บทที่ 334 เปราะบาง

The king of War

ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านตระกูลเมิ่งในเจียงโจว

ในห้องโถงใหญ่ หญิงวัยกลางคนที่ดูสง่านั่งอยู่ในเก้าอี้หลัก

ส่วนเมิ่งหงเย่ หัวหน้าครอบครัวตระกูลเมิ่งได้แต่นั่งอยู่ข้างหญิงวัยกลางคนคนนั้นด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยเต็มใจมากนัก

“คุณหญิงหวงมาเจียงโจวตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมไม่แจ้งผมล่วงหน้าก่อน? ผมจะได้ไปรับคุณที่สนามบินครับ”

ใบหน้าเมิ่งหงเย่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ลึกๆ ในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว

คุณหญิงหวงสีหน้านิ่งเฉย ดวงตาที่เหมือนตาเหยี่ยวจ้องมองไปที่เมิ่งหงเย่และดูเหมือนจะสามารถมองทะลุความกลัวในใจของเมิ่งหงเย่ได้

“ฉันขอถามคุณว่า ลูกชายฉันเมิ่งฮุย เขาตายยังไง? แล้วเมิ่งเทียนเจียว สามีเก่าของฉันตายยังไง?”

คุณหญิงหวงตรงเข้าประเด็นทันที ในขณะที่เธอถามคำถามนี้ นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่รุนแรง ซึ่งก็ทำให้เมิ่งหงเย่กลัวจนขนหัวลุก

คุณหญิงนามสกุลหวงคนนี้ เธอกลับเป็นแม้แท้ๆ ของเมิ่งฮุย ซึ่งก็คือลูกสะใภ้ของเมิ่งหงเย่

แม้จะเป็นเช่นนี้ เมิ่งหงเย่ก็ไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย เขากลับให้คุณหญิงหวงคนนี้นั่งอยู่ในที่นั่งสำคัญของห้องรับแขกในบ้าน

คนที่ได้รับความเคารพเป็นพิเศษจากเมิ่งหงเย่ และยังมีนามสกุลหวงอีกด้วย ซึ่งมีเพียงครอบครัวเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตระกูลหวง หนึ่งในแปดของตระกูลแห่งเย็นตู

และเธอคนนี้ก็คือหวงเหมย

ซึ่งการมาเจียงโจวในครั้งนี้ก็เพื่อเมิ่งฮุยกับเมิ่งเทียนเจียว

เมิ่งหงเย่กลัวจนหัวใจเต้นรัว ดวงตาของเขาแดงก่ำและพูดอย่างขมขื่นว่า “คุณหญิงหวงครับ ฮุยเอ๋อกับเทียนเจียวตายด้วยน้ำมือของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อหยางเฉินครับ!”

จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องของเมิ่งฮุยกับเมิ่งเทียนเจียวอย่างละเอียด

และสิ่งที่ควรเล่าเขาได้เล่าไปหมดแล้ว แต่เหลือเพียงสองเรื่องที่เขายังเก็บเป็นความลับ นั่นก็คือเรื่องที่เขาไล่เมิ่งฮุยออกจากบ้านต่อหน้าทุกคน และการปฏิเสธการแก้แค้นของเมิ่งเทียนเจียว

หลังจากฟังสิ่งที่เมิ่งหงเย่พูด ดวงตาทั้งคู่ของหวงเหมยก็กลายเป็นสีแดง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร

“ทำไมฉันยังได้ข่าวว่าคุณไม่ชอบลูกชายฉัน แล้วไล่เขาออกจากบ้านต่อหน้าทุกคนไม่ใช่เหรอ? แล้วเมิ่งเทียนเจียวก็เคยขอความช่วยเหลือจากตระกูลเมิ่งเพื่อทำการล้างแค้นให้ลูกชายฉัน แต่คุณกลับปฏิเสธ?”

หวงเหมยยังดูสงบ แต่บุคลิกที่โดดเด่นของเธอก็ยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้น

หลังจากได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของเมิ่งหงเย่ก็เปลี่ยนไปทันที ถ้าหากเขารู้ว่าหวงเหมยเป็นคนของตระกูลหวงในแปดตระกูลแห่งเย็นตู แล้วเขาจะไล่เมิ่งฮุยออกจากบ้านทำไม? แล้วเขาจะปฏิเสธคำขอของเมิ่งเทียนเจียวทำไม?

เขาไม่รู้แม้กระทั่งความสัมพันธ์ของหวงเหมยกับเมิ่งเทียนเจียวด้วยซ้ำ

เขารู้เพียงว่า วันหนึ่งเมื่อสามสิบปีก่อน จู่ ๆ เมิ่งเทียนเจียวได้พาเด็กทารกชายกลับมาคนหนึ่ง และยังบอกว่าเป็นลูกชายของเขา

ซึ่งเด็กทารกชายคนนี้ก็คือเมิ่งฮุย

เมิ่งหงเย่ยังเคยแอบให้เมิ่งฮุยไปตรวจดีเอ็นเอว่าเขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของเมิ่งเทียนเจียว และเมื่อชัดเจนแล้วเขาถึงจะยอมรับในตัวของเมิ่งฮุยได้

แต่ในวันนี้ หวงเหมยกลับบุกมาถึงบ้านของเขาเพื่อมาถามสาเหตุการตายของเมิ่งเทียนเจียวกับเมิ่งฮุย

ด้วยเหตุนี้เมิ่งหงเย่จึงรู้สึกเสียดายมาก แต่ ณ เวลานี้ ในใจของเขาเหลือเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น

“คุณหญิงหวง ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ นะครับ”

เมิ่งหงเย่พูดด้วยความกลัวและสีหน้าซีดเซียว “ความคาดหวังของผมที่มีต่อเทียนเจียวกับฮุยเอ๋อทุกคนก็เห็นแล้ว ผมกระทั่งแหกกฎให้ฮุยเอ๋อได้มีโอกาสแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลกับทายาทคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ”

“แต่หยางเฉินคนนี้มีอิทธิพลจริงๆ มันคนเดียวสามารถกระทบทั้งตระกูลเมิ่งของเราได้”

“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น เดี๋ยวรอคุณหญิงหวงตรวจสอบเสร็จก็จะรู้เองว่าผมไม่ได้ปิดบังคุณเลยแม้แต่นิด”

“ถึงอย่างไรแล้ว เทียนเจียวก็เป็นลูกชายที่ภาคภูมิใจที่สุดของผม และฮุยเอ๋อก็เป็นหลานชายที่ภาคภูมิใจที่สุดของด้วยผมเช่นกัน ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆ ผมจะยอมทิ้งพวกเขาได้ยังไงล่ะ?”

เมิ่งหงเย่ถึงกับลุกขึ้นยืนและไม่กล้านั่งลงไปอีก ถ้าหากไม่ใช่เพราะหวงเหมยเป็นรุ่นลูกของเขา ตอนนี้เขาคงคุกเข่าขอความเมตตาจากเธอไปนานแล้ว

หวงเหมยเองก็รู้ดีว่าเมิ่งหงเย่ไม่กล้าโกหกเธอ

อีกอย่างเมิ่งหงเย่ก็ยังเป็นพ่อของเมิ่งเทียนเจียว และยังเป็นปู่ของเมิ่งฮุยอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่เสียเวลาคุยกับเขาแล้ว

“หยางเฉินที่คุณพูดถึง มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงขั้นจัดการกับยอดฝีมือของตระกูลเมิ่งของคุณภายในครั้งเดียวได้?” หวงเหมยขมวดคิ้วถาม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ แม้ว่าเธอจะไม่เคยมาที่ตระกูลเมิ่ง แต่เธอก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวตระกูลเมิ่งเป็นอย่างดี

เธอรู้อย่างชัดเจนว่าภูมิหลังของตระกูลเมิ่งนั้นดีแค่ไหน

แต่ไม่คิดเลยว่าครอบครัวยิ่งใหญ่อย่างตระกูลเมิ่งกลับเกือบถูกทำลายโดยเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

“คุณหญิงหวง สิ่งที่ผมพูดไปล้วนเป็นความจริงหมด ผมไม่กล้าโกหกคุณแม้แต่คำเดียวเลยนะครับ!”

เมิ่งหงเย่พูดอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าหวงเหมยจะอารมณ์เสียแล้วสั่งฆ่าเขา

แต่หวงเหมยไม่ได้พูดอะไร และสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

ในฐานะผู้หญิงจากครอบครัวตระกูลหวง เธอไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน

ชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบเจ็ดปีสามารถเอาชนะยอดฝีมือของตระกูลเมิ่งได้ คนหนุ่มที่มีฝีมือดีขนาดนี้ ต่อให้อยู่ในแปดตระกูลแห่งเย็นตูก็หาพบได้ยาก

“ปรมาจารย์ถัง คุณคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

ทันใดนั้น หวงเหมยมองไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ เธอแล้วถามเขา

ปรมาจารย์ถังเป็นยอดฝีมือที่เธอพามาจากตระกูลหวง เขามีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของเธอ และฝีมือของเขาก็แข็งแกร่งมาก

เมื่อพูดถึงศิลปะการต่อสู้ การที่ปรึกษาปรมาจารย์ถังจึงเป็นเรื่องเหมาะสมที่สุด

ปรมาจารย์ถังถามทันทีว่า “เมิ่งหงเย่ ยอดฝีมือของตระกูลเมิ่งของคุณคือใครครับ?”

“เพ้าดำ!”

เมิ่งหงเย่พูดอย่างเสียงดัง และเพ้าดำคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำและหน้ากากแสยะยิ้มก็เดินออกมาจากด้านหลังเขา

ปรมาจารย์ถังก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่เพ้าดำคนนั้น “ใช้สุดความสามารถของคุณมาสู้กับผมดู!”

“ได้!”

เพ้าดำพูดขึ้น

“เฉ้ง!”

ในเวลาเดียวกัน เพ้าดำก็ชักดาบของเขาออกมา

ซึ่งคำที่เล่าขานกันว่า ‘เพ้าดำออกดาบ เลือดไหลเป็นแม่น้ำ’ คำนี้ สำหรับปรมาจารย์ถังแล้ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กกระจ้อยร่อยเท่านั้น

“เข้ามาเลย!”

ปรมาจารย์ถังยืดตัวตรงแล้วสองมือไขว้หลังและตะโกนใส่เพ้าดำ

แต่เพ้าดำไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย และเขาสามารถสัมผัสถึงแรงกดดันอันมหาศาลจากตัวของปรมาจารย์ถังได้

แม้จะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ แต่เขาก็ต้องสู้

“ฮึบ!”

เพ้าดำตะโกนด้วยความโกรธ ขาของเขามีการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน และเขาได้ระเบิดความเร็วที่เร็วที่สุดในชั่วพริบตา

ทุกคนเห็นเพียงเงาสีดำที่พุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์ถัง แต่ปรมาจารย์ถังยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยมือข้างหนึ่งที่ไขว้หลังไว้ ส่วนมืออีกข้างปล่อยอยู่ในระดับช่วงเขาอย่างเป็นธรรมชาติ

เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์ถังตั้งใจจะใช้เมื่อเพียงข้างเดียวในการรับมือกับเพ้าดำ

ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะโอ้อวด แต่เขามีคุณสมบัติที่จะเย่อหยิ่งจริงๆ เพราะแม้แต่ในเมืองเยนตู เขายังเป็นปรมาจารย์ที่ติดอันดับด้วย

ส่วนยอดฝีมือของเหล่าเศรษฐีในเมืองเอก สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องกระจ้อยร่อยเท่านั้น

เขาปล่อยให้เพ้าดำระเบิดพลังอย่างเต็มที่ จุดประสงค์คืออยากรู้ความแข็งแกร่งของหยางเฉินเท่านั้น

“ฟุ่บ!”

และในชั่วพริบตา เพ้าดำก็ได้มาถึงตรงหน้าปรมาจารย์ถัง สองมือของเขาถือมีดแล้วฟันลงไปด้วยความแรง

“แท๊ง!”

เมื่อเห็นว่ามีดของเพ้าดำกำลังจะตกลงมาบนหัวของปรมาจารย์ถัง ในขณะนี้ปรมาจารย์ถังก็ยื่นมือออกมา สะบัดนิ้ว และเสียงปะทะกันของโลหะก็ดังขึ้น

ด้วยความตกใจของทุกคน มีดของเพ้าดำถูกนิ้วดีดแล้วพุ่งกระเด็นออกไป

“บูม!”

เพ้าดำถึงทำกับหน้าทึ่ง หลังจากรู้ตัวอีกที หน้าอกของเขาถูกกระแทกด้วยแรงอันมหาศาล

ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เลือดก็พุ่งออกมาเต็มปาก ทั้งตัวของเขากระเด็นออกไปหลายเมตร และก่อนที่เขาจะร่วงลงพื้น เขาก็ได้หมดสติไปแล้ว

บรรยากาศในห้องเงียบลงทันที!

ดวงตาของเมิ่งหงเย่เบิกกว้าง เขาจ้องมองไปที่ปรมาจารย์ถังที่ยืนสองมือไขว้หลังอยู่ตรงกลางห้องโถงนั้น

นิ้วเดียวสามารถดีดดาบของเพ้าดำจนกระเด็นออกไป!

ฝ่ามือเดียวสามารถโบยเพ้าดำกระเด็นออกไป!

ในโลกนี้ยังมีปรมาจารย์ที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่หรือ?

แม้เขาจะรู้ว่าเพ้าดำต้องพ่ายแพ้โดยที่ไม่ต้องสงสัย แต่เขาไม่คาดคิดว่าเพ้าดำจะแพ้อย่างราบคาบขนาดนี้

“เปราะบางจริงๆ!”