ตอนที่ 631

Alchemy Emperor of the Divine Dao

คนเหล่านี้ไม่กล้าท้าทายมู่หลงชิงกับจักรพรรดิพิรุณ เพราะทั้งสองคนเป็นถึงจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่หลิงฮันนั้นมีพลังแค่ระดับบุปผาผาลิบาน

ทุกคนในที่นี้ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะแห่งยุค ใครกันจะหวาดกลัวต่อคู่ต่อสู้ระดับเดียวกัน?

หลิงฮันยิ้มและพูด “พวกเจ้าต้องการสู้กับข้าจริงๆรึ?”

“แน่นอน!” ผู้คนเหล่านั้นตะโกนลั่น “ถ้าเจ้าพ่ายแพ้ก็จงยอมมอบขวดใบนั้นมาซะ”

“ไม่ขัดข้อง!” หลิงฮันตกลง “แต่พวกเจ้าให้ข้าเป็นคนลงพนันอยู่ฝ่ายเดียว ข้าจะได้อะไรหากข้าชนะ? ถ้าพวกเจ้าต้องการจะพนันกับข้าก็ต้องเป็นสมบัติที่ไม่ต่ำกว่าระดับหก”

“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสชนะ!” ผู้คนเหล่านั้นหยิบสมบัติออกมาและนำไปวางบนโต๊ะ

สมบัติที่ถูกนำออกมาวางไว้มีทั้งโอสถ แร่เหล็ก และโบราณวัตถุบางอย่าง

หลิงฮันยิ้มและพูด “เสวียนเอ๋อ ฝากเจ้าตรวจมอบมันด้วย”

“ได้เลย!” จูเสวียนเอ๋อหยักหน้าอย่างอ่อนโยน

เหล่ารุ่นเยาว์เลือดร้อนค่อยๆนำสมบัติออกมาวางบนโต๊ะโดยมีจูเสวียนเอ๋อคอยทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้ไม่มีใครแอบเอาสมบัติระดับต่ำมาวาง

“ข้อตกลงอย่างแรกก็คือ หากพวกเจ้าลงพนันแล้วพวกเจ้าไม่มีสิทธิได้รับสมบัติคืน พวกเจ้ามีทางเลือกเดียวคือต้องสู้กับข้า ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับแพ้ไปโดยปริยาย” หลิงฮันกล่าว เขาต้องการให้ทุกคนนำสมบัติออกมาวางให้ครบก่อนที่จะแสดงพลังต่อสู้ออกมาให้ทุกคนประจักษ์

“โอ้ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีวันได้รับสมบัติเหล่านี้ไป!” เหล่ารุ่นเยาว์พูดอย่างมั่นใจ

หลิงฮันมองไปยังสมบัติมากมายบนโต๊ะและยิ้ม “มีใครต้องการท้าสู้ข้าอีกรึเปล่า? หากไม่รีบเดี๋ยวโอกาสที่จะทำให้คุณหนูแห่งตระกูลหวังประทับใจก็หมดไปเสียก่อนหรอก”

ใบหน้าอันงดงามของยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่นิ้วมือทั้งห้าของนางกลับกำลังค่อยๆกำเข้าหากันด้วยความขุ่นเคือง

ไม่มีใครเสนอชื่อลงพนันท้าสู้เพิ่ม ในมุมมองของพวกเขานั้น หลิงฮันจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน ตราบใดที่หลิงฮันแพ้แค่รอบเดียวขวดสมบัติก็จะต้องถูกยึดมาอยู่แล้ว แล้วทำไมพวกเขาจะต้องลงพนันท้าสู้เพิ่มด้วย?

หลิงฮันอดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้ นี่เขาหลอกเอาสมบัติมาได้แค่นี้เองรึ?

แต่ทันใดนั้นเขาก็พยักหน้าและพูด “เพื่อไม่ให้เสียเวลา พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลย”

พรวด!

หมอนี่บ้ารึเปล่า? มีรุ่นเยาว์มากมายขนาดไหนกันที่ท้าพนันหลิงฮัน? อย่างน้อยห้าสิบคน! แถมทั้งห้าสิบคนนี้ฝีมือก็ไม่ใช่หมูหมา พวกเขาล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่บรรลุระดับบุปผาผลิบานและมีพลังต่อสู้สี่ถึงหกดาวกันทั้งนั้น

ด้วยจำนวนของอัจฉริยะขนาดนี้ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานผู้ใดบ้างจะกล้าสู้ด้วยรวดเดียว?

แน่นอนว่าเหล่าอัจฉริยะล้วนแต่มีความภาคภูมิใจเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดจะบุกเข้ามาสู้

หลิงฮันยิ้มและพูด “ในเมื่อไม่มีใครกล้าสู้ งั้นก็ถือว่าเป็นชัยชนะของข้า! เสวียนเอ๋อนำสมบัติเหล่านั้นกลับมาและไปกันได้แล้ว!”

“เจ้าไม่อาจไปจากที่นี่ได้!” เมื่อเห็นหลิงฮันกำลังจะจากไป เหล่ารุ่นเยาว์ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ใครไม่กล้าสู้กับเจ้ากัน? พวกข้าแค่ไม่ต้องการร่วมมือกันเพื่อสู้กับเจ้าแค่นั้นเอง เพราะถึงแม้จะชนะไปพวกข้าก็ไม่ได้หน้า และก็ไม่มีใครได้ชื่อเสียงจากการท้าพนันครั้งนี้

หลิงฮันที่กำลังจะล้าถอยได้ถูกเหล่ารุ่นเยาว์พุ่งเข้ามาโอบล้อมรอบทิศทาง

“สามกระบวนท่าในการจัดการพวกเจ้า” หลิงฮันยิ้ม

“เพ้อฝัน!” เหล่ารุ่นเยาว์กลายเป็นเกรี้ยวกราด ดวงตาของพวกเขาขึงตึงและรู้สึกว่าหลิงฮันช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก

“ภายในสามกระบวนท่า พวกเราจะจัดการเจ้าให้ราบคาบเช่นกัน”

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว กับคนบ้าเช่นนั้นพูดไปก็เสียเวลา รีบๆลงมือกันได้แล้ว”

“ตกลง!”

รุ่นเยาว์ประมาณยี่สิบคนลงมือโจมตีพร้อมกัน เจตจำนงและปราณก่อเกิดมากมายจากอาวุธวิญญาณกระหน่ำจู่โจมมายังหลิงฮันก่อเกิดคลื่นทำลายล้างที่ทรงพลัง

หลิงฮันยิ้ม เขาควบแน่นปราณก่อเกิดจำนวนเล็กน้อยจนเกิดเป็นประกายสายฟ้าล้อมรอบร่างกายและปล่อยหมัดออกไปลวกๆ

‘ตูม!’

ปราณก่อเกิดจากอาวุธทั้งหลายสลายหายไปพร้อมๆกัน แต่เส้นแสงสายฟ้าของเขายังคงสภาพไว้ไม่เปลี่ยนแปลงและแตกแขนงออกเป็นห่าสายฟ้าพุ่งเข้าใส่รุ่นเยาว์เหล่านั้น เมื่อถูกห่าสายฟ้าเข้าปะทะจอมยุทธมากมายก็ค่อยๆร่วงหล่นลงมาราวกับใบไม้ที่ร่วงจากต้นสู่พื้น

รุ่นเยาว์มากกว่ายี่สิบคนพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว

“ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า” หลิงฮันกล่าวเบาๆให้กับรุ่นเยาว์ที่เหลืออยู่อีกยี่สิบกว่าคน “พวกเจ้าควรจะเข้ามาพร้อมกันเลย ไม่เช่นนั้นหากพวกเจ้าแยกกันอยู่ อีกสองกระบวนท่าของข้าอาจจะโจมตีไม่โดนพวกเจ้าทั้งหมด”

บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความนิ่งเงียบทันที

รุ่นเยาว์ผู้นี้ทรงพลังเกินไป!

ถึงแม้ทั้งยี่สิบกว่าคนที่พ่ายแพ้จะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมสำนักสวรรค์โดยตรง แต่พวกเขาก็มีคุณสมบัติพอที่จะถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ เพราะงั้นใครบางจะไม่แข็งแกร่ง? แต่ถึงอย่างนั้นทั้งยี่สิบกว่าคนกลับถูกหลิงฮันจัดการในหนึ่งกระบวนท่า นี่หลิงฮันมีพลังต่อสู้ขนาดไหนกันแน่?

ด้วยพลังต่อสู้เช่นนี้ เขาสมควรเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่มีคุณวมบัติเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์โดยตรง!

รุ่นเยาว์อีกยี่สิบกว่าคนที่เหลือมองหน้ากันอย่างหวาดกลัวที่จะบุกโจมตีหลิงฮัน

พลังต่อสู้ของพวกเขานั้นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับทั้งยี่สิบกว่าคนที่ลงไปนอนอยู่บนพื้นเท่าไหร่

ถึงว่าทำไมหลิงฮันถึงบอกให้พวกเขาวางพนันสมบัติเอาไว้เป็นอันดับแรก ไม่งั้นหลังจากเห็นพลังต่อสู้ของหลิงฮันแล้ว ใครกันจะต้องการท้าพนันต่อ? พลังต่อสู้เช่นนี้นั้นมีเพียงสุดยอดอัจฉริยะที่ได้เข้าร่วมกับสำนักสวรรค์โดยตรงเท่านั้นถึงจะมาต่อกรด้วยได้

จูเสวียนเอ๋อยิ้มและเก็บรวบรวมสมบัติบนโต๊ะ

“หากไม่นับการปล้นชิงแล้ว การพนันนี่แหละที่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุด!” หลิงฮันพึมพำคนเดียว จากนั้นก็เผยรอยยิ้มและพูด “ใครต้องการท้าพนันอีก?”

ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูดในขณะที่มองไปยังสุดยอดอัจฉริยะตรงหน้า

แววตาที่งดงามของของหวังอีหยุนส่องประกาย “ด้วยความสามารถของพี่ชายหลิง ท่านควรจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์โดยตรงไม่ใช่รึ?”

หลิงฮันยิ้มและพูด “ไม่เห็นแปลก ขนาดพี่ชายมู่หลงชิงยังไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโดยตรงเลยไม่ใช่รึไง?”

มู่หลงชิงชี้นิ้วมาที่ตนเองและพูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมเจ้าถึงเอาข้าไปรวมด้วย?”

“ข้าก็แค่เปรียบเทียบเฉยๆ” หลิงฮันยิ้มและหันกลับไปพูดกับหวังอีหยุน “แม่นางหวัง ทีนี้พวกข้าขอตัวกลับได้รึยัง?”

“พี่ชายหลิง ที่อีหยุนเชิญทุกคนมางานครั้งนี้ก็เพราะมีอะไรบางอยากจะประกาศ พี่ชายหลิงจะช่วยอยู่รออีกสักครู่ได้รึไม่” หวังอีหยุนเอ่ย

“อาหารที่นี่ไม่อร่อยเลย หนิวทนไม่แล้ว!” ฮูหนิวตบโต๊ะอย่างไม่พอใจ

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่จ้องมองไปยังหวังอีหยุน อาหารที่ตระกูลหวังจัดเตรียมล้วนแต่เป็นอาหารชั้นเลิศ แต่เมื่อผ่านเข้าปากของฮูหนิว พวกมันกลับเป็นเพียงอาหารที่น่ารังเกียจ