หัสดินกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา เงยหน้าขึ้น“ พวกนายคืนดีกันแล้วเหรอ ?”
ขี้เกียจจะสนใจพวกเขา ออกัสให้คนใช้ช่วยเก็บกระเป๋า ครั้งนี้ เขาจำเป็นต้องตามไปอเมริกาด้วย
รู้สึกเบื่อหน่าย สายตาของดนัยมองไปยังหัสดิน ไอเพื่อนคนนี้กำลังเล่นอะไรอยู่ ตั้งแต่ที่เข้ามาในบ้านพัก ก็เอาแต่สนใจมือถือ ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว เขายังไม่ยอมหยุดเลย
ลุกขึ้น เขาเอนตัวเข้าหา สายตามองดูการกระทำของเขา หัสดินเร็วกว่า เพียงพริบตาก็ลบสิ่งที่ดูอยู่นั้นออกทันที
ในจังหวะที่ดนัยมองไป เขาก็กำลังเล่น WeChatอยู่
“นี่นายเริ่มเล่นWeChatตั้งแต่เมื่อไร โหลดแอปWeChatด้วย ดูไม่เหมือนคุณชายหัสดินเอาซะเลย”
ดวงตาคมของหัสดินก็ช้อนมองขึ้น ยักไหล่ให้“เพิ่งรู้ตอนนี้ ว่าการเล่นWeChatมันก็สนุกเหมือนกัน ไม่เลวดี”
“แต่นี่นายเปลี่ยนโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”ดนัยคว้ามันมาจากมือของเขา กดเล่นมันตามแต่ใจ“เมื่อก่อนหน้าจอล็อกของนายไม่ใช่รูปของยู่ยี่เหรอ ? ตอนนี้ทำไมถึงเป็นรูปวิวธรรมชาติไปได้ ? ฉันจำได้ว่านายมันเป็นพวกเสือหิวมาตลอด ตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนความชอบไปได้ ? พูดไปพูดมา วิวนี้ทำไมถึงได้ดูคุ้นจัง ? เมืองจัสมิน?”
ตรอกเก่า บ้านโบราณ และลำน้ำ ต้นไม้เขียวขจี กลิ่นอายโบราณ
ตะวันตกดิน ก่อเกิดเป็นเงา เลือนราง และยังมีอีกเงา เงานั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ดูไม่ออกว่ามันคือรูปอะไร
คว้าโทรศัพท์คืนอย่างไม่สบอารมณ์ หัสดินพูดอย่างเย็นชา“ ขอแค่เป็นบ้านเก่าสไตล์โบราณ ในสายตาของนายก็คือเมืองจัสมินหมดเลยหรือไง นี่มันเมืองเยลโล่ชัดๆ”
“เมืองเยลโล่?มณฑลไหนเมืองไหน ? ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน?”ดนัยไม่เคยรู้มาก่อน ว่าหัสดินก็มีความสนใจในสถานที่แบบนี้ และไปศึกษาค้นคว้า
“มณฑลเซนาเมืองเยลโล่……”พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย หัสดินยังคงไถเล่นมือถือต่อ เมื่อได้ยินเสียงสั่น เขาก็ลุกขึ้น นั่งลงที่ข้างๆ และกดเล่นมันต่อ
“ฉันง่วงมาก ขอฉันนอนพักที่นี่หน่อย จะไปแล้วอย่าลืมเรียกฉันด้วย คืนนี้กลับไปคงน่าจะไม่ได้นอน……”
ดนัยเพิ่งจะล้มตัวลงนอน ออกัสก็เดินเข้ามา ขายาวๆของเขาก็เตะไปที่ชายหนุ่มอย่างไม่รีบร้อน“กลับไปนอนที่บ้านตัวเองเลย นายด้วย ไปเล่นโทรศัพท์ที่บ้านตัวเองเลยไป ”
จำต้องลุกขึ้น ดนัยส่ายหัว จิบไวน์ไปอึกหนึ่ง “ไม่รู้ว่ากลับไปแล้ว ศึกสงครามที่ไร้ควันจะหยุดไปแล้วหรือยัง ”
“นาโนเธอไม่ได้มีปากมีเสียงกับแม่นายไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ เธอไม่ทะเลาะกับแม่ฉันหรอก โดยทั่วไปแล้ว หลังจากที่เธอรองรับอารมณ์จากแม่ฉัน เธอก็จะมาระบายลงกับฉันทั้งหมด ตอนนี้ฉันเป็นเหมือนกระสอบทราย จิ๊ๆชีวิตทำไมมันช่างยากอย่างนี้……”
ออกัสไม่อยากได้ยินชีวิตครอบครัวของเขา เชิญทั้งสองคนออกจากบ้านพักไปทันที
“ไปดื่มกันต่ออีกแก้วไหม?”ดนัยเดินชนไหล่ของหัสดิน เงยหน้าขึ้น ดวงตาเรียวของหัสดินหลุบลงอย่างเกียจคร้าน“นายกลับไปเป็นกระสอบทรายให้เมียนายเถอะ ฉันยังมีที่ให้ต้องไปต่อ ”
ดนัยพูดติดตลก“ซุกกิ๊กเอาไว้ที่ไหนหรือเปล่า?”
ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่สีหน้าของหัสดินก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เพียงไม่กี่วินาที ก็กลับเป็นปรกติ และดนัยก็ไม่ได้สนใจมันอีก
“ซุกบ้าซุกบออะไรล่ะ รีบกลับไปได้แล้ว ฉันไปล่ะ……”
……
สองวันต่อมา
ไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวกับองค์ชายได้ แต่เป็นเที่ยวบินในตอนเที่ยง มือข้างหนึ่งของเธอจูงมือซาราง และอีกข้างก็ลากกระเป๋าเดินทาง
กนกอรกับจักรกฤษก็ยืนยันจะมาส่งที่สนามบินให้ได้ และต่างพากันเป็นกังวลกลัวว่าซารางไปอเมริกาแล้วจะปรับตัวไม่ได้
เชอร์รีนรู้สึกจนปัญญาและรู้สึกปวดหัว ตอนนี้ยังไม่ถึงอเมริกาเลย พวกเขาก็พากันเป็นกังวลจนแทบบ้า
“ไม่ว่ายังไง หากซารางรู้สึกไม่สบาย แกต้องส่งซารางกลับมาก่อนนะ จากนั้นค่อยกลับไปใหม่ ได้ยินไหม?”กนกอรพูดกำชับอย่างเป็นกังวล “อย่าห่วงแต่จะประหยัดค่าตั๋วเครื่องบิน จนให้หลานสาวของฉันต้องทรมาน”
“ทราบแล้วค่ะทราบแล้ว หนูรู้แล้ว!”เชอร์รีนรับคำทันที ฟังคำพูดนี้มาตลอดทาง ฟังจนเธอหูชาไปหมดแล้ว
อุ้มซารางอยู่กันสักพัก รอจนได้เวลาขึ้นเครื่อง ทั้งสองก็จึงจากไปในที่สุด
เสียงตามสายเรียกให้เช็กอินได้ เชอร์รีนหันหลัง กำลังจะจูงซารางเดินไป จู่ๆก็ถูกดึงอย่างแรง จากนั้นก็ถูกดันไปชิดกับเสา ไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากก็ประกบลงมา
ดวงตากลมของซารางกะพริบปริบๆ ยืนกัดนิ้ว แล้วปิดตาอย่างเขินอาย
ราวกับจูบไปเท่าไรก็ไม่พอ ออกัสกดร่างเธอแน่นชิดไปกับเสา ลิ้มรสที่หอมหวานของเธออย่างเอาแต่ใจ
อบๆนั้นมีผู้โดยสารเดินไปมาอยู่เต็มไปหมด ที่สังเกตเห็นภาพนี้ได้ ต่างก็พากันหันมอง
เชอร์รีนได้สติ ก็ดิ้นแล้วทุบตีไปที่หน้าอกของเขา ใบหน้าเห่อร้อน“ นี่ต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ ซารางก็ยังคง พ่อกับแม่ของฉันก็ยังไปได้ไม่ไกล คุณลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เขาถอยออก แต่ก็ยังไม่ปล่อยเธอ สองมือวางไปยังด้านข้างของเชอร์รีน จ้องมองเธออยู่อย่างนั้น ราวกับจะมองเธอให้พรุน
เมื่อถูกจ้องมองแบบนี้ เชอร์รีนก็หน้าดำหน้าแดง ขมวดคิ้ว คำพูดแกล้งทำเป็นโกรธเล็กน้อย “คุณอย่าจ้องมองกันแบบนี้ได้ไหม ? มองจนฉันต้องหาที่หลบแล้วนะ ”
ดวงตาที่ลึกล้ำราวกับถูกสาดด้วยหมึก ทอแสงเจิดจ้า ยกยิ้ม ร่างที่สูงโปร่งของออกัสโน้มตัวลงเล็กน้อย กัดไปที่ริมฝีปากของเธอทีหนึ่ง
“หน้าบางแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? อีกอย่าง ฟังที่คุณพูดแล้วผมเหมือนเป็นคนรักที่ต้องหลบต้องซ่อนยังไงอย่างนั้นเลยนะ ?”
“คุณลุกขึ้นมาก่อน แล้วคุยกันดีๆ ซารางยังอยู่ตรงนั้น มันไม่ส่งผลดีกับลูกเลยนะ ”เธอดันหน้าอกของเขา
สายตารอบข้างที่จ้องมองมามากขึ้นเรื่อยๆ ออกัสมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ ในที่สุดก็หยัดตัวลุกขึ้น โน้มตัว แล้วอุ้มซารางมาไว้ในอ้อมแขน
“คุณอาหน้าไม่อาย จูบหม่ามี๊”ซารางหัวเราะคิกคัก ดึงไปที่ติ่งหูของเขาอย่างซุกซน
“จากนี้ไป ซารางจะเรียกว่าคุณอาไม่ได้แล้ว ต้องเรียกแด๊ดดี้”ออกัสพูดแก้กับเด็กน้อย
ในใจของซารางก็ไม่ได้นึกรังเกียจเขา มองไปยังหม่ามี๊ของตัวเอง กะพริบตาปริบๆ เชอร์รีนพยักหน้าให้ มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้ม
เมื่อเห็นดังนั้น ซารางก็จึงได้อ้าปาก พูดเสียงใส และนุ่มนวล“แด๊ดดี้”
หัวใจของออกัสถูกเรียกจนอ่อนยวบ คลื่นอารมณ์ก่อตัวสาดซัดมาที่หัวใจของเขาอยู่ซ้ำๆ หอมแก้มของเด็กน้อยอย่างแผ่วเบาไม่หยุด
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าเคียงข้างกัน ดวงตาของเชอร์รีนมองไปยังด้านข้าง มุมปากหยักโค้งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ขึ้นเครื่อง ถึงลอสแอนเจลิสในช่วงเช้าตรู่พอดี
มีคนขับมารออยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ลงจากเครื่อง ก็ขึ้นรถไปทันที มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ที่องค์ชายอยู่
องค์ชายกำลังอาบแดดอยู่ในสวนดอกไม้ เมื่อซารางเห็นเขา เธอกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเขา พิงไปบนตักของเขา แล้วหยิบขนมปังที่อยู่ข้างๆขึ้นมากิน
“อาการที่ขาเป็นยังไงบ้าง ?”หลังจากที่เชอร์รีนเห็นเขามีท่าทีปรกติ ก็จึงได้โล่งใจ บ่งบอกว่าเขายังพอปรับตัวได้กับการใช้ชีวิตที่นี่
“เมื่อวานหมอแวะมาแล้ว แผนการรักษาได้จัดทำขึ้นเรียบร้อยหมดแล้ว คืนนี้ก็จะเข้ารับการผ่าตัด”
สายตาของออกัสกวาดมองไปทั่วคฤหาสน์“ ยังมีอะไรที่ต้องการอีกไหม?”
“ไม่มีครับ ที่ประธานออกัสจัดเตรียมไว้เพียงพอ และครบถ้วนหมดแล้ว ”
หลังจากทานมื้อกลางวันแล้ว ไม่ได้อยู่นาน เดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัด การผ่าตัดใช้เวลาสั้นๆ เพียงชั่วโมงเดียวก็แล้วเสร็จ หมอยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่ต้องถาม ก็รู้ว่าเป็นข่าวดี
และรอบตัวขององค์ชายก็รายล้อมไปด้วยผู้ชำนาญการ ต่อให้เชอร์รีนจะเข้าใกล้ได้ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก และพยาบาลผู้ชำนาญการก็ไม่ยอมให้เธอได้เข้าใกล้
วันรุ่งขึ้น สถานการณ์ขององค์ชายก็ดีขึ้นมาก หลังจากที่ได้รับอนุญาต เชอร์รีนก็จึงได้เข้าไปหา และพูดคุยกับเขาอยู่สักสองสามคำ
หลังจากนั้น ก็ถูกไล่ออกมา และนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเบื่อหน่าย
คิ้วของออกัสเลิกขึ้น มือใหญ่ดึงเธอขึ้นมา ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง“ ไปที่ที่หนึ่งเป็นเพื่อนผมหน่อย ที่ที่น่าสนใจมาก ”
เชอร์รีนยังไม่ทันได้ถามว่าเป็นที่ไหน ก็ถูกดึงให้เดินตามออกไปแล้ว แขนของเขายังอุ้มซารางอยู่
นึกว่าเขาจะพาเธอสองแม่ลูกไปที่ไหน ไม่คิดว่าจะเป็นสนามบาสเกตบอล เธอขมวดคิ้ว และจ้องมองเขา“ นี่เหรอที่ที่น่าสนใจที่คุณบอก?”
“มาสิ นั่งลงก่อน ดูเป็นเพื่อนผมเกมหนึ่ง นี่เป็นเกมสำคัญ และเป็นการแข่งขันที่ผมชอบที่สุด เลเกอร์ส VS NBA ”
เชอร์รีนไม่ค่อยสนใจกีฬาบาสเกตบอลมากนัก นั่งลงข้างๆอย่างง่วงงุน ในขณะที่สายตาของออกัสกลับหลุบต่ำ มองไปยังสนามอย่างตั้งอกตั้งใจ
เอียงศีรษะ เธอพิงลงบนไหล่เขาแล้วผล็อยหลับไป ดวงตาของชายหนุ่มก็อ่อนลง มือใหญ่ช้อนศีรษะเธอขึ้นอย่างแผ่วเบา ท่าทีระมัดระวัง เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่
ซารางยังเด็กมาก จึงดูบาสเกตบอลนี้ไม่รู้เรื่อง และไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน สองมือที่ขาวนวลก็นวดคลึงไปที่ใบหน้าของเขา
ออกัสดูการแข่งขัน เธอเหยียบบนตักของเขา และเล่นใบหน้าของแด๊ดดี้ตัวเอง บีบเล่นให้เป็นรูปร่างต่างๆ
เล่นสนุกพอแล้ว เธอก็หยิบขนมที่อยู่ข้างๆ หยิบขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วยัดใส่ปากเล็กๆของตัวเอง จากนั้นก็เอาขนมกรอกใส่ปากของแด๊ดดี้
ปล่อยให้เธอเล่นซน เขาอุ้มเธอ และกินขนมที่เด็กน้อยกรอกใส่ปาก
ข้างๆรายล้อมไปด้วยคนอเมริกัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีความนิยมชมชอบในบาสเกตบอล ผิวปากและตะโกน อยู่เป็นระยะ
เชอร์รีนถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงตะโกน ขยี้ตาที่ง่วงงุน เธอมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าด้านข้างของเขาดูเอาจริงเอาจังมาก ดวงตาจ้องมองไปที่สนามและไม่ละสายตาไปไหน
ที่แท้แล้ว นอกจากเรื่องงาน เขาก็ยังจริงจังได้ขนาดนี้ ช่างมีเสน่ห์ที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ
ซารางยืนอยู่บนตักของเขา และกำลังยุ่งกับการมัดผมถักเปียให้เขา เธอเด็กขนาดนี้ ยังรู้ว่าต้องแบ่งผมออกทีละช่อ จากนั้นก็ค่อยมัดรวมกัน
แต่ว่า เธอไปเอาหนังยางมาจากไหน?
เมื่อมองดูใกล้ๆ เชอร์รีนก็อดขำเบาๆไม่ได้ เธอฉลาดมาก ถักเปียให้แด๊ดดี้ของตัวเองไปพลาง ก็ดึงหนังยางจากศีรษะตัวเองไปพลาง เด็กที่ยังเล็กแบบนี้ กลับยุ่งอย่างมีความสุขได้
“ตื่นแล้วเหรอ ? เสียงดังเกินไปใช่ไหม ? เลยกวนจนตื่น ? ”ออกัสละสายตา มองมาที่เธอ
เห็นชัดว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าถูกลูกสาวกลั่นแกล้งยังไงเชอร์รีนเองก็ไม่คิดจะเตือนเขาเหมือนกัน ทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆเท่านั้น
จากนั้นก็หันหน้าไป ทันทีที่มองไปยังสนาม เชอร์รีนก็เบิกตากว้าง ชี้ไปยังผู้เล่นที่วิ่งไปมาในสนาม“ นั่นเจมส์ไม่ใช่เหรอ?”
คิ้วที่เรียวยาวของออกัสก็เลิกขึ้น มีความประหลาดใจและคาดไม่ถึงเล็กน้อย “คุณรู้จักเหรอ ?