ตอนที่ 602 อย่าหลงกลง่ายๆ

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

“ขั้นตอนต่อไปจะง่ายกว่านี้” รอยยิ้มของชูฮันเหมือนกับวิญญาณชั่วร้าย “ความขัดแย้งจะทวีมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะมีการต่อสู้ดำเนินไปทั่วทุกที่ในค่ายเจียนอี๋ พื้นที่อาศัยของชาวบ้านจะพังทลาย และฉันคิดว่าครั้งนี้เหลียงชูซินและชินหยวนก็คงไม่สามารถช่วยได้?”

 

“แล้วมันก็จะเกิดฝ่ายต่อต้านขึ้น ต่อมากลุ่มทหารเก่าและพวกมาใหม่ก็จะห่ำหั่นกันเอง ใช่มั้ยครับ?” หลูปิงเซ่อกระพริบตาและพูดขึ้น

 

“ไม่ใช่ ปัญหาข้อที่สองของเรายังไม่ได้รับการแก้ไข!” ชูฮันส่ายหน้าและพูด “ปัญหาข้อที่สองก็คือเหล่าทหารเก่ามีบทบาทน้อยมากในค่าย พวกเขาไม่ได้รับการฝึกฝน ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขายังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับพวกทหารมุนษย์สายพันธุ์ใหม่ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนกำลังในการต่อสู้ซะหน่อย”

 

ในตอนนั้นเอง จู่ๆชูฮันก็หันหน้ากลับมา “เสี่ยวเคิน ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเขาดี? เขาเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก่อน ตอนนี้เขาเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 และมันก็มีวิวัฒนาการระยะ 4 ในทีมความลับของพระเจ้าอยู่เหมือนกัน พวกคุณอยากจะประลองฝีมือกันมั้ยจะได้รู้ว่าใครเก่งกว่ากัน?”

 

“นั่นมัน…”

 

สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าตะลึงค้างกันหมด มันก็เป็นอย่างที่ชูฮันพูด เสี่ยวเคินมักจะทำตัวเงียบๆ ไม่โดดเด่น และมักทำให้พวกเขาหลายคนรู้สีกประหลาดๆ แต่ต้องยอมรับว่าพลังในการต่อสู้ของเสี่ยวเคินนั้นไม่ใช่น้อยจริงๆ

 

“เหตุผลเดียวกัน” ชูฮันพูดต่อ เขาสบตากับทุกคนเพื่อให้ทุกคนคิดแยกแยะตามคำพูดของเขา “อย่าลืมจุดแตกหักของพวกเขา อะไรคือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างทหารเก่ากับพวกมาใหม่? พวกเขามีการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์แบบจากกองทัพและเข้าร่วมกับกองทัพมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่แค่พวกเขาจะเข้าใจกันและกันเท่านั้นแต่พวกเขายังทำงานร่วมมือ ร่วมมือช่วยกันต่อสู้ ทุกคนมีทักษะในการต่อสู้เทียบเท่ากันหมดเพราะพวกเขาสามัคคีกัน ส่วนพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่พวกนั้นที่พึ่งเข้าร่วมกองทัพได้แค่ไม่กี่เดือนไม่สามารถเทียบกับทักษะในการรบของเหล่าทหารเก่าเลยได้สักนิด ทหารเก่าคนหนึ่งสามารถจัดการกับพวกมาใหม่ได้หนึ่งถึงสองคนด้วยซ้ำ แล้วคิดภาพถ้าพวกเขาทั้งหมดล่ะ? ฉันเชื่อว่าทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่ารู้ดีถึงความสำคัญของการต่อสู้ร่วมกันเป็นทีมดี?”

 

แปะ! แปะ!

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าทีมความลับของพระเจ้าต่างอดไม่ได้ที่จะปรบมือกันใหญ่

 

“รู้สึกว่ามันน่าทึ่งเหรอ? มันยังไม่จบแค่นี้!” ชูฮันยิ้มเบาๆ ที่มุมปากของเขายกยิ้มอย่างชั่วร้าย “นี่มันก็แค่ไอเดีย ความยากลำบากที่แท้จริงก็คือจะทำอย่างไรให้เหล่าทหารเก่ามารวมตัวกันและร่วมมือกันต่อต้านอีกฝ่าย”

 

“เพราะฉะนั้น บทบาทของชินหยวนจะเริ่มที่จุดนี้ เขาถูกลดตำแหน่งลงไปอยู่ตำแหน่งตำสุดของค่ายเจียนอี๋ ไม่เพียงแค่เขาจะถูกละเลยความสำคัญ แต่หน่วยทหารของเขายังแตกและตัวเขาก็ต้องกลายเป็นมาชาวบ้านธรรมดา” นิ้วชี้ของชูฮันชี้ไปที่ชื่อชินหยวนบนกระดาษ แววตาของชูฮันมีประกายแสงบางอย่างวาดผ่าน “ถ้าเราต้องการให้กระบวนการนี้มันง่ายขึ้น เราจะต้องทำให้เขายอมเข้าร่วมให้ได้!”

 

“ทำได้อย่างไรครับ?” สมาชิกทีมความลับของพระเจ้าอดใจรอไม่ไหว

 

“จะปอลมตัวหรือพึ่งพาความคิดเห็นของผู้คน” ชูฮันยิ้มบางๆ ขณะที่มีเสียงหวีดของลมแรงดังขึ้นท่ามกลางความมืด “เมื่อทั้งพื้นที่ที่อยู่อาศัยของชาวบ้านตกอยู่โกลาหลอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ชาวบ้านกำลังร้อนรนกันวุ่นวาย ตอนนั้นชินหยวนจะปรากฏตัวขึ้น เขาจะสร้างพลังจากผู้คน ทุกคนจะยอมรับในตัวเขา”

 

เฮือก!

 

ทีมความลับของพระเจ้าแทบจะคางตกถึงพื้นด้วยความตกใจ

 

ชูฮันหัวเราะในลำคอเบาๆ “เขาอยากจะก่อกบฏมั้ย? ไม่ เขาอยากจะถึงจุดแตกหักมั้ย? ไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของประชาชนจะผลักดันเขาไปสู่จุดสูงสุด ฉันเชื่อว่าเหล่าทหารเก่าคนอื่นๆที่ได้ยินข่าวก็จะมารวมตัวกันต่อหน้าชินหยวนทันทีด้วยอารมณ์มากมายทั้งโกรธ ไม่พอใจ แค้นใจ ในเมื่อทหารเก่าอย่างพวกเขาไม่มีค่าอะไรกับกองทัพอยู่แล้วเมื่อเทียบกับพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีทางไหนแล้วนอกจากฟังชินหยวน”

 

“วู้ว” อู๋เจียช่าวเปล่งเสียงอุทานอย่างตื่นเต้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายตื่นเต้นจัด

 

“เรามีหมากเดินเกมส์ให้เราแล้ว เป้าหมายสูงสุดของเราไม่ใช่ให้เขาก่อกบฏ” หลูปิงเซ่อยังคงมีไหวพริบเร็วและตอกกลับอู๋เจียช่าวทันที

 

“ใช่ การกบฏจะเป็นข้อมูลลวงที่เราจะใส่เข้าไปในความคิดของชินหยวน แน่นอนว่ามันไม่ใช่การก่อกบฏ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ชูฮันก็ชะงัก “หลูอี๋ช่างน่าเวทนา เราไม่สามารถมัดมือชกเขาแบบนี้ได้”

 

สมาชิกทีมความลับของพระเจ้าอ้าปากค้าง หัวหน้าของพวกเขารู้ดีว่าหลูอี๋เป็นคนน่าเวทนา และยังบอกกับพวกเขาเองว่าสงสาร? แต่หัวหน้ากำลังจะฆ่าเขาตรงหน้าและหลังจากนั้นทั้งค่ายเจียนอี๋ก็จะถูกทำลายลงโดยฝีมือขูฮัน!

 

“ฉันกำลังช่วยเขาอยู่จริงๆ” สายตาของสมาชิกทีมความลับของพระเจ้ามองมาที่ชูฮันอย่างไม่อยากเชื่อ ชูฮันทำท่าไร้เดียงสา “พวกคุณลองคิดดู ใครคือเหลียงชูซิน? พวกคุณกล้าพูดมั้ยว่าหลูอี๋กับเหลียงชูซินมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน? ฉันคาดว่าเหลียงชูซินน่าจะรอเวลาที่จะกำจัดหลูอี๋มานานแล้วและนี่ก็คือโอกาสของเขา! นี่เป็นเรื่องที่ดี พวกมาใหม่ที่ค่ายเกณฑ์มากับทหารเก่าสู่กันเอง เกิดความวุ่นวายจนเหนือการควบคุม”

 

ทุกคนพยักหน้าตาม พวกเขารู้ว่าหัวหน้าชูฮันเป็นคนกำหนดชะตาทุกอย่าง หลูอี๋ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อค่ายเขี้ยวหมาป่าและแน่นอนว่าไม่ใช่มิตร

 

ดังนั้น ครั้งนี้หัวหน้าชูฮันจึงกำลังรังแกคนจริงๆ เพื่อเป็นการแสดงให้ทุกคนที่คิดจะต่อต้านและเป็นศัตรูเข้าใจ

 

“ถัดไป ชินหยวนก็จะตกอยู่ในการต่อสู้อันน่าเศร้าที่เต็มไปด้วยเหตุผลและความรู้สึก แต่ครั้งนี้เหลียงชูซินที่คิดว่าชินหยวนต้องการจะก่อกบฏจะโกรธแค้นอย่างห้ามไม่ได้” ชูฮันยิ้มอย่างโจรร้าย “แล้วเหลียงชูซินจะคิดอย่างไร? แม้ข้อมูลที่เราได้รับมาอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็มากพอที่เราจะตัดสินตัวตนลักษณะนิสัยของเขาได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นหลังจากเขาเข้าร่วมกับค่ายเจียนอี๋ พวกคุณจะต้องให้ความสำคัญกับประเด็นสำคัญที่เรามีเพื่อที่จะจับข้อบกพร่องของศัตรู”

 

สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าฮึกเฮิมขึ้นมาทันที หลายคนเริ่มกรองข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัดของเหลียงชูซินในหัวตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าความคิดของตัวเองจะตามทันกับจังหวะความคิดและการวิเคราะห์ของชูฮัน

 

ชูฮันเข้าใจดีว่าในขณะนี้ทักษะในการคิดวิเคราะห์ของทีมความลับของพระเจ้ายังไม่ครอบคลุมครบถ้วนเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงรอคอยให้พวกเขาได้คิดตามทีละขั้นอย่างใจเย็น “ก่อนอื่น ประวัติของเหลียงชูซิน จากซางจิงมาไกลจนถึงค่ายเจียนอี๋ หัวหน้าแผนกเจ้าหน้าที่ ควบคุมเหล่าทหารมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ คนประเภทนี้มักจะมีประวัติแข็งแกร่งเพื่อให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและควบคุมให้เชื่อฟัง และยังยอมให้หลูอี๋ใช้เขาอีก”

 

ชูฮันยิ้มและพูดต่อ “คนคนนี้ไม่ใช่คนโง่ ความสามารถของเขาคือเรื่องจริง และแน่นอนว่าเขาคงไม่ยอมให้หลูอี๋ใช้เขาตลอดไป ถ้าเหลียงชูซินเป็นคนที่มีความสามารถและแข็งแกร่งจริงๆเขาจะหลบหนีจากความวุ่นวายและโกลาหลที่เกิดขึ้นและจะถูกเราที่ดักรอจับตัวได้ น่าเสียดาย”

 

“เพราะงั้นเหลียงชูซินที่มีอดีตและประวัติค่อนข้างไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะประมาทเขา” ชูฮันวิเคาะห์ต่อ “ต่อไป เราจะรอดูว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องค่ายเจียนอี๋ในอนาคตต่อไปในทางไหน ก่อนอื่นนโยบายการเลื่อนขั้นของเจ้าหน้าที่ที่ไม่พิจารณาถึงความรู้สึกทางจิตวิทยาของเหล่าทหารเห่า แม้กระทั่งทหารเก่าหลายคนที่มีความสามารถอย่างเห็นได้ชัดแต่เหลียงชูซินก็ยังจงใจเพิกเฉย เพราะงั้นฉันจึงสรุปได้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดยกเว้นหลูอี๋ พวกเขาส่วนใหญ่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากฝีมือของเหลียงชูซินเอง”