ตอนที่ 1973
อะไรนะ?!
การประกาศเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ทําให้ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นตกอยู่ในความโกลาหลทันทีพวกเขาไม่คาดคิดว่าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เซียปิงจะยังกล้าพูดคําเหล่านี้ออกมาอีกบอกให้เข้าไปกัดเขา
ความยโสโอหังเช่นนี้มันคืออะไรกัน เห็นพวกเขาเป็นสุนัขที่ชอบกัดผู้อื่นไปทั่วอย่างนั้นรี?!
“เสียสติไปแล้ว เจ้านี้เสียสติไปแล้ว!”
หยินชื่อชิงและคนอื่นๆก็หวาดกลัวจนแทบจะเป็นลม
บอกตามตรง สถานการณ์ในตอนนี้คืออะไรกัน ซื้ออันและคนอื่นๆราวกับเป็นฝูงหมาป่า ทว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ฝูงแกะตัวน้อยไม่มีพลังอานาจที่จะต้านทานฝูงหมาป่าเหล่านี้แม้แต่นิดเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าที่หิวโหยเหล่านี้ซึ่งกําลังจับจ้องเหมือนกับเสื้อที่จ้องมองเหยื่อนั้นเจ้าเด็กนี้ยังกล้าเอ่ยวาจาท้าทายอย่างบ้าระทําเช่นนี้อีกบอกให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าไปกัดเขา นี่กลัวว่าตนเองจะมีชีวิตยืนยาวเกินไปหรือ?
โดยทั่วไปแล้ว หากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้จะต้องยอมก้มหัวและขอโทษเพียงเล็กน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องค่านึงถึง นี่คือการถอยออกไปตั้งหลัก นี่คือกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
ทว่าตอนนี้มันคืออะไรกัน เจ้าเด็กนี้กลับเอ่ยวาจาท้าทายออกไปโดยตรง ไม่เหลือพื้นที่ให้เจรจาต่อรองใดๆได้อีก
พวกเขาก็ไม่เคยเห็นใครที่อาจหาญถึงขั้นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงแค่แกะตัวเล็ก ไม่คาดคิดว่าจะโง่เขลาถึงขั้นเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าอย่างซึ่งๆหน้านี่มันไม่ใช่เป็นการที่แกะวิ่งเข้าปากเสื้อหรือ?!
“เยี่ยม เยี่ยมมาก ช่างยโสโอหังเหลือเกิน”
“เวรเอ๊ย หากที่นี่ไม่ใช่โลกแห่งการเริ่มต้น ข้าจะต้องฆ่าเขาภายในกระบวนท่าเดียว”
“ข้าก็เคยได้ยินว่าพวกเด็กบ้านนอกแต่ละคนต่างก็ยโสโอหังอย่างที่ไม่สนใจใคร ยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นความจริง”
“เจ้านี่จบสิ้นแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะกล้าท้าทายพวกเราที่มีจํานวนมากเช่นนี้ ต่อให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นจะกว้างใหญ่เพียงใด มันก็จะไม่มีที่ให้เขาซุกหัวนอนอีก ชีวิตนี้ของเขาจบสิ้นแล้ว”
ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็กัดฟันกันอย่างแน่น ปรารถนาที่จะกระโจนเข้าไปอัดเจ้าเด็กที่ยโสโอหังนี้จนปางตาย
ทว่าพวกเขาก็ยังคํานึงถึงกฎระเบียบข้อบังคับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นอยู่ ไม่กล้าที่จะลงมือที่นี่
“เจ้าเด็กเหม็นเน่า ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตจริงๆ”
ซื้ออันก็ตะโกนออกไปอย่างโมโหและท้าทายเซียปิงโดยตรง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ากล้าไปที่ลานประลองกับข้าหรือไม่ ต่อสู้ให้เห็นกันไปเลยว่าใครเป็นบุคคลไร้น้ํายาที่แท้จริง”
“ลานประลอง?”
เซียปิงก็กะพริบตาและมองไปที่ซื้ออัน ทว่าเขาก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีก เว่ยเหลียงชุนที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เซียปิง อย่าวู่วามไป ไม่ว่าอย่างไรก็อย่ารับคําทํานี้เด็ดขาด เมื่อใดที่ขึ้นไปบนลานประลอง หากพ่ายแพ้การต่อสู้อย่างน้อยก็จะต้องมอบคะแนนให้กับฝ่ายตรงข้ามถึงสิบคะแนน ทว่าหากเป็นการต่อสู้ที่มีเดิมพันล่ะก็ ก็จะต้องเสียคะแนนไปมากกว่านั้นอีก”
เขามีสีหน้าที่จริงจังอย่างมาก “ตอนนี้พวกเรามีอยู่ทั้งหมดห้าสิบคะแนน หากสูญเสียไปสิบคะแนน บางทีอาจจะพลาดโอกาสในอนาคตไปมาก ทําให้การพัฒนาช้าลง เจ้าควรที่จะคํานึงถึงเรื่องนี้ไว้”
เว่ยเหลียงชุนก็เคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับลานประลองมาก่อน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทําการประลองฝีมือกันได้อย่างอิสระ ทว่าทุกครั้งที่ทําการประลองฝีมือกันก็จะต้องมีคะแนนเป็นเดิมพันอย่างน้อยสิบคะแนนเช่นกัน
ศิษย์พี่หลายๆคนก็ใช้วิธีการประลองกับบรรดาศิษย์หน้าใหม่เพื่อครอบครองคะแนนมา บรรดาลูกศิษย์ใหม่ก็ไม่ได้รู้ถึงความสําคัญของคะแนนเหล่านี้ จึงได้ตอบรับไป ท้ายที่สุดก็ถูกศิษย์พี่เหล่านี้แย่งชิงคะแนนไปจนหมดเผชิญกับความสูญเสียที่ร้ายแรง
“หึหึ เจ้าคืออัจฉริยะที่เคยเอาชนะลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นมาไม่ใช่หรือ? มีพลังอํานาจที่แข็งแกร่ง หากเจ้ามั่นใจในตนเองนัก จะต้องกลัวอะไรอีก หรือเจ้าไม่กล้าที่จะประมือกับข้าเกรงกลัวว่าจะพ่ายแพ้ให้กับข้าอย่างนั้นรี?”
ซื้ออันก็ใช้วิธีการยั่วยุให้ผู้อื่นคล้อยตาม
“อะไรนะ? ข้าหรือที่จะเกรงกลัวเจ้า บุคคลที่ไร้น้ํายาอย่างเจ้า บอกตามตรง เพียงแค่หนึ่งนาทีข้าก็สามารถเอาชนะเจ้าได้การที่เจ้าท้าประลองข้าเช่นนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากการถวายคะแนนมาให้ข้า”
เซียปิงก็โมโหขึ้นมาจริงๆ ทันใดนั้นก็ตะโกนออกไป
“เซียปิง อย่าหลงกลเขา เขากําลังใช้วิธีการยั่วยุเพื่อให้เจ้าคล้อยตาม”
เว่ยเหลียงชุนก็รีบเอ่ยเดือนออกไป “ถึงแม้ว่าเจ้านี้จะเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกฎเทวรูปเช่นกัน ทว่าเขาก็เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นนี้มาเป็นระยะเวลานานมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอํานาจมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน ผู้บ่มเพาะในระดับเดียวกันไม่สามารถเทียบกับเขาได้หากรับคําท้าของฝ่ายตรงข้ามไปอย่างไม่ยั้งคิดนั่นจะเป็นการกระทําที่โง่เขลาสิ้นดีตอนนี้ข้าขอแนะนําให้เจ้ารอคอยเวลาก่อน พัฒนาพลังอํานาจของตนเองให้มากกว่านี้จากนั้นการที่จะวัดฝีมือกันอีกครั้งก็ยังไม่สายเกินไป”
“รอตูดข้าส์ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะไม่แก่จนหนังเหี่ยวไปแล้วรี ข้าจะต้องรอจนกว่าเจ้าจะเลื่อนขั้นไปในระดับเซนต์จึงจะประลองกันได้รึ?! อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระเลย หากคิดว่าตนเองมีดีก็มาประลองกันตอนนี้ไม่ต้องพูดให้มากความหากไม่กล้าก็ยอมคุกเข่าขอโทษซะโดยดีบอกว่าตนเองเป็นบุคคลไร้น้ํายาที่แท้จริง”ซื้ออันก็แสยะออกมา
เขาจ้องมองไปที่เว่ยเหลียงชุนบ่งบอกถึงความหมายของการเตือนอย่างชัดเจนหากเจ้าเด็กนี้ยังพูดพล่ามไร้สาระอีกล่ะก็เขาจะเป็นคนต่อไปที่จะต้องเผชิญกับเคราะห์ร้าย
เว่ยเหลียงชุนที่เห็นสีหน้าเช่นนี้ เขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างทันที ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก
“ไม่ต้องกังวล เพียงแค่หมัดเดียวของข้าก็เพียงพอที่จะจัดการกับเจ้านี่ได้ การที่เขาต้องการจะเอาชนะข้านั้นช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันสิ้นดี” เซียปิงก็กวักมือ ไม่ต้องการให้เว่ยเหลียงชุนกังวลใจ “มาเถอะพวกเรามาประมือกันจะต้องประมือกับทุกคน!”
เขาก็ยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ “พวกเจ้าคนใดไม่สบอารมณ์กับข้าไม่ชอบขี้หน้าข้า ก็ก้าวออกมา ข้าจะรับคําท้าของพวกเจ้าทั้งหมด ทว่าใครที่พ่ายแพ้การต่อสู้จะต้องสูญเสียคะแนนไปห้าสิบคะแนนพวกเจ้ากล่เดิมพันกับข้าหรือไม่?!”
อะไรนะ?!
คําพูดเหล่านี้ทําให้บรรดาลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นโมโหกันอย่างมาก จ้องมองเซียปิงอย่างโกรธเกรี้ยว เจ้านี่ช่างยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ประกาศกร้าวออกมาต้องการที่จะประมือกับพวกเขาทั้งหมด อันที่จริงเจ้าบัดซบนี่ต้องการที่จะดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นจนถึงขั้นไหนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นการที่กล้าเสนอข้อเดิมพันว่าหากพ่ายแพ้จะต้องสูญเสียคะแนนไปห้าสิบคะแนนนั้น เจ้านี่คิดว่าตนเองจะชนะทุกคนหรือ?! เจ้านี้รู้หรือไม่ว่าคะแนนจํานวนห้าสิบคะแนนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น นั้นมีมูลค่ามากแค่ไหน
“เซียปิง ถือว่าเจ้าใจกล้าไม่เบา ข้าจะรับคําท้าและเดิมพันห้าสิบคะแนนกับเจ้าเอง”
บางคนก็ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “ทว่าก็มีปัญหาอยู่เช่นกัน หากเจ้าพ่ายแพ้และไม่สามารถจ่ายพวกเราได้พวกเราจะต้องทําอย่างไร?”
“ใครบอกว่าข้าไม่สามารถจ่ายได้ บนตัวของข้าไม่ได้มีอะไรมาก มีเพียงแค่เงินเท่านั้นที่มีมาก”
เซียปิงก็เผยท่าทางของเศรษฐีร่ํารวยออกมา
“เงินจะไปมีประโยชน์อะไร มีเพียงแค่คะแนนเท่านั้นที่มีประโยชน์ที่นี่”
กลุ่มลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็พูดอย่างเหยียดหยามออกไป
“โอ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้สามารถแลกเป็นคะแนนได้มากเพียงใด?”
เซียปิงก็โบกมือออกไป ทันใดนั้นก็ได้นําสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์จํานวนหนึ่งออกมาจากร่างกาย
“อะไรกัน? นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี้จะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครอง?”
“เป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ พลังงานของมันก็มหาศาลอย่างมาก มีพลังงานที่เก็บสะสมมากว่าสองล้านปี”
“อันที่จริงเจ้าเด็กนี้ไปเผชิญกับโชคลาภที่ไหนมา ไม่คาดคิดว่าจะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ได้?!”
“สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อย่างน้อยก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนได้ถึงสามหมื่นคะแนน ทว่าก็ไม่มีใครที่เต็มใจจะนํามันไปแลกเป็นคะแนน เพราะสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่สําค่าอย่างยิ่งควรที่จะเก็บไว้ใช้เอง”
ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็มองเซียปิงด้วยสายตาที่อิจฉาปรารถนาที่จะกระโจนเข้าไปแย่งสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ไปจากมือของเซียปิงทันที พวกเขาไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กนี้จะร่ํารวยถึงเพียงนี้แม้แต่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่ในครอบครองได้
“จะตื่นตกใจกับเรื่องแค่นี้ไปท่าไมกัน? เจ้าพวกบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง บอกตามตรงสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้บนตัวของข้าไม่ได้ต่างไปจากหญ้าทั่วไปเลย พวกเจ้าก็ลองคิดดูว่าข้าจะสามารถจ่ายเดิมพันได้หรือไม่”
เซียปิงก็กวาดสายตามองผู้คน สายตาของเขาราวกับเป็นสายตาของเศรษฐีที่มองคนยากคนจนก็ว่าได้เผยให้เห็นความหมายของการดูถูกเหยียดหยามอย่างชัดเจน
“โอ้อวดคุยโว โอ้อวดคุยโวต่อไป ถึงอย่างไรการโอ้อวดคุยโวก็ไม่ต้องเสียเงิน”
“สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ําค่าเช่นนั้นเป็นเพียงแค่หญ้าทั่วไปในมือเจ้า? เหตุใดเจ้าไม่ทะยานขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะแม้แต่เซนต์ก็ยังไม่ได้มีความมั่งคั่งจนถึงขั้นนั้น”
“ต่อให้เขาจะไม่ได้มีมากมายเช่นนั้น ทว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่ชิ้นก็เพียงพอที่จะจ่ายเดิมพันพวกเราทั้งหมดได้”
“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี้จะไม่ได้พูดเล่น เขามั่งคั่งร่ํารวยอย่างแท้จริง”
ลูกศิษย์จํานวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเขาเหยียดหยามว่าเซียยังเป็นเด็กบ้านนอก ทว่าตอนนี้กลับเป็นฝ่ายตรงข้ามที่เหยียดหยามพวกเขาแทนคิดว่าพวกเขาไม่เคยเห็นโลกกว้างเพียงแค่นําสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ออกมาก็ตกตะลึงจนตาค้างแล้ว