กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 776
“หัวหน้าเผ่า……”

ทุกคนต่างพากันไม่เห็นด้วย

ตั้งแต่อดีตกาลนานมา ตำแหน่งหัวหน้าของเผ่าหยกจะถูกสืบทอดให้แก่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ไม่มีทางส่งต่อให้แก่ผู้อาวุโส

อีกทั้งพวกเขาต้องการให้นางเป็นหัวหน้าเผ่าเท่านั้น

แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ปฏิเสธและไม่เห็นด้วย

กู้ชูหน่วนกวาดสายตาไปยังทุกคนและกล่าวด้วยเสียงดัง

“ความหมายของการดำรงอยู่ของเผ่าหยกคืออะไรกัน? คือการรวบรวมไข่มุกมังกรเพื่อกำจัดคำสาปโลหิตและไม่ให้คนในเผ่าต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของคำสาปโลหิตอีกต่อไป เผ่าหยกของเราต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มาเป็นพันปีและยังต้องสูญเสียผู้คนไปนับไม่ถ้วน ตอนนี้ก็รวบรวมไข่มุกมังกรได้ครบเจ็ดเม็ดอย่างยากลำบากแล้วและตอนนี้ก็ขาดเพียงยาตัวเดียวเท่านั้น หากยอมแพ้ เช่นนั้นแล้วการเสียสละของเผ่าหยกมากว่าพันปีก็ไร้ความหมายและสูญเปล่าไปไม่ใช่หรือ?”

“หากยาตัวสุดท้ายคือหัวใจและเลือดของท่าน เช่นนั้นเรายอมที่จะไม่กำจัดคำสาปโลหิต” คนในเผ่าตะโกนออกมา

“ใช่ พวกเจ้าอาจจะไม่ต้องการกำจัดคำสาปโลหิต แต่ลูกหลานของพวกเจ้าล่ะ คนรุ่นหลังของพวกเจ้าล่ะ? หรือว่าพวกเจ้าต้องการให้คนรุ่นหลังของพวกเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของการออกฤทธิ์คำสาปโลหิตอย่างนั้นหรือ?”

ประโยคที่เชือดเฉือนตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้คนในเผ่าจำนวนมากไม่น้อยต่างพากันหน้าซีด

พวกเขาไม่คาดหวังให้เป็นเช่นนั้น

คำสาปโลหิตช่างทรมานเจ็บปวดเหลือเกิน อธิบายด้วยคำว่าเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็นยังน้อยไป

ขอเพียงสามารถกำจัดคำสาปโลหิต ให้พวกเขาต้องเสียสละอย่างไรพวกเขาก็ยอม

แต่……การเสียสละนี้ เหตุใดต้องเป็นการเสียสละชีวิตของหัวหน้าเผ่าด้วย?

“ตำแหน่งหัวหน้าของเผ่าหยกจะสืบทอดต่อธิดาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น นั่นก็เป็นเพราะเลือดและหัวใจของธิดาศักดิ์สิทธิ์สามารถหลอมรวมไข่มุกมังกรได้ อดีตกาลเมื่อพันกว่าปีก่อน ชะตากรรมของธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”

“หัวหน้าเผ่า……”

“ในเมื่อข้าเป็นหัวหน้าเผ่า เช่นนั้นข้าก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งนี้ สิ่งนี้ไม่เพียงทำเพื่อพวกเจ้าเท่านั้น แต่เพื่ออนาคตที่สดใสของลูกหลานของเผ่าหยก พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธแทนพวกเขา”

กู้ชูหน่วนมอบป้ายคำสั่งของหัวหน้าให้กับผู้อาวุโสสูงสุดด้วยมือของนาง

“ต่อไปผู้อาวุโสสูงสุดก็คือหัวหน้าเผ่าคนต่อไป เรื่องในเผ่าหยกทั้งหมดยกให้เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสสูงสุด”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยความหวาดกลัว “หัวหน้าเผ่า ข้า……ข้าเกรงว่าจะไม่ได้”

“ท่านทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ อนาคตของเผ่าหยกอยู่ในมือของท่าน ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ผู้อาวุโสหกใช้โอกาสที่ทุกคนต่างพากันตกตะลึงไม่ทันตั้งตัว เพื่อหลุดพ้นออกจากฝูงชน นางตะโกนออกไปว่า “หากการกำจัดคำสาปโลหิตนี้ต้องใช้หัวใจและเลือดของท่าน เช่นนั้นแล้วพวกเราไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน ท่านห้ามสังเวยชีวิตของตัวเองเด็ดขาด”

“หัวหน้าเผ่า……เราคิดหาวิธีอื่นเถอะ”

คนจำนวนมากต่างพากันเห็นด้วย

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างขมขื่น “คิดหาวิธีอื่น? หากมีวิธีอื่น เช่นนั้นแล้วเผ่าหยกคงไม่ต้องทุกข์ทรมานมากว่าพันปีหรอก”

จอมมารคำรามออกมา “ข้าไม่ยอมให้ท่านสังเวยชีวิต หากท่านสังเวยชีวิต เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่มีทางอภัยให้ท่านอย่างแน่นอน”

“ขอโทษด้วยนะ……อาม่อ ข้ายังหวังให้เจ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่สดใสไร้กังวลและเย่อหยิ่งภาคภูมิใจ”

กู้ชูหน่วนพูดจบก็หยิบดาบอ่อนขึ้นมาและเสียบแทงเข้าไปอย่างโหดเหี้ยม สองมือของนางเป็นผนึกและสร้างเกราะป้องกันขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อครอบคนในเผ่าทั้งหมดให้อยู่ในเกราะตาข่าย

“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านช่วยข้าดูแลจอมมารด้วยนะ”

“หัวหน้าเผ่า ท่านจะไปไหน?”

“ไปหลอมรวมไข่มุกมังกร”

กู้ชูหน่วนพูดโดยไม่หันกลับไปมองและเดินออกไปที่ห้องปรุงยากลั่นยาโดยตรง โดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะตะโกนขอร้องเพื่อห้ามปรามอย่างไร

และไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะพยายามอย่างยิ่งเพื่อจะหลุดพ้นออกจากแสงเกราะตาข่ายอย่างไร

“หัวหน้าเผ่า……หัวหน้าเผ่า……ท่านห้ามสังเวยชีวิต……ท่านตายไป เช่นนั้นแล้วเผ่าหยกจะทำอย่างไร?”

“ผู้อาวุโสไท่ซั่ง ท่านรีบคิดหาวิธีสิ รีบหาวิธีขัดขวางหัวหน้าเผ่าสิ”

“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านเป็นคนเฉลียวฉลาดมาโดยตลอด ท่านจะต้องมีวิธีเพื่อขัดขวางใช่หรือไม่?”

“ไม่……ไม่ได้……นี่คือแสงเกราะอะไรกัน เหตุใดเราถึงฝ่าฟันออกไปไม่ได้……”

“หัวหน้าเผ่า……”

ผู้อาวุโสไท่ซั่งถอนหายใจ

“แสงเกราะตาข่ายของยอดฝีมือระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง พวกเจ้าไม่สามารถทลายได้หรอก”

อย่าว่าแต่เขาบาดเจ็บสาหัสเลย

ต่อให้เป็นช่วงที่เขาแข็งแรงกำยำ เช่นนั้นก็คงไม่สามารถทลายลงได้

“เช่นนั้นแล้วควรทำอย่างไร? ยืนมองดูหัวหน้าเผ่าตายลงอย่างนั้นหรือ? ไม่ได้ เราทำไม่ได้”

ผู้อาวุโสและศิษย์ในเผ่าต่างพากันรวมกำลังและใช้ทักษะความสามารถของตนอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อหวังจะทำลายแสงเกราะตาข่ายที่กู้ชูหน่วนสร้างไว้

กำลังภายในของคนในเผ่าถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน นับว่าเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

อันที่จริงแล้วระดับความสามารถนั้นไม่น้อยไปกว่าระดับเจ็ดเลย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใด แสงเกราะตาข่ายนี้ราวกับเป็นกำแพงเหล็กไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่พังทลายลง

“ผู้อาวุโสสูงสุดไท่ซั่งได้โปรดชี้นำว่าจะทำเช่นไรถึงสามารถพังทลายแสงเกราะตาข่ายนี้ได้”

“มันไม่สามารถถูกทำลายลงได้ นอกเสียจากเราคนใดคนหนึ่งจะเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด ระดับความสามารถระดับเจ็ดเมื่อเจอกันจะสามารถพังทลายได้ ไม่เช่นนั้น ต่อให้พวกเจ้าทุกคนรวมกำลังกันได้ถึงระดับสูงสุดระดับเจ็ด เช่นนั้นก็ไม่สามารถทำลายได้”

อาหน่วนนึกถึงสิ่งนี้ได้ตั้งนานแล้ว ฉะนั้นนางจึงกำหนดไว้ภายใต้แสงเกราะตาข่ายนี้

การกำหนดนี้คือมีเพียงยอดฝีมือระดับเจ็ดเท่านั้นที่สามารถทำลายได้

ทุกคนไม่เชื่อและยังคงพยายามอย่างสุดความสามารถ

พวกเขารู้ หากไม่สามารถทำลายเกราะตาข่ายได้ เช่นนั้นแล้วหัวหน้าเผ่าของพวกเขาจะต้องจากพวกเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ

แต่พวกเขาไม่ต้องการให้หัวหน้าเผ่าตาย

ผู้อาวุโสสูงสุดไท่ซั่งนั่งลงและรวบรวมปราณภายในเริ่มจากจุดตันเถียนเพื่อพยายามรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง

อาจเป็นเพราะรีบร้อนทำการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสของตัวเองและเวลาไม่เพียงพอ จากนั้นจึงทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดไท่ซั่งกระอักเลือดออกมา ทำให้จอมมารที่ถูกจี้จุดอยู่เลอะไปด้วยเลือดของเขา

จอมมารโกรธมาก เขาก็พยายามที่จะคลายจุดเช่นกัน แต่เมื่อเขาถูกกระตุ้นเช่นนี้ แม้แต่จุดเดียวก็ไม่สามารถคลายได้

เขากล่าวอย่างโมโห “พี่หญิงเข้าไปนานมากแล้ว เจ้ายังไม่รีบคิดหาวิธีคลายจุดให้ข้าอีกหรือ”

“หัวหน้าเผ่าจี้จุดทั้งสิบแปดตำแหน่งให้กับเจ้า เช่นนั้นแล้วนางจะปล่อยพวกเราได้อย่างไร”

“ตาเฒ่า หากพี่หญิงตาย ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด และจะไม่มีทางอภัยให้กับเผ่าหยกเด็ดขาด”

“ตุ่บๆๆ……”

ผู้อาวุโสและศิษย์ของเผ่าหยกได้รับบาดเจ็บจากแสดงเกราะตาข่ายและถูกกระเด้งกลับทีละคนจนล้มลงกับพื้นด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน

ยิ่งพวกเขาอยากจะพุ่งทำลายเกราะตาข่ายมากเท่าไร แสงเกราะตาข่ายก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น

แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตของพวกเขา แต่ก็สามารถทำให้พละกำลังของพวกเราลดลงในระยะเวลาสั้นๆ

ทุกคนต่างส่งความหวังไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดไท่ซั่งอีกครั้ง

ผู้อาวุโสสูงสุดไท่ซั่งตบต้นขาด้วยความโกรธเคือง

เขาอายุเกินเจ็ดสิบแล้วและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสบถออกมา

“ไม่มีประโยชน์……ไม่มีประโยชน์……เดิมทีข้าสามารถเก็บวิญญาณของนางได้ แต่ตอนนี้ข้าบาดเจ็บสาหัส จึงไม่สามารถเก็บวิญญาณของนางเอาไว้ได้”

“เจ้าพูดมาให้ละเอียดชัดเจนเดี๋ยวนี้”

จอมมารตะโกนออกมา

ขณะนี้ใบหน้าของเขานอกเหนือจากความอำมหิตและความกังวลแล้ว แทบไม่มีความสง่างามอยู่เลย

“ที่ข้าเก็บตัวบำเพ็ญเพียรมาโดยตลอดก็เพื่อทำการศึกษาว่าหากอาหน่วนสังเวยชีวิตควักหัวใจและเลือดของนางออกมา เช่นนั้นแล้วข้าจะสามารถเก็บรักษาดวงวิญญาณของนางได้หรือไม่”

“หลังจากที่ข้าได้บำเพ็ญเพียรมากว่าสิบปี แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ การควักหัวใจและเลือดออกมานั้นไม่สามารถรักษาให้หายได้และนางต้องตาย แต่ข้าสามารถใช้กำลังภายในของตัวเองเพื่อเก็บรักษาดวงวิญญาณของนางไว้ เพื่อวันหนึ่งที่นางจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง”

“เก็บรักษาดวงวิญญาณ? เก็บอย่างไรหรือ? นางจะเกิดใหม่ได้อย่างไร?”

“วิธีการเกิดใหม่นั้นข้ายังไม่ได้ศึกษาออกมา แต่ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเพียงแค่ยอดฝีมือสูงสุดระดับหกรวมพลังทั้งหมดในร่างกาย เช่นนั้นแล้วก็สามารถเก็บรักษาดวงวิญญาณของนางได้ ขอเพียงสามารถเก็บรักษาดวงวิญญาณของนางได้ เช่นนั้นแล้วนางก็ยังพอมีความหวังที่จะได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง”