 

 

หัวใจของถังโจวโจวรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาในทันทีเมื่อถูกลั่วเซ่าเชินผละทิ้งไปแบบนั้น เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เธออยากจะผลักเขาออกแทบเป็นแทบตาย แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะเธอสู้แรงเขาไม่ได้ แต่นี่เขากลับเป็นฝ่ายผละตัวไปจากเธอเพียงเพราะหันฮุ่ยซินอย่างนั้นหรือ ซึ่งนั่นทำให้ถังโจวโจวรู้สึกหึงขึ้นมานิดหน่อย 

 

 

ถังโจวโจวพยายามกดความหึงหวงเอาไว้ เธอเห็นลั่วเซ่าเชินสวมเสื้อผ้า ราวกับว่าพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว ถังโจวโจวจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เซ่าเชิน นั่นคุณจะไปไหนคะ ดึกขนาดนี้แล้ว” 

 

 

ถังโจวโจวอยากจะรั้งให้ลั่วเซ่าเชินอยู่ แม้จะรู้ว่ามันผิด แต่ถังโจวโจวก็ไม่อยากให้เขาสนใจหันฮุ่ยซินอยู่ดี 

 

 

ลั่วเซ่าเชินวางสายและมองถังโจวโจวด้วยความลำบากใจ “โจวโจว ผมขอโทษ ฮุ่ยซินมีเรื่อง ผมต้องรีบไป!” 

 

 

เมื่อถังโจวโจวเห็นสายตามุ่งมั่นของลั่วเซ่าเชิน เธอก็รู้แล้วว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนใจของเขาได้ เธอจึงยิ้มให้เขา “ถ้าอย่างนั้นก็…ไปเถอะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรมาก คุณก็รีบกลับมานะคะ” 

 

 

           ลั่วเซ่าเชินดูออกว่าถังโจวโจวฝืนยิ้มให้เขามากแค่ไหน เขาอยากจะอธิบายให้ถังโจวโจวฟังว่าเขาจะไปช่วยหันฮุ่ยซินเพียงเพราะเขาเห็นแก่มิตรภาพที่เคยมีให้แก่กัน แล้วหันฮุ่ยซินก็มีเรื่องคอขาดบาดตาย เธอจึงโทรมาขอให้เขาไปช่วย 

 

 

เพียงแต่ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินไม่มีเวลาอธิบาย เขาทำได้แค่เพียงลูบปอยผมของถังโจวโจว “โจวโจว เอาไว้ผมจะกลับมาอธิบายให้คุณฟัง คุณเข้านอนไปก่อนเลยนะ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเสร็จธุระตอนไหน” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินเดินออกไปจากห้องนอนทันทีที่เขาพูดจบ เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินเดินออกไปแล้ว ไหล่ของเธอก็ลู่ลง ในตอนนี้เธอได้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกมา เมื่อครู่นี้เธอเป็นคนบอกให้เขาออกไปเองนี่ ถังโจวโจวขมวดคิ้วแน่น ถึงอย่างไรเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ 

 

 

ลั่วเซ่าเชินออกรถไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเขาก็มาถึงสถานที่ที่หันฮุ่ยซินแจ้งไว้ บาร์เหล้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในตรอกมืด เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นสถานที่นี้ตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป ด้วยกลัวว่ามันจะล่าช้า ลั่วเซ่าเชินจึงรีบจอดรถและเข้าไปด้านใน 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเข้ามาในร้าน เขาก็ตรงไปที่ห้องน้ำ แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าใกล้ห้องน้ำ เขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาแต่ไกล “นี่เธอ รีบออกมาเร็วๆ ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ของเราคงยกโทษให้ไม่ได้!” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้ เขาเห็นว่ามีชายคนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องน้ำหญิง เขาคนนั้นหันไปมองด้านในเป็นระยะๆ ลั่วเซ่าเชินเดาว่าหันฮุ่ยซินน่าจะซ่อนตัวอยู่ข้างในนั้น 

 

 

ลั่วเซ่าเชินเฝ้าสังเกตการณ์และขบคิดหาวิธีที่จะพาหันฮุ่ยซินออกมาโดยที่ไม่ต้องปะทะกับคนพวกนั้น 

 

 

หันฮุ่ยซินหลบอยู่ข้างในห้องน้ำ แม้ว่าคนข้างนอกจะเคาะประตูอย่างรุนแรง แต่เธอก็ดันประตูเอาไว้อยู่อย่างนั้น ไม่ยอมให้คนข้างนอกกระแทกไม้กระดานแผ่นนี้จนเข้ามาได้ 

 

 

ชายหนุ่มที่มีบาดแผลฉกรรจ์ตั้งแต่หางคิ้วด้านขวาลากยาวลงมาจนถึงด้านข้างของใบหน้ายืนอยู่ด้านนอกอย่างหงุดหงิด ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ดูออกว่าพี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี เขาก็เอ่ยแนะนำว่า “พี่ใหญ่ เราอย่ามัวมาเสียเวลากับเธออยู่เลย พังประตูเข้าไปเลยดีกว่า” 

 

 

พี่ใหญ่ฟาดมือลงไปบนศีรษะของลูกน้อง ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าดุดันว่า “แล้วยืนบื้ออยู่ทำไม! ก็พังเข้าไปสิ!” 

 

 

ลูกน้องพูดพลางพยักหน้าและโค้งตัวเล็กน้อย “ครับ พี่ใหญ่ ผมจะพังให้เดี๋ยวนี้แหละ รับรองว่าพี่ใหญ่ได้ดั่งใจแน่นอน!” 

 

 

หันฮุ่ยซินได้ยินเต็มสองรูหู เธอเห็นว่าพวกเขาหมดความอดทนและเริ่มจะพังประตูเข้ามาแล้ว แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่มาสักที จู่ๆ เธอก็คิดว่าวันนี้เธอคงจะตกอยู่ในกำมือของคนพวกนี้จริงๆ แล้ว? และถ้าเป็นแบบนั้นเธอขอยอมตายดีกว่า เธอจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นเข้ามาทำอะไรเธอได้เด็ดขาด! 

 

 

แต่ในขณะที่ลูกน้องคนนั้นกำลังจะพังประตูห้องข้างๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงสัญญาณเตือนภัยร้องดังขึ้นมา พี่ใหญ่สะดุ้งตกใจ ก่อนจะถามลูกน้องว่า “มีเรื่องอะไร!” 

 

 

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ พี่ใหญ่” 

 

 

ตอนนั้นเอง คนด้านนอกก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่า “แย่แล้ว! ไฟไหม้! รีบหนีเร็ว…” 

 

 

เมื่อพี่ใหญ่ได้ยินว่าไฟไหม้ เขาก็ตื่นตระหนกในทันที “ซวยจริงๆ เลย ไฟดันมาไหม้ตอนนี้ เอาชีวิตให้รอดก่อนก็แล้วกัน!” 

 

 

“พี่ใหญ่ แล้วผู้หญิงที่อยู่ข้างในนี้ล่ะ จะทำยังไงต่อ” ลูกน้องมองดูห้องข้างๆ ที่ปิดสนิทด้วยความเสียดาย เกือบจะได้ตัวแล้วเชียว จำเป็นต้องไปตอนนี้เลยเหรอ? 

 

 

“นี่แกโง่หรือเปล่า จะตายอยู่แล้วยังเป็นห่วงคนอื่นอีก? ปล่อยให้เธอตายอยู่ในนั้นนั่นแหละ!” 

 

 

เมื่อทั้งสองคนออกมาจากห้องน้ำ พวกเขาก็พบกับการ์ดตัวสูงใหญ่ที่อยู่ด้านนอกเข้าพอดี “พี่ใหญ่ เรารีบไปกันเถอะครับ ร้านกำลังจะไหม้แล้ว!” 

 

 

“อืม รีบไป!” ทั้งสามคนเดินเลี้ยวไปทางขวาของห้องน้ำ 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าทั้งสามคนออกไปแล้ว เขาก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ “ฮุ่ยซิน คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า” ลั่วเซ่าเชินเคาะประตูห้องข้างๆ และในขณะที่เขากำลังเคาะไม่หยุดอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาดังขึ้นมาจากห้องใดห้องหนึ่ง 

 

 

“อาเชิน ฉันอยู่นี่”