ตอนที่ 16 เกือบไม่รอด

หัวโจก

ซอยห้าห่างจากตัวเมืองไม่มาก แบล็คบ็อกซ์ที่ว่าเธอก็รู้จัก มันคือผับสำหรับเด็กวัยรุ่นหรือวัยเพิ่งเริ่มทำงาน เครื่องดื่มจึงราคาไม่แพง

โจวจิ้งวิ่งไปโบกแท็กซี่พร้อมกับถุงบะหมี่เนื้อ แม้จะไม่อยากพัวพันกับเรื่องวุ่นวาย แต่เสียงของมั่วลี่ในมือถือก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง จะให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ทำไม่ลง

พอแท็กซี่จอดที่หน้าประตูแบล็คบ็อกซ์ ผู้คนก็จับจ้องเด็กสาวผมทองที่วิ่งเข้าผับพร้อมถุงก๋วยเตี๋ยว

เอาอาหารเข้าผับก็ว่าแปลกแล้ว ยังเป็นบะหมี่เนื้อที่มีกลิ่นแรงอีก แขกในร้านจึงขมวดคิ้วไปตามๆ กัน

โจวจิ้งไม่ชอบสถานที่แบบนี้ รู้สึกเหมือนแก้วหูจะทะลุเพราะเสียงเพลงที่ดังสนั่น

เธอไม่รู้ว่ามั่วลี่อยู่ตรงไหน โทรหาอยู่นานกว่าจะรับสาย

“อยู่ไหน?” โจวจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง

“ห้อง… ห้องน้ำ…” มั่วลี่ตอบตะกุกตะกัก

ได้ยินคำตอบ เธอก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำพร้อมถุงบะหมี่ในมือ

ที่นั่นกลิ่นเหล้าโชยเตะจมูกอย่างรุนแรง ส่วนมั่วลี่ผมแดงก็นั่งทรุดอยู่บนพื้นด้านในสุด

โจวจิ้งตกใจคิดว่าอีกฝ่ายถูกซ้อม แต่พอเข้าไปดูก็พบว่าเธอเมาหนักมาก

“มั่วลี่!”

มั่วลี่ค่อยๆ ลืมตาพลางตอบเสียงเบา “เจ๊”

“เธอโอเคใช่ไหม?” โจวจิ้งสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายแต่ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย

“ฉันจะเป็นอะไรได้” มั่วลี่โบกมือแล้วทำตาหยี “พวกที่เจ๊พามาอยู่ไหน?”

“…”

“ลู่ฉีมันหน้าไม่อาย ด่าฉันแล้วยังบังคับให้กินเหล้าอีก!” มั่วลี่พยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก “พวกมันคนเยอะกว่า แต่ไหนๆ เจ๊ก็มาแล้ว ไปเอาคืนกันเถอะ!”

“เอาคืนอะไรอีก กลับกับฉันเดี๋ยวนี้ เธอเมามากแล้ว!” โจวจิ้งเริ่มเดือด

เด็กสมัยนี้ใช้ชีวิตได้วุ่นวายมาก เกิดมาสามสิบกว่าปี เธอยังใช้ชีวิตไม่คุ้มขนาดนี้เลย

“ไม่เมา! ไหนล่ะพวกที่เจ๊พามา?”

โจวจิ้งรู้สึกเหนื่อยใจ เธอไม่ใช่ดาราที่จะเรียกคนมาเป็นเพื่อนได้เยอะแยะ ลูกน้องในแก๊งก็ไม่รู้จักสักคน

“อยู่ข้างนอกเป็นร้อย รอให้ฉันส่งสัญญาณอยู่ รีบออกไปด้วยกันก่อน แล้วเธอจะเห็นเอง”

มั่วลี่ตาสว่างทันที “โคตรเทพเลยเจ๊ เป็นร้อยเลยเหรอ?”

โจวจิ้งกำลังจะอธิบายต่อ แต่กลับถูกเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะ

เธอใส่กระโปรงสั้นโชว์ขาเรียวยาว หุ่นแซ่บ หน้าตาดี ติดตรงที่แต่งหน้าจัดไปหน่อย

“มั่วลี่ ไหนเพื่อนเธอ?”

“นี่โจวจิ้ง เจ๊ใหญ่ของยวู่เต๋อ จำใส่หัวไว้ด้วย!” พูดจบก็ผลักโจวจิ้งไปยืนด้านหน้า

หัวใจโจวจิ้งแทบจะหยุดเต้น แต่จะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว

“ร้อยคนที่มากับเจ๊อยู่ไหน มาให้พวกมันชื่นชมหน่อยซิ!” มั่วลี่อวด

“ร้อยคนงั้นเหรอ?” เด็กสาวตรงหน้ามองโจวจิ้งอย่างไม่เชื่อสายตา

โจวจิ้งได้แต่ไอกลบเกลื่อน

ฝ่ายตรงข้ามเริ่มรู้ทัน จึงส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ย “มั่วลี่ เพื่อนเธอนี่โอ้อวดได้เกินจริงมาก”

“อวด?” มั่วลี่ระเบิดลง “เจ๊ เรียกพวกมาให้มันดูเร็วสิ!”

เด็กสาวแต่งหน้าจัดเดินไปยืนพิงอ่างล้างหน้าแล้วควักบุหรี่ขึ้นมาจุด “ไหนล่ะ? รอดูอยู่นะ ฉันเองก็มีคนไม่มากหรอก แค่ยี่สิบเอง”

โจวจิ้งทำหน้าตกใจ เพราะต่อให้ล่ำบึ้กแค่ไหน ก็ไม่น่าสู้ไหว จึงคิดจะเรียกตำรวจมาช่วย แต่กว่าตำรวจจะมา เธอคงโดนซ้อมจนน่วมแล้ว

อีกอย่าง เธอไม่ชอบถูกรังแกแบบไม่มีเหตุผล และจะไม่รับกรรมที่ไม่ได้ก่อเด็ดขาด

โจวจิ้งเข้าไปประคองมั่วลี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อไม่รู้ว่าโจวจิ้งคนเดิมจัดการเรื่องแบบนี้ยังไง จึงพูดอย่างประนีประนอมว่า “ไปเรียกลูกพี่ของเธอมาคุยกับฉันหน่อย”

เธอไม่ใช้กำลัง ไม่ด่ากลับ แต่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่จนเด็กสาวตรงหน้านึกประหลาดใจ

“มั่วลี่บอกว่าเธอเป็นเจ๊ใหญ่ของยวู่เต๋อ หากฉันลงมือกับเธออาจถูกตามล้างแค้นได้ ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าจะล้างแค้นยังไง!”

นี่ฉันทำเวรทำกรรมอะไรกับยัยมั่วลี่ไว้ ถึงได้ชอบหาเรื่องมาให้! โจวจิ้งบ่นในใจ

หลังตกลงกันเสร็จ เธอก็ประคองมั่วลี่และถือถุงบะหมี่เนื้อเดินตามเด็กสาวคนนั้นออกไป

โจวจิ้งไม่ลืมที่จะคำนวณระยะทางระหว่างห้องน้ำกับฟลอร์เต้นรําไปด้วย เพราะตรงนั้นมีทางเดินที่สามารถวิ่งไปยังประตูหลังร้านได้

พอเข้าใกล้ฟลอร์เต้นรํา เธอก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วกระชากมั่วลี่ให้วิ่งตาม

“นังมั่วลี่!” เด็กสาวตะโกนไล่หลัง โจวจิ้งจึงโยนถุงก๋วยเตี๋ยวใส่

“กรี๊ดดด!” เธอร้องโหยหวนหลังโดนถุงน้ำซุปปาใส่หน้า

ที่จริงน้ำซุปไม่ร้อนแล้ว ที่เด็กสาวกรีดร้องคงเพราะหน้าและชุดสวยๆ เลอะมากกว่า

เป็นใครก็รับไม่ได้ อุตส่าห์แต่งตัวสวยๆ มาเที่ยวผับ แต่กลับถูกสาดบะหมี่เนื้อกลิ่นฉุนใส่หน้า

เด็กสาวยังคงร้องโหวกเหวก มือไม้ปัดป่ายเศษผักชีบนหัวไปด้วย ส่วนโจวจิ้งที่รู้สึกผิดได้แต่ขอโทษในใจ ขาก็ขยับวิ่งไปด้วย

เธอโบกแท็กซี่คันที่ขับผ่านพอดีแล้วกระโดดขึ้นไปนั่ง ขณะกำลังออกตัว แก๊งหนุ่มสาวในเสื้อตัวลายหลากสีวิ่งตามออกมาและพยายามกระโดดเกาะรถ แต่ไม่ทัน

“เกือบไม่รอด” โจวจิ้งปาดเหงื่อ

“เจ๊” มั่วลี่กำหมัด “ไหนร้อยคนของเรา?”

“กลับไปหมดแล้ว” โจวจิ้งหอบหายใจด้วยความเหนื่อย