หวางซีพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ประธานอู๋ ฉันขอโทษ ในครั้งนี้ทางเราส่งผลกระทบต่อพวกคุณเอง และความเสียหายทั้งหมดให้เรามารับผิดชอบเถอะ”
อีกด้านของโทรศัพท์ อู๋เฟิงพูดอย่างรวดเร็วว่า “ประธานหวางคุณอย่าพูดแบบนั้นเลย คุณสามารถร่วมมือกับฉันได้มันเป็นเกียรติของฉัน ส่วนความเสียหายคุณไม่ต้องกังวล ตระกูลอู๋ของเรายังพอจะรับไหวได้ ความหมายของผมคือคุณลองถามทางคุณเย่สักหน่อย ดูว่าพอจะมีวิธีใดหรือไม่”
หวางซีพูดอย่างหมดหวังว่า “ทางเราไม่มีวิธีอะไรเลย เซิ่งเทียนก็ไม่ได้อยู่ในวงการอุตสาหกรรมนี้ เขาก็ไม่มีวิธีอะไรเช่นกัน และคนอื่นก็จะไม่ไว้หน้าเซิ่งเทียนเช่นกัน เดี๋ยวฉันจะลองคิดหาวิธีดูอีกที”
“ออๆ งั้นก็ได้ เรามาคิดหาวิธีด้วยกัน ฉันแนะนำให้คุณลองถามคุณเย่ดู เพิ่มอีกคนก็เพิ่มอีกแนวทาง……”
หลังจากวางสายแล้ว จ้าวปิงผู้นำตระกูลจ้าวก็โทรเข้ามาอีกครั้ง
ทางโทรศัพท์ จ้าวปิงพูดอย่างระมัดระวังว่า “ประธานหวาง สถานการณ์ทางคุณเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? คู่ค้าทั้งหมดที่อยู่ฝั่งฉันถูกหยุนฝานกรุ๊ปแย่งไปหมดแล้ว”
หวางซีหัวเราะอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ทางด้านนี้ก็เหมือนกัน ประธานจ้าวคุณพอรู้จักหยุนฝานกรุ๊ปหรือไม่?”
“ฉันไปตรวจสอบมาบ้างแล้ว ท่านประธานของหยุนฝานกรุ๊ปผู้นี้ชื่อว่าหยูฝาน มาจากทางเมืองหลวง มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขวาง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหาเรื่องพวกเรา เขาบังอาจไปแล้วจริงๆ ถึงกล้าลงมือทำกับประธานหวางท่าน คุณไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วัน เขาจะต้องมาขอความเมตตาถึงที่บ้านแน่นอน”
จ้าวปิงพูดในทางโทรศัพท์ ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกกังวลใจเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงพวกเขาไม่กี่คนที่รู้ว่า เย่เซิ่งเทียนสามีของหวางซีนั้น ก็คือเจ้าเทพ
หาเรื่องบริษัทหัวหยวน นั้นก็คือการรนหาที่ตาย
หวางซีพูดอย่างขมขื่นว่า “ประธานจ้าว คุณอย่าล้อฉันเลย ในคราวนี้เป็นความผิดทางฉันที่ส่งผลกระทบต่อคุณ ความเสียหายของตระกูลจ้าวและตระกูลอู๋ ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
จ้าวปิงรีบพูดว่า “ประธานหวาง คุณอย่าพูดอย่างนั้นเลย การที่ได้ร่วมงานกับคุณนั้นถือเป็นบุญคุณที่ตระกูลจ้าวของเราสร้างมาหลายภพหลายชาติเลยทีเดียว เราเป็นเพื่อนร่วมมือกัน จะปล่อยให้คุณมารับผิดชอบคนเดียวได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นฉันก็จะเป็นมนุษย์ต่อไปไม่ได้แล้ว”
หลังจากวางสายแล้ว หวางซีก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยทางด้านตระกูลจ้าวและตระกูลอู๋ ก็ยังคงอยู่ข้างเคียงตัวเอง
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซิ่งเทียนใช้เลขาเวินและไอ้เกาดึงพวกเขาสองตระกูลเข้ามาในก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเราก็คงหมดหนทางไปแล้วจริงๆ”
หวางซีถอนหายใจ
“นั่นนะสิ พี่เขยสุดยอดมากจริงๆ หรือว่าเรามาลองถามพี่เขยดูไหม บางทีพี่เขยอาจมีวิธีก็ได้นะ”
หลันรั่วรั่วแนะนำว่า
หวางซีส่ายหัว “เรื่องพวกนี้เรามาจัดการกันเองจะดีกว่า ฉันทนดูสีหน้าของคนอื่นไม่เป็นไร แต่เซิ่งเทียนเป็นผู้ชาย เขาสามารถมีชีวิตกลับมาจากสนามรบได้ ฉันก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าอย่างยิ่งแล้ว เดิมทีเขาก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว ฉันไม่อยากให้เขาไปมองสีหน้าของคนอื่นอีกแล้ว”
จากนั้น ทางตระกูลเฉินก็โทรเข้ามาเช่นกัน
“ประธานหวางหากทางคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรคุณบอกมาได้เลย ตราบใดที่ตระกูลเฉินของเราสามารถทำได้ เราก็จะทำให้ หากเรื่องที่เราไม่สามารถทำได้ เราก็จะพยายามหาทางทำให้ได้ ถ้าทางคุณต้องการกำลังคน ผมจะจัดคนไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ประธานเฉิน ขอบคุณมาก ที่คุณยังสามารถพูดแบบนี้ได้ในเวลานี้ คุณไม่ต้องกังวลไป หากทางฉันต้องการความช่วยเหลือ และฉันจะรบกวนคุณอย่างแน่นอน”
หลังจากวางสายแล้ว หวางซีก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อย
บริษัทหัวหยวนมาถึงจุดที่จะสิ้นสุดแล้ว ไม่นึกเลยว่าตระกูลใหญ่ๆ เหล่านี้ในเมืองเฉียนถัง จะไม่ละทิ้งบริษัทหัวหยวน แต่กลับแย่งกันจะช่วยเหลืออีกด้วย
“รั่วรั่ว คุณคิดว่ามันจะเป็นเพราะพวกเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซิ่งเทียนและเลขาเวินหรือไม่? ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะกล้าช่วยพวกเราได้อย่างไร? ตระกูลจ้าวและตระกูลอู๋มีความได้เสียจากเรา แต่ระหว่างพวกเรากับตระกูลเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ เลย”
หลันรั่วรั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เฉินเฟิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพี่เขยไม่ใช่หรือ? ต้องเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของพี่เขยแน่นอน”
หวางซีส่ายหัวและพูดว่า “ฉันรู้จักนิสัยเฉินเฟิงเป็นอย่างดี เขาจะไม่ยื่นมือช่วยเหลือ เพราะเซิ่งเทียนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเขาหรอก เขาจะต้องรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซิ่งเทียนและเลขาเวินแน่นอน ดังนั้นเขาจึงอยากจะสร้างความสัมพันธ์ผ่านเซิ่งเทียน”
หลันรั่วรั่วกำลังพูดอย่างตื่นเต้น “พี่ซี เราสามารถใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ได้”
หวางซีปฏิเสธ “ไม่ได้ เซิ่งเทียนกับเลขาเวินเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ฉันไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับเลขาเวินได้ ไม่ว่ายังไงเธอและไอ้เกาก็เป็นคนของรัฐบาล ทันทีที่เหล่าพวกตระกูลเฉินมีปัญหาขึ้นมา มันจะส่งผลกระทบต่อพวกเขา เมื่อถึงเวลานั้น คนที่ลำบากใจก็คือเซิ่งเทียน เพราะยังไงการที่พวกเขาออกหน้าก็เพราะเห็นแก่เซิ่งเทียน ฉันจะต้องไม่ทำให้มิตรภาพอันบริสุทธิ์ระหว่างเซิ่งเทียนและพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน”