ตอนที่ 637 ทำตัวให้เงียบและเหมาะสม

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 637 ทำตัวให้เงียบและเหมาะสม
“พวกแกยุ่งอะไรด้วย!”

แม่ฮ่อที่ได้ยินคนใช้พูดแบบน้ำก็หันไปทำหน้าดุใส่ และไม่เชื่อฟังคำพูดของคนใช้

เธอผลักคนใช้ออกแล้วเดินเข้าไปจับแขนของสวีหว่านเอ๋อร์ :”หนูไม่ต้องไปฟังคำพูดของพวกเขานะ เชื่อป้านะ กลับไปกับป้านะ”

“คุณผู้หญิงคะ คุณท่านบอกว่าห้ามคุณพาคนอื่นเข้าบ้านนะคะ”

“เธอไม่ต้องมาเตือนฉันหรอก!”

คุณนายฮ่อตวาดใส่คุณใช้ทั้งสองคน ทำให้คนใช้ทั้งสองก็จนปัญญา ไม่รู้จะทำยังไงเลยส่งข้อความไปหาคุณปู่ฮ่อ

คุณนายฮ่อยังยุ่งกับสวีหว่านเอ๋อร์อยู่ จากนั้นโทรศัพท์ของแม่ฮ่อก็ดังขึ้น

เธอแสดงสีหน้าลังเลและสงสัยอยู่ชั่วครั่ว เพราะหลังจากมาอยู่ต่างประเทศ คุณปู่ฮ่อก็ตัดขาดการติดต่อสื่อสารของเธอกับคนที่อยู่ภายในประเทศ และยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่ให้เธอด้วย

และเบอร์นี้ก็มีเพียงคุณปู่ฮ่อกับฮ่อหยุนเฉิงที่รู้

และมีคนโทรมาตอนนี้ แสดงว่าทั้งสองจะต้องรู้เรื่องอะไรแน่

คุณนายฮ่อเหล่มองไปทางคนใช้ทั้งสองคน จากนั้นเธอก็จำยอมต้องปล่อยมือสวีหว่านเอ๋อร์ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา

“ฮัลโหล”

คุณนายฮ่อกลืนน้ำลายอึก เป็นอย่างที่คาดไว้ พอกดรับสาย ก็ได้ยินคำถามจากคุณปู่ฮ่อดังมาตามสาย

“เธอทำเรื่องอะไรไว้หรอ”

“ฉัน………..”

คุณนายฮ่อพูดอึกอัก จากนั้นคนรับใช้ทั้งสองก็ได้ช่วยเธอตอบ

“เมื่อกี้คุณยายบอกว่าจะไปซื้อหนังสือใหม่ แต่ไม่รู้ว่าพอมาถึงก็ได้เจอคุณสวี และก็ฉุดรั้งเธอไม่ปล่อย”

คนรับใช้ทั้งสองพอพูดจบก็ถูกสายตาคุณนายฮ่อจ้องเขม็ง

“ฉันจะบอกเธอให้นะว่าอย่าทำเรื่องที่เกินไป ถ้าหากฉันรู้เข้า คงจะไม่ปล่อยง่ายๆ เหมือนวันนี้แน่”

คุณปู่ฮ่อพูดเตือน และคุณนายฮ่อก็ไม่กล้าจะพูดขัด

“ฉันเข้าใจแล้ว”

คุณนายฮ่อมองดูวิลล่าของสวีหว่านเอ๋อร์อย่างรู้สึกไม่ยอม

“จำเรื่องที่เธอทำในวันนี้เอาไว้ ถ้าหากเธอยังไม่อยู่นิ่ง ฉันก็จะขังเธอไว้”

“ไม่นะ!”

คุณนายฮ่อพูดปฏิเสธทันที คนตระกูลฮ่อ เลือดเย็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะอยู่อย่างเชื่อฟัง”

คุณนายฮ่อก็ทำได้แค่ตอบรับปาก หลังจากพูดจบก็ได้ยินเสียงตุ๊ดๆ มาตามสาย

ส่วนสวีหว่านเอ๋อร์ที่ถูกคุณนายฮ่อปล่อยมือแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปหลบในวิลล่าของตัวเอง คุณนายมองดูประตูที่ปิดสนิท ก็ส่ายหัวออกมา

ทางฝั่ง ในบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์

กวนจิ่งสิงยืนลังเลอยู่หน้าห้องทำงานของซูฉิง เขาไม่ได้เจอเย่ซีนานแล้ว ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลก็จะถูกคนของซูฉิงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเจอแล้วก็ไล่เขาออกมา

ถ้าอยากจะเจอกับเย่ซี เขาก็จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากซูฉิง

กวนจิ่งสิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกสักพัก มือที่ยกขึ้นค้างอยู่กลางอากาศไม่ขยับออกไปเลย

และพอได้ยินเสียงแอ๊ด ประตูถูกเปิดออกมา

กวนจิ่งสิงก็รู้สึกใจเต้น เห็นซูฉิงเดินออกมาเผชิญหน้ากับกวนจิ่งสิง

“นายมาทำอะไรที่นี่”

เพราะเรื่องของเย่ซี น้ำเสียงของซูฉิงเลยฟังไม่จำทน เธอคิ้วขมวด

“ไม่มีอะไร ก็แค่เดินผ่านก็เท่านั้น……”

กวนจิ่งสิงที่ร้อนตัวกลืนน้ำลายอึก และก็เจอกับซูฉิงที่เหลือบสายตามองบนให้เขา

“งั้นฉันขอตัว”

“เดี๋ยวก่อน!”

และตอนที่ซูฉิงจะเดินออกไปนั้น กวนจิ่งสิงก็เรียกเธอไว้

เขายกมือขึ้นเก้าท้ายทอย ทำหน้าลำบากใจ:”ฉันก็แค่อยากจะถามว่าตอนนี้เย่ซีอาการเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดี”

ซูฉิงพูดเสียงเรียบ ดูท่าทางของกวนจิ่งสิงแล้วก็ก็รู้ความคิดของกวนจิ่งสิงแล้ว

“งั้นฉัน……….”

“อยากเจอเธอหรอ”

ซูฉิงที่เห็นกวนจิ่งสิงลังเลไม่พูด ก็เลยพูดแทงใจดำ

ทำให้กวนจิ่งสิงยิ่งรู้สึกอาย เป็นลูกผู้ชายไม่กล้าที่จะพูดต่อ

“ไม่ได้”

ซูฉิงพูดปฏิเสธ ไม่สนว่ากวนจิ่งสิงจะมีท่าทียังไง

“ทำไมละ”หวนจิ่งสิงได้ยินซูฉิงที่พูดเด็ดขาดก็รู้สึกไม่พอใจ แล้วถาม:”เย่ซีไม่ได้มาที่บริษัทนานแล้ว ฉันที่เป็นผู้จัดการก็เป็นห่วงพนักงาน ไม่ได้เลยหรอ”

“ไม่ได้”

ซูฉิงตอบปฏิเสธอย่างเย็นใจ

“นายเห็นเย่ซีเป็นแค่พนักงานทั่วไปหรอ”

ซูฉิงย้อนถาม มองด้วยสายตาไม่แยแส:”เมื่อก่อนตอนที่เสี่ยวหนิงเข้าโรงพยาบาล ฉันไม่เห็นนายอยากจะไปหาเธออย่างนี้เลย ตอนนี้กลับมาเป็นห่วงเย่ซี”

กวนจิ่วสิงที่ได้ยินซูฉิงยืนกรานปฏิเสธก็เงียบลง

เขารู้ว่า เมื่อก่อนเพราะผลประโยชน์จนทำให้เขาฝืนใจที่จะทิ้งเย่ซี แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาก็พบว่าตนมีความรู้สึกยังไงกับเย่ซีกันแน่

กวนจิ่งสิงปิดเปลือกตาลง นวดขมับ:”เรื่องที่เธอฉันพูดเข้าใจแล้ว ฉันก็แค่อยากจะเจอเธอสักครั้ง”

“นายก็รู้ดีนี่ว่าข้างนอกมีนักข่าวเยอะแค่ไหน”

กวนจิ่งสิงที่เห็นซูฉิงตวาดอย่างแรงก็พูดไม่ออก

“บริษัทพึ่งจะฟื้นหลับมาได้ มีคนตั้งมากมายรอดูเรื่องตลกอยู่ นายอย่าพึ่งกระโดดออกมาแล้วมาพูดกับฉันว่าไม่มีอะไร”

ซูฉิงพูดอย่างพูดด้วยคนที่มีอำนาจเหนือกว่า ทำให้กวนจิ่งสิงวางมือไม่ถูก

“ฉัน ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ”

กวนจิ่งสิงพูดตะกุกตะกัก บรรยากาศที่ถูกกดดันจากถูกซูฉิง

“ถ้านายอยากจะหวังดีกับเธอ ก็อยู่ห่างกับเธอไว้ และก็ไม่เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ที่เข้ามายุ่งกับเธอไม่หยุด”

แววตาเย็นชาของซูฉิงมองดูความรู้สึกช้าของผู้ชายตรงหน้าอย่างดูแคลน

“เรื่องก่อนหน้านี้นายอย่าลืมนะ อย่าคิดว่าฉันไม่เข้าไปยุ่งแล้วจะไม่จัดการนาย”

กวนจิ่งสิงกู้ชื่อเสียงของเย่ซีกลับมา ก็ถือเป็นหน้าที่ตำแหน่งผู้บริหารของเขาก็ถูกแล้ว แต่ซูฉิงก็ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่

“ฉันไม่ลืมหรอก ฉันก็แค่อยากจะชดเชยความผิดของฉันก็เท่านั้น”

ซูฉิงที่ได้ฟังคำอธิบายจองกวนจิ่งสิงก็ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ

“อย่ามาพูดกับฉันเรื่องทำเป็นพูดดีกับฉันเลย นายไม่ไปหาเย่ซี ไม่ทำให้เธอต้องไปสู้อยู่คนเดียว ก็ถือว่าทำคุณกับบริษัทและกับเย่ซีแล้ว”

แววตาที่เย็นเยือกของซูฉิงทำให้กวนจิ่วสิงไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

“นายไปทำความเข้าใจกับตัวเองเถอะ ว่าเรื่องที่นายทำก่อนหน้านี้นายก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจมั้ย อย่าว่าแต่เย่ซีเลย ฉันก็ไม่ยอมให้อภัยนายแน่”

กวนจิ่งสิงก้มหน้า สำหรับคำพูดตำหนิของซูฉิงแล้วเขาไม่กล้าโต้แย้งเลย

“ฉันเข้าใน……”

น้ำเสียงของกวนจิ่นสิงที่ค่อยๆ เบาลง แต่ก็ยังทำให้ซูฉิงโมโห

“อย่าทำร้ายเย่ซีเป็นครั้งที่สองอีก ถ้าหล่อนล้ม บริษัทเองก็ล้มเหมือนกัน”

“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันก็เคยคิดบ้าง”

กวนจิ่งสิงที่มีท่าทีเจ็บปวด หน้าเคร่งเครียด:”ฉันก็แค่คิดถึง ไม่อยากจะทิ้งความรู้สึกช่วงเวลานั้น”

น้ำเสียงของเขาที่พูดติดขัด:”หลายวันมานี้ ในหัวของฉันมีแต่ภาพของเย่ซี เธอที่อ่อนโยน หุ่นผอมและตัวเล็ก…….”

ซูฉิงจ้องตากลับมา สิ่งที่เธอไม่อยากเห็นมากที่สุดก็คือผู้ชายที่ไม่รู้จักรักษา ความรู้สึกที่ช้าเห็นผลประโยชน์มาก่อนความรู้สึก

“ฉันเสียใจมากจริงๆ ฉันไม่ควรปล่อยเธอไป ไม่ควรให้เธอต้องมาเผชิญกับทุกอย่างคนเดียว”

กวนจิ่งสิงที่ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจจนทำให้ซูฉิงหมดความอดทน

คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่ด่าว่ากวนจิ่งสิ่งเมื่อกี้จะไร้ประโยชน์ ถึงแม้กวนจิ่งสิงจะเป็นถึงผู้อำนวยการ แต่นิสัยยังไร้เดียงสามากนัก

“ถ้านายรักเธอจริง ก็อย่าทำร้ายเธออีก”