บทที่ 672 : ได้เวลาออกเดินทาง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 672 : ได้เวลาออกเดินทาง

 

หลิงหยุนเงียบหายไปเป็นเวลาถึงสิบสองวัน ทันทีที่ออกจากการฝึกฝน โทรศัพท์จึงกระหน่ําเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย!

 

และแน่นอนว่าผู้ที่ได้พบหลิงหยุนเป็นคนแรกก็คือถังเมิ่งและเหยาลู่ซึ่งมีหน้าที่มาส่งอาหารให้กับไปเซียนเอ๋อในทุกๆวัน ทันทีที่ยังเพิ่งเห็นหลิงหยุนปรากฏตัว เขาก็กระโดดเข้าไปกอดหลิงหยุนไว้อย่างตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กน้อย!

 

“ถังเมิ่ง นายปล่อยฉันได้แล้ว! ถ้ายังไม่ปล่อย… ฉันจะทุบนายเดี๋ยวนี้เลย!

 

หลิงหยุนร้องบอกถังเมิ่งในขณะที่มองดูเหยาลู่ที่กําลังยืนน้ําตาไหลพราก และได้แต่คิดในใจว่าแม้แต่ภรรยาของเขาเหยาสู่เขายังไม่มีโอกาสได้กอด เพราะถึงเพิ่งเอาแต่กอดเขาแน่นแบบนี้

 

หลังจากจับร่างของถังเมิ่งโยนออกไปข้างๆแล้ว หลิงหยุนก็เดินเข้าไปกอดเหยาล์ไว้ทันทีเหยาสู่เองก็รีบหอมแก้มหลิงหยุนทันทีเช่นกัน

 

“อะไรกัน?!”

 

หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อพบว่าในร่างกายของเหยาคู่นั้นมีปฐพี่ปราณที่เกิดจากการฝึกวิชาพลังปฐพี่อยู่ด้วย อีกทั้งยังสามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9 ได้แล้ว!

 

“เหยาลู่ นี่คุณ! ทําไมคุณถึงได้ก้าวหน้าเร็วแบบนี้?!”

 

หลิงหยุนแทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะด้วยพรสวรรค์ตามธรรมชาติของเหยาลู่นั้น ต่อให้ฝึกฝนอย่างหนักเพียงใด ภายในเวลาแค่สิบสองวันก็น่าจะเข้าสู่เพียงแค่ระดับสูงสุดของขั้นโฮวเทียน-8 เท่านั้น เพียงแค่ผ่านเข้าสู่ระดับย่อยๆก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่นี่เธอสามารถเข้าสู่ขั้นใหญ่ได้เลยเชียวหรือ?!

 

เหยาคู่หน้าแดงขณะที่ตอบหลิงหยุน.. “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! สิบวันที่คุณให้ทุกคนหยุดพักร้อนนอกจากทําอาหารให้น้องเซียนเอ๋อแล้ว เวลาที่เหลือฉันก็ฝึกวิชาพลังปฐพี่ที่คุณสอน แต่ น่าแปลก.. ที่หลังจากนั้นกลับเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่แม้แต่ฉันเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ ฉันเองก็ไม่เข้าใจ..”

 

หลิงหยุนย่อมรู้ดีว่า “ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้” ของเหยาคู่นั้นคืออะไร? นั่นเพราะหลังจากระดับขั้นของกําลังภายในก้าวหน้านั้น ทั้งร่างกายและจิตใจของเธอจะถูกชําระล้างไปด้วย จึงเกิดความรู้สึกที่สงบมั่นคงอย่างน่าประหลาดจนยากที่จะอธิบายออกมาได้

 

หลิงหยุนครุ่นคิดเรื่องนี้ เขาคิดว่าการที่เหยาสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้น น่าจะเกิดจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของเธอเอง! เพราะโดยนิสัยของเหยาคู่นั้น เธอก็เป็นคนที่เมื่อต้องทําอะไรก็จะมุ่งมั่นมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นการฝึกฝนจึงสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!

 

นับว่าความมุ่งมั่นทุ่มเทของเหยาคู่นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! ยากนักที่จะหาคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทเช่นเธอได้ง่ายๆ

 

“เอาล่ะ เหยาจู่คนเก่ง ต่อไปเรื่องคลินิกสามัญชนคุณไม่ต้องสนใจอีกแล้ว! คุณตั้งใจ กฝนวิชาอย่างเดียวก็พอ!”

 

หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่งพร้อมกับสั่งว่า “ถังเมิ่ง เรื่องของคลินิกสามัญชน นายจัดการมอบหมายให้ ซันยั่วเจียวเป็นคนดูแลก็แล้วกัน! จากนี้ไปให้เธอรับผิดชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับคลินิกพยายามลดงานของเหยาลู่ลงให้เหลือน้อยที่สุด เข้าใจมั้ย?”

 

ถังเมิ่งพยักหน้า “เข้าใจพี่หยุน!”

 

แต่ถังเมิ่งก็แอบคิดในใจว่า เพียงแค่วันเดียว.. พี่ก็ถึงกับไว้ใจชันยุ่วเจียวขนาดนี้แล้วเหรอ?!”

 

ตี้เสี่ยวอู่กับอาปิงเองก็ตามมาถึงในไม่ช้า ทันทีที่หลิงหยุนเห็นตี้เสี่ยว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตี้เสี่ยวอู่ได้เข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-6 แล้ว และได้แต่คิดในใจว่าเด็กนั่นมีพลังอมตะอยู่ในร่างกาย และด้วยวิชาคลื่นคงคาที่เขาสอนให้นั้น ทําให้เขาสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

 

ฉินตงเฉ่วยกับหนิงหลิงยู่ก็มาเช่นกัน แม้แต่ป้าเหมยก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย ทุกคนต่างก็ต้องการมาร่วมแสดงความยินดีกับหลิงหยุน

 

เสี่ยวเม่ยหนิงกับเหมียวเสี่ยวเหมาก็มาด้วย แม้กระทั่งหลินเมิ่งหาน หลงหวี่ ฉางหลิง

 

มู่หลงเฟยจ่อเองก็ตามมาเช่นกัน

 

จากนั้น เหล่าปุย ท่านเสี่ยวหมอเทวดา มู่หลงเวิ่นฉี ซึ่งเจ้งหยาง และอขี้เฉิงจินก็ตามมาสมทบ..

 

ผู้คนต่างก็พากันมาพบหลิงหยุนพร้อมๆกันในเวลาเดียวกัน เวลานี้บ้านของหลิงหยุนจึงเนื่องแน่นไปถนัดตา ทุกคนต่างก็ตั้งใจมาพบหลิงหยุน จนแม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดคุยกับใครดี?!

 

ในเมื่อมีผู้คนมาเยี่ยมเยียนมากมายพร้อมกัน การทําอาหารรับประทานที่บ้านจึงเป็นไปไม่ได้หลิงหยุนจึงสั่งให้ถึงเพิ่งจัดการจองห้องส่วนตัวที่โรงแรงแชงกรีล่า และเตรียมตัวไปรับประทานอาหารที่นั่นแทน

 

แต่คิดไม่ถึงว่าท่านหมอเสี่ยวจะพูดขึ้นมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส “ถ้ารอเธอโทรคงจะไม่ทันการแล้วล่ะ ฉันได้จัดการโทรไปจองห้องพิเศษที่โรงแรมแชงกรีล่าไว้ให้แล้ว พวกเราไปกันได้เลย…”

 

ข่งยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด ท่านหมอเสี่ยวได้คิดการล่วงหน้าแทนหลิงหยุนไว้เรียบร้อยจนหมดแล้ว!

 

ในเวลาบ่าย ทุกคนที่มาในวันนี้ต่างก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น และสนุกสนาน

 

ในเมื่อทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา หลิงหยุนจึงอาศัยช่วงเวลานี้ประกาศกับทุกคนว่าอีกสองวันเขาจะต้องออกเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง และขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง

 

สําหรับภารกิจของหลิงหยุนที่เมืองหลวงนั้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ดีว่าหลิงหยุนจะไปทําอะไรที่นั่น? ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าเขาจะไปทําอะไรนั้น ก็ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดอะไร? นั่นเพราะกา รเดินทางไปปักกิ่งนั้น ใครๆก็เคยไปกันทั้งนั้น นั่งเครื่องไปก็แสนสะดวกสบาย!

 

แต่ทั้งเหล่าปุย ฉินตงเฉ่วย และมู่หลงเฟยจ๋อ ต่างก็รู้ดีว่าหลิงหยุนกําลังจะไปทําอะไรที่นั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่หลงเฟยจื้อ สีหน้าของเธอนั้นบ่งบอกว่าวิตกกังวลอย่างมาก!

 

ฉางหลิงเองก็คาดเดาว่าที่หลิงหยุนจะเดินทางไปปักกิ่งในครั้งนี้ ก็เพราะเรื่องของเกาเฉินเฉินแต่เธอไม่รู้ว่าความจริงว่าหลิงหยุนยังมีเรื่องสําคัญยิ่งกว่านั้นที่ต้องไปสะสาง

 

ในเวลานั้นเอง ต่างคนต่างก็คิดกันไปต่างๆนานา ทุกคนต่างก็บอกให้หลิงหยุนดูแลตัวเองให้ดีบ้างก็ขอให้หลิงหยุนเดินทางปลอดภัย และขอให้เที่ยวให้สนุก!

 

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และหลิงหยุนก็กลับไปยังบ้านเลขที่-1 มีเพียงฉินตงเฉ่วย หนิงหลิงยู่ ไปเชียนเอ๋อ ถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู่ที่ตามเขากลับไปที่บ้าน

 

“พี่ใหญ่.. ฉันอยากตามพี่ไปปักกิ่งด้วย..” หนิงหลิงยู่เป็นห่วงหลิงหยุนจึงอ้อนวอนขอไปกับเขาด้วย

 

หลิงหยุนลูบไหล่หนิงหลิงยู่อย่างอ่อนโยน “หลิงยู่.. ครั้งนี้เธอไปด้วยไม่ได้จริงๆ พี่มีเรื่องสําคัญต้องไปจัดการ เธอเพิ่งจะเริ่มฝึกวิชา ตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่บ้านจะดีกว่า!”

 

หนิงหลิงยู่ได้แต่กัดริมฝีปากแน่นก่อนจะแย้งขึ้นว่า “พี่ใหญ่.. ฝึกที่ใหนก็ฝึกได้ ฉันเป็นห่วงพี่”

 

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยอย่างเอ็นดู “หลิงยู่ คิดดูสิ! ที่ผ่านมาเธอก็อยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง พี่ก็อยู่อีกหลังหนึ่ง ตลอดสิบกว่าวันมานี้พวกเราก็ไม่ได้เจอกันเลย นี่แสดงว่าระยะทางระหว่างเราสองคนไม่ใช่ปัญหาไม่ใช่เหรอ?”

 

ฉินตงเฉ่วยนั้นเข้าใจหลิงหยุนดี นางรู้ดีว่าหลิงหยุนจะต้องไปเผชิญกับอันตรายมากมายและอาจถึงแก่ชีวิตได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้หนิงหลิงยู่ตามไปด้วย นางจึงช่วยหลิงหยุนด้วยการกระซิบบอกหนิงหลิงยู่

 

“พี่หยุน ฉันจะไปกับพี่ด้วย!” เสี่ยวอู่ที่นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา

 

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย “นายเองก็เพิ่งจะเริ่มฝึกวิชาเหมือนกัน ยังคงต้องอยู่ที่นี่ฝึกฝนจนให้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-9 ให้ได้”

 

“พี่หยุน แล้วฉันล่ะ?!” ถังเมิ่งร้องถามอย่างตื่นเต้น

 

หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่ง “นายเกี่ยวอะไรด้วย? นายมีหน้าที่ดูแลธุรกิจอยู่ที่นี่!”

 

ในที่สุดฉินตงเฉ่วยก็เกลี้ยกล่อมหนิงหลิงยู่สําเร็จ และจ้องมองหลิงหยุนอยู่นานพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก

 

“เจ้าเด็กดื้อ แล้วใครจะตามเจ้าไปปักกิ่ง? ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าไปที่นั่นคนเดียวแน่!”

 

ในเมื่อหนิงหลิงยู่ไม่ได้ไปด้วย ฉินตงเฉ่วยจึงต้องอยู่คอยคุ้มครองหนิงหลิงยู่อยู่ที่นี้ ไม่เช่นนั้นเธอจะต้องตามหลิงหยุนไปด้วยอย่างแน่นอน

 

หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่เดียว “ข้าจะไปปักกิ่งพร้อมกับเหล่าอุ่ยเพียงแค่สองคน ครั้งนี้คงใช้เวลาไม่มากนักแล้วข้าจะรีบกลับมา!”

 

ทางด้านไปเซียนเอ๋อที่มั่นใจว่าหลิงหยุนจะต้องพานางไปด้วยนั้น เมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดเช่นนั้น เธอถึงกับร้องออกมาอย่างไม่พอใจ

 

“ข้าจะไปกับท่านด้วย!”

 

หลิงหยุนไม่ต้องการให้ไปเซียนเอ๋อไปกับเขาด้วย เพราะยังกังวลเรื่องคนญี่ปุ่นที่ยังคงไม่เปิดเผยตัว และธิดาพรรคมาร อีกทั้งยังกังวลว่าการเดินทางไปปักกิ่งของเขาในครั้งนี้ ตระกูลชัน และตระกูลเฉินจะส่งคนมาจัดการกับเครือข่ายของเขาในจิงจู จึงจําเป็นต้องมียอดฝีมืออยู่ที่นี่ เขาจึงไม่สามารถให้ไปเซียนเอ๋อไปกับเขาได้

 

ในเมืองจิงนูมีคนสําคัญกับเขาอยู่มากมาย หลิงหยุนจึงไม่กล้าที่จะประมาท!

 

แม้ว่าธิดาพรรคมารคนก่อนจะเป็นมารดาแท้ๆของเขา แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าธิดาพรรคมารคนปัจจุบันนั้นจะเป็นมิตรหรือว่าเป็นศัตรูของเขากันแน่ หลิงหยุนเองก็ยังไม่มั่นใจ?! และหากธิดาพรร คมารเอาจริง แม้แต่ฉินตงเฉ่วยกับไปเซียนเอ๋อก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

 

“เซียนเอ๋อ.. เจ้าไปไม่ได้ หลังจากที่ข้าไปจากที่นี่แล้ว หลิงยู่ หนิงน้อย ถังเมิ่ง และคนอื่นๆต่างก็ต้องการคนคุ้มครอง ไม่เช่นนั้นข้าจะวางใจไปปักกิ่งได้อย่างไรกัน?”

 

หลิงหยุนพูดไปแล้วก็ไม่สนใจไปเชียนเอ๋ออีก และไม่ว่าหลิงหยุนจะพูดอย่างไรนางก็ไม่ยอมฟังในที่สุดหลิงหยุนจึงต้องทําสีหน้าเคร่งเครียดและดนางไป ทําให้ไปเซียนเอ๋อถึงกับน้ําตาไหลพรากและยอมทําตามคําสั่งในที่สุด!

 

-หลิงหยุน ในเมื่อเจ้าตั้งใจที่จะไป ก็เตรียมตัวให้ดี แต่จําไวว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวงก็ตาม ตระกูลฉินอยู่ข้างเจ้าเสมอ!

 

ฉินตงเฉ่วยใช้กระแสจิตกําชับหลิงหยุน ก่อนจะบอกต่อว่า เจ้าเด็กดื้อ.. การชุมนุมหารือปราบพรรคมารที่หุบเขาหลงเฟยบนเขาหลงหูใกล้จะถึงแล้ว เจ้ารีบกลับมาให้ทันล่ะ?”

 

หลิงหยุนใช้กระแสจิตตอบกลับไปเช่นกัน “น้าหญิง ท่านมั่นใจได้! ต่อให้ข้ากลับมาที่จึงไม่ทัน ก็ต้องไปปรากฏตัวอยู่ที่หุบเขาหลงเฟยอย่าแน่นอน”

 

ในงานชุมนุมที่หุบเขาหลงเฟยบนเขาหลงหูนั้น หลิงหยุนต้องไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน เพราะศิษย์ของอารามจิ้งซินก็จะต้องไปร่วมชุมนุมด้วยเช่นกัน หลิงหยุนต้องการไปพบเฉิงเม่ยเฟิงและแม้ว่าจะไม่ได้พบเธอที่นั่น หลิงหยุนก็จะจับตัวศิษย์ของอารามจิ้งซินสักสองคนมาสอบถามที่อยู่ของเฉิงเม่ยเฟิง

 

การเดินทางไปปักกิ่งของหลิงหยุนครั้งนี้ ก็เพื่อไปพบท่านปูหลิงลี่ของเขา และไปสืบหาข่าวคราวของเกาเฉินเฉิน ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลเกาบ้าง? และหากเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลเกาจ ริงๆ หลิงหยุนจะต้องไปช่วยเธอออกมาอย่างแน่นอน!

 

ฉินตงเฉ่วยกําชับหลิงหยุนอีกว่า ในปักกิ่งไม่ได้มีเพียงตระกูลใหญ่เจ็ดตระกูล แต่ยังมีคนขององค์กรลี้ลับซึ่งเป็นองกรของทางการจีนอยู่ด้วยมากมาย ใหนจะพวกชาวต่างชาติอีก ที่นั่นมีกลุ่มคนที่มีพลังอํานาจอยู่มากมาย เจ้าต้องระวังตัวให้มากล่ะ!

 

หลิงหยุนตอบกลับไปว่า น้าหญิง ท่านไม่ต้องกังวงใจไป ข้าจะระวังตัวให้มาก!

 

และเพื่อไม่ต้องการให้หลิงหยุนต้องล่าช้าในการเตรียมตัว ฉินตงเฉ่วยจึงพาหนิงหลิงยู่กับไปเซียนเอ๋อกลับไปที่บ้านในอ่าวจิงจู

 

หลิงหยุนสั่งให้ถังเมิ่งกับเสี่ยวอู่อยู่ช่วยงานเขาก่อน และทั้งสามคนก็ง่วนอยู่กับการช่วยหลิงหยุนปรุงโอสถ และคิดไม่ถึงว่าการปรุงโอสถของหลิงหยุนจะสําเร็จได้อย่างคาดไม่ถึง หลิงหยุนสามารถปรุงยาเม็ดชีฉียได้ถึง 120 เม็ด

 

ยาเม็ดชีฉียู่ที่หลิงหยุนปรุงขึ้นนั้น มีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเหลือง และมีสีขาวใสเป็นประกาย!