ตอนที่ 225 ตื่นกลัวแปลกๆ / ตอนที่ 226 โรงพยาบาล

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 225 ตื่นกลัวแปลกๆ

 

 

คนที่ซย่าเสี่ยวมั่วอยากคิดบัญชีมีมากมายเหลือเกิน คนแรกก็คือเหยียนเค่อ คนที่สองก็คือสวีรั่วชี

 

 

หลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วก็เห็นสวีรั่วชีนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ในห้องไม่มีใครอื่น

 

 

“เธอสารภาพมาซะดีๆ เธอไปรู้จักคนพวกนั้นได้ยังไง แล้วก็สวีอันหรานเป็นพี่ชายเธอเหรอ?” เธอพอจะรู้แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ตอนนี้เพียงแค่อยากได้รับการยืนยันอีกสักครั้ง

 

 

สวีรั่วชีดึงมือที่บีบคอเธออยู่ออกแล้วพยักหน้า ก่อนจะเล่าให้เธอฟัง “สวีอันหรานเป็นพี่ชายฉันเอง ส่วนเหยียนเค่อรู้จักกับฉันมานานแล้ว ตอนนั้นเหยียนเค่อจะปกปิดตัวตนของตัวเอง ก็เลยทำเป็นไม่รู้จักกัน แต่พวกเราไม่ได้อยากจะปิดบังเธอเลยนะ แต่แค่ไม่มีโอกาสอธิบายเท่านั้น”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ยังไม่ทันจะถามต่อก็ถูกสวีรั่วชีกดให้ล้มนอนลงบนเตียงก่อน “ฉันยังไม่คิดบัญชีกับเธอเลยนะ เรื่องที่ตอนนั้นเธอเมาแล้วบอกว่าฉันชอบพี่ชายตัวเอง ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลย!”

 

 

“เธอขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันนั้นยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ!”

 

 

เด็กสาวสองคนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ไร้ซึ่งความทุกข์ไปชั่วขณะ ไม่ไปคิดว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าจะจัดการแก้ไขเรื่องราวทะเลาะวิวาทหลังจากนี้อย่างไร เพียงมีความสุขกับปัจจุบันเท่านั้น

 

 

เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วออกไป เหยียนเค่อก็ฝืนไว้ไม่ไหวแล้ว ล้มตัวลงบนพื้น

 

 

สวีอันหรานที่อยู่ด้านหน้ารับตัวเขาไว้แล้วถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “มันเป็นอะไร”

 

 

ฉินซื่อหลานอธิบาย “โดนคนเอาเก้าอี้ฟาดหลัง ซี่โครงน่าจะหัก”

 

 

สวีอันหรานและฉินซื่อหลานพาเหยียนเค่อไปส่งที่โรงพยาบาล ทิ้งให้เซ่าหมิงฟ่านและเสิ่นจิ้งเฉินเก็บงาน

 

 

“ฉันพาพวกเขาสองคนไปส่งก่อนนะ” เสิ่นจิ้งเฉินพูดขึ้น ก่อนจะไปดูซย่าเสี่ยวมั่วกับสวีรั่วชี

 

 

เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นซูอี้และฉินจานอยู่ข้างในด้วยจึงวางใจ ไหว้วานให้ซูอี้พาพวกเขาสองคนไปส่ง ส่วนตนจะอยู่ช่วยงานเซ่าหมิงฟ่านที่นี่ แถมยังกำชับเป็นพิเศษ “ส่งกลับบ้านพ่อแม่เลยนะ อย่าไปบ้านตัวเอง ช่วงสองสามวันนี้ก็คอยระวังหน่อย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า รู้ว่าพี่ชายเขากลัวว่าคนจะมาแก้แค้นทำร้าย ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดึงตัว

 

 

สวีรั่วชีและฉินจานกลับไป

 

 

ฉินจานไม่คิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วกับสวีรั่วชีจะสนิทกัน จึงไม่ได้ขับไล่สวีรั่วชีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทั้งคู่ก็ถือว่าคุยกันถูกคออยู่ในระดับหนึ่ง

 

 

พาสวีรั่วชีไปส่งที่บ้านตระกูลสวีก่อน จึงจะไปส่งซย่าเสี่ยวมั่วกลับบ้าน

 

 

เมื่อถึงบ้านแล้วซย่าเสี่ยวมั่วก็โทรมารายงานเสิ่นจิ้งเฉินว่าปลอดภัยดี ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนแรกจะไปเซ็นสัญญากับอันหร่าน ทำได้เพียงโทรไปยกเลิกนัดอันหรานแล้วอธิบายให้ฟัง

 

 

ฉากทะเลาะวิวาทในวันนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งขดอยู่บนโซฟาโทรหาคุณแม่ซย่า บอกเธอว่าคืนนี้ตนจะนอนที่บ้าน

 

 

คุณแม่ซย่าเมื่อเลิกเรียนก็กลับไปคอนโดของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วพาหมากลับมาก่อน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็เห็นลูกสาวของตนนอนเหม่ออยู่โซฟา จึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “วันนี้แกเป็นอะไรไป”

 

 

“วันนี้เจอเรื่องน่ากลัวมาล่ะ” ฉากเหล่านั้นยังคงผุดขึ้นมาในหัวของซย่าเสี่ยวมั่ว เธอรู้สึกหวาดกลัว แต่บอกไม่ได้ถึงสาเหตุของความกลัวนั้น

 

 

คุณแม่ซย่าลูบหลังเธอ “แกไปเจอเรื่องน่ากลัวมาได้ไง”

 

 

เธอเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟังคร่าวๆ นั่งขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของแม่ จู่ๆ ก็คิดถึงเหยียนเค่อขึ้นมา

 

 

ในเวลาแบบนี้ ถ้ามีแฟนจะดีแค่ไหนกันนะ

 

 

คุณแม่ซย่าปลอบโยนซย่าเสี่ยวมั่วอยู่สักพักหนึ่ง รู้สึกกังวลใจ “แกไปพักก่อนเถอะ ถ้าไม่สบายตรงไหนก็โรงพยาบาลนะ”

 

 

“ค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเบ้ปาก ลูบขนหมาอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ

 

 

สวีรั่วชีไม่เห็นฉากคนตีกัน แล้วเธอก็ยังมีสวีอันหรานอยู่ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก

 

 

หลังจากกลับบ้านแล้วก็พูดคุยกับพ่อแม่อย่างเจาะลึก

 

 

แล้วก็…งานหมั้นนี้เพิ่งจบลง งานแต่งของเธอกับสวีอันหรานก็ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 226 โรงพยาบาล

 

 

หลังจากเหยียนเค่อถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก เพียงแต่แผ่นหลังบวมขึ้นมาเท่านั้น บริเวณตั้งแต่ไหล่จนถึงเอวปูดบวมเป็นลูกหมั่นโถว

 

 

หลังจากที่เสิ่นจิ้งเฉินและเซ่าหมิงฟ่านจัดการเรื่องเสร็จแล้วก็ได้ยินเสียงเหยียนเค่อพูดงึมงำอยู่ในลำคอ

 

 

ฉินซื่อหลานทายาห้ามเลือดให้เขาอย่างกลุ้มใจ แถมยังต้องทนฟังเสียงร้องโหยหวนของเหยียนเค่อ

 

 

“เบาหน่อยไม่ได้หรือไง ไม่อ่อนโยนเลย” ข้อมือของเหยียนเค่อหลุด แต่ฉินซื่อหลานต่อให้แล้ว พันผ้าแล้วนอนห้อยแขนอยู่บนเตียง

 

 

“เป็นยังไงบ้างอะ เจ็บหนักขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

 

“หนักบ้านแกสิ!” ถึงแม้ว่าเหยียนเค่อจะบาดเจ็บเพราะเขา แต่ถึงตอนนี้ฉินซื่อหลานจะเป็นคนเจ็บเองก็คงไม่ร้องโหยหวนแบบเขาแน่นอน “ข้อมือหลุด เนื้อเยื่ออ่อนบริเวณหลังได้รับบาดเจ็บ หลอดเลือดเสียหาย หัวใจและปอดได้รับการสั่นสะเทือน”

 

 

นักเรียนสายศิลป์อย่างเสิ่นจิ้งเฉินได้ยินเข้าก็แทบลมจับ “หนักขนาดนั้นเลย?!”

 

 

ปฏิกิริยาของเขาทำให้แม้แต่เหยียนเค่อก็อดขำไม่ได้

 

 

เซ่าหมิงฟ่านอธิบาย “ไม่หนักเลยสักนิด ก็แค่เลือดออก”

 

 

“เอ่อ…” เสิ่นจิ้งเฉินยังคิดตามไม่ทัน

 

 

ฉินซื่อหลานหมดคำพูด “มันก็แค่หลังบวม ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก เจ็บแค่นี้มากสุดรักษาอาทิตย์หนึ่งก็หายแล้ว”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินพยักหน้า ก่อนจะค่อนแขวะเหยียนเค่อ “แล้วทำไมมันร้องเสียงแหลมอย่างนั้นล่ะ”

 

 

“ให้ใครมาทายาให้มันก็แหกปากร้องเสียงแหลมเหมือนกันแหละ” ฉินซื่อหลานยักไหล่ “แต่ถ้าเป็น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็คงไม่แหกปากร้องไม่รักษาภาพลักษณ์แบบนี้หรอกมั้ง”

 

 

เหยียนเค่อที่ถูกจี้ใจดำกระแอมอย่างขัดเขิน มุดหน้าลงกับเตียง

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินยิ้มหน้าเนื้อใจเสือ “ฝันไปเถอะ ฉันส่งซย่าเสี่ยวมั่วกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว”

 

 

เมื่อพวกเขาด่ากันจนพอแล้ว สวีอันหรานจึงเอ่ยเตือน “พวกนายก็ระวังตัวด้วย ตอนนี้ขาหลี่หมิงฉวียังเจ็บอยู่เลย”

 

 

ฉินซื่อหลานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “กระดูกแตกละเอียด แต่ถ้าต่อแล้วก็ไม่เป็นไร”

 

 

ส่วนคนอื่นที่เหลือมองเหยียนเค่อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ต้องแค้นขนาดไหนถึงจะเล่นถึงตายขนาดนี้

 

 

ฉินซื่อหลานรายงานอย่างละเอียด “หลี่หมิงฉวีขาข้างหนึ่งกระดูกแตกละเอียด อีกข้างหลุดออกมา ข้อมือกับไหล่หลุด”

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินอยู่ใกล้สวีอันหราน ในใจก็หวาดผวา “โชคดีที่ฉันไม่ใช่เขา ปกติไอ้รองยอมฉันจะตาย”

 

 

บริษัทสื่อและความบันเทิงอย่างซิงอี้และฮุยเถิงต่างก็ควบคุมข่าวมือหนึ่งไว้ในมือ จึงนำข่าวที่ตระกูลสวีและตระกูลฉู่ยกเลิกแต่งงานตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์รายใหญ่โดยรวดเร็วที่สุด โจมตีฉู่อวิ๋นที่มาสายในวันหมั้น คุณชายใหญ่ตระกูลสวีโมโหจึงทำร้ายร่างกายเขาจนต้องเข้าโรงพยาบาล

 

 

ส่วนเรื่องที่มีคนตีกันก็ถูกแต่ละตระกูลยับยั้งเอาไว้ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องดีงามอะไร ความแค้นส่วนตัวก็ชำระกันโดนส่วนตัว

 

 

สวีอันหรานพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก คิดถึงสวีรั่วชีจึงกลับบ้านไปก่อน

 

 

คนที่เหลืออีกสามคนต่างก็อยู่เฝ้าพี่รองที่โรงพยาบาล

 

 

เหยียนเค่อนอนคว่ำอยู่บนเตียง บ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “ตอนแรกบอกให้สวีอันหรานอย่าวู่วาม แต่ตอนนี้ เจ้าของเรื่องปกติดี แต่ทำไมมีแค่ฉันที่ต้องมานอนเป็นผักอยู่บนเตียงด้วย!”

 

 

“นายเป็นคนเริ่มก่อนงั้นเหรอ” เซ่าหมิงฟ่านไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินแสดงออกว่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าคุยกับพี่รอง

 

 

ฉินซื่อหลานออกแรงทายาให้เขาอยู่ ไม่ว่างมาตอบปัญหาปัญญาอ่อนของเขา

 

 

“น้องแกสิ เบาหน่อยได้ไหมวะ!” เหยียนเค่อรู้สึกว่าไหล่ขวาปวดจี๊ด ทำให้แขนของเขาอ่อนแรงไปในทันที

 

 

เมื่อพูดถึงน้อง เสิ่นจิ้งเฉินก็นึกถึงซย่าเสี่ยวมั่ว จึงเอ่ยขึ้น “ซย่าเสี่ยวมั่วชอบโซฟาตัวหนึ่งจะให้ฉันซื้อให้ งั้นฉันไม่อยู่ต่อแล้วนะ”

 

 

“หืม?” เหยียนเค่อหันหัวไปมองเขา “ทางที่ดีอย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆ กับยายนั่น”

 

 

เพิ่งทำตาขวางใส่ รอยบวมปูดบนกระดูกสันหลังก็โดนกดเข้าอย่างแรง ร้องโหยหวนขึ้นมาทันที