บทที่ 675 : หลิงหยุนออกจากจิง!
หลิงหยุนไม่มีทางปล่อยให้เกาเทียนหลงคุกเข่าทําความเคารพเขาได้สําเร็จอย่างแน่นอน เขา ผลักฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปและปล่อยให้ลมปราณภายในร่างกายออกมากดร่างของเกาเทียนหลงให้ลงไปนั่งที่เตียงดังเดิม
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามขึ้นมาว่า “ใครกันที่ตามไล่ล่าคุณ? แล้วพวกมันมีกันที่คน?”
ตอนนี้เกาเทียนหลงกําลังตกตะลึง.. เพราะฝ่ามือของหลิงหยุนนั้นไม่ได้สัมผัสร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงพลังบางอย่างที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจต้านทานได้ ในใจจึงรู้สึกตกใจอย่างมาก!
เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา เขายังจําได้ว่าเกาเฉินเฉินได้โทรไปเล่าให้ฟังว่า หลิงหยุนเพิ่งจะสามารถก้าวข้ามขีดจํากัดของร่างกายได้เท่านั้นเอง!
“พวกมันมีกันสามคน. นี่ผมก็ขโมยรถมาจากปั้มน้ํามันแถวนั้นเพื่อหนีเอาชีวิตรอด! ตอนนี้พวกมันน่าจะอยู่ในตัวเมืองจิงแล้วล่ะ..”
หลังจากนั้น เหล่ากุ้ยที่ตามหลิงหยุนมาก็เพิ่งจะมาถึงบ้านเลขที่ 1 และทันทีที่ได้เห็นหน้าเกา เทียนหลง เขาก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร!
เหล่ากุ้ยนั้นรู้จักเกาเทียนหลง แต่เกาเทียนหลงไม่รู้จักเหล่ากุย ทายาทรุ่นหลังๆของเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งนั้น แทบไม่มีใครรู้จักเหล่ากุ้ยเลย
หลิงหยุนจึงถามต่อ “คุณพอมีวิธีที่จะล่อพวกมันออกมาได้บ้างมั้ย?”
เกาเทียนหลงตอบกลับทันที “ พวกมันเป็นแวมไพร์ จึงสามารถดมกลิ่นเลือดบนตัวผมได้ไกลถึงสองกิโลเมตร..”
ทันทีที่ได้ยินคําบอกเล่าของเกาเทียนหลง สีหน้าของเหล่ากุยถึงกับเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับร้องถามออกอย่างตกใจ
“อะไรนะ?! แวมไพร์ ผีดูดเลือดงั้นเหรอ?”
เหล่ากุยทั้งตกใจและประหลาดใจ และคิดว่าตนเองอาจจะหูฝาดไป! ตระกูลเกากับผีดูดเลือด.. มันมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรกัน?!
“ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย! คุณไม่ต้องอาบน้ําแล้ว”
“เหล่ากุย.. พวกเรารีบออกเดินทางไปปักกิ่งคืนนี้เลย!”
ในเมื่อหลิงหยุนเองก็ได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว จะออกเดินทางคืนนี้หรือพรุ่งนี้เช้าก็คงไม่มีอะไรแตกต่างกัน! อีกทั้งตอนนี้ตระกูลเกาก็กําลังเกิดเรื่อง เกาเฉินเฉินเองก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร? มีหรือที่หลิงหยุนจะอดทนรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยออกเดินทางได้!
หลิงหยุนหันไปสั่งตี้เสี่ยว “เสี่ยว ตามร่างกายของนายมีคราบเลือดของเกาเทียนหลงติดอยู่นายรีบถอดเสื้อผ้าออกมาให้ฉันเร็วเข้า! แล้วก็รีบไปอาบน้ําให้สะอาด! รีบไปเร็วเข้า!”
ในเมื่อภายในบ้านมีเพียงแค่ผู้ชายสี่คน เสี่ยวอู๋จึงไม่จําเป็นต้องเขินอาย เขาจัดการถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคนส่งให้หลิงหยุน แล้วรีบวิ่งไปยังห้องน้ําทันที
หลิงหยุนรีบคว้าเสื้อผ้าของตี้เสี่ยวอู๋และเกาเทียนหลงเข้าไปไว้เก็บในแหวนพื้นที่
“ต๊ะ” เกาเทียนหลงร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นเสื้อผ้าทั้งหมดหายไปในพริบตา
“คุณรอผมเดี๋ยวนะ!”
หลิงหยุนไม่มีเวลาที่จะอธิบายอะไรให้เกาเทียนหลงฟังทั้งนั้น เขากระโจนไปทางหลังบ้านและรีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วเปลี่ยนมาสวมชุดดําที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมทองคําแทน
ในเวลานั้น ตี้เสี่ยวอู๋เองก็อาบน้ําเสร็จพอดี หลิงหยุนสั่งให้เขาสวมเสื้อยืดและกางเกงขายาวที่สวมใส่สบาย พร้อมกับกําชับว่า
“คืนนี้นายห้ามอยู่ที่บ้านหลังนี้ กลับไปพักที่บ้านของนายก่อน รอจนกระทั่งคืนนี้ผ่านไปและหากไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น นายก็ค่อยกลับมาฝึกวิชาที่นี่ใหม่”
ระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-8 อย่างเกาเทียนหลงยังถูกพวกมันเล่นงานจนย่ําแย่ แล้วตี้เสี่ยวอู่ที่เพิ่งจะเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียน-6 คงต้องถูกพวกมันฆ่าตายแน่หากตามกลิ่นของเกาเทียนหลงมาถึงที่นี่ได้
“อ่อ.. ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง! รถแลนด์โรเวอร์ของฉันจอดอยู่ที่หน้าบ้านเหล่ากุย พรุ่งนี้นายไปจัดการเอากลับมาด้วย!”
เมื่อกี้เสี่ยวอู๋กําลังจะออกจากบ้านนั้น เขาก็หันมาพูดกับหลิงหยุนพร้อมน้ําตา “พี่หยุน พี่ต้องระวังตัวให้มากนะ! ฉันจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก และจะต้องเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนให้ได้สักวัน!”
หลิงหยุนตบบ่าตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับยิ้มให้เขาเล็กน้อย “เสี่ยว นายเป็นคนที่มีพรสวรรค์! สําหรับนาย.. คงจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ในเวลาไม่ถึงปีแน่! อะไรที่ต้องสอน ฉันก็สอนนายไปหมดแล้ว ตอนนี้หน้าที่ของนายคือตั้งใจฝึกให้ดี แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน!”
“พี่หยุน.. พี่ต้องโทรหาฉันนะ…” เสี่ยวอู๋ไม่ลืมที่จะกําชับหลิงหยุนก่อนไป
หลิงหยุนจัดการส่งเสื้อผ้าชุดเก่าของเขาที่เพิ่งถอดออกเมื่อครูให้เกาเทียนหลงพร้อมกับสั่งว่า
“คุณใส่เสื้อผ้าชุดนี้ของผมแทน…”
เกาเทียนหลงนั้นมีรูปร่างใกล้เคียงกับหลิงหยุน เขาสูงหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร จึงสามารถสวมใส่เสื้อผ้าของหลิงหยุนได้อย่างไม่มีปัญหา
“หลิงหยุน กลางคืนแบบนี้ไม่สามารถฆ่าพวกแวมไพร์ได้! นี่คุณจะไปจัดการกับพวกมันคืนนี้จริงๆเหรอ?”
เกาเทียนหลงคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะร้อนใจยิ่งกว่าตนเองเช่นนี้ เขาจึงต้องรีบเตือนหลิงหยุนก่อนเพราะไม่มั่นใจว่าหลิงหยุนจะรู้จักจุดอ่อนและจุดแข็งของพวกแวมไพร์ดีมากแค่ไหน?
หลิงหยุนกลับตอบอย่างไม่มีอาการตื่นตระหนกตกใจแม้แต่น้อย “กลางคืนฆ่าไม่ตาย. แล้วกลางวันล่ะ?”
เกาเทียนหลงตอบกลับไปว่า “พวกมันไม่กล้าออกมาในตอนกลางวัน.. พวกมันกลัวแส งอาทิตย์!แวมไพร์เป็นพวกที่มีสายเลือดของมนุษย์และสัตว์ผสมกัน พละกําลังของมันนั้นมหาศาลไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือป้องกันตัว! ส่วนเรื่องความเร็วนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง…”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “ถ้างั้นก็ดี.. พวกเรารีบออกเดินทางตอนนี้เลย ขืนรอให้เช้าพวกมันจะไม่ออกมาตามไล่ล่าเรา….”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็เดินนําเหล่ากุยกับเกาเทียนหลงออกไปทันที!
หลิงหยุนให้เกาเทียนหลงขับรถเก่าๆที่ขโมยมา ส่วนตัวเขาก็ขับรถออดี้สีดําออกไปพร้อมเหล่าปุย และรถสองคันก็มุ่งหน้าออกจากบ้านเลขที่-1 ทันที
คุณค่อยๆขับนําออกนอกเมืองจิงไปช้าๆ ไม่ต้องขับเร็วนัก!- หลิงหยุนใช้วิธีส่งกระแสจิตบอกเกาเทียนหลงที่ขับรถอยู่ด้านหน้า
หลิงหยุนไม่มีทางลืมหญ้าทั้งสามชนิดในสวนหลังบ้าน เขาโทรสั่งไปเซียนเอ๋อให้รีบกลับมาเฝ้าหญ้าทั้งสามต้นที่บ้านในคืนนี้
หลังจากจัดการธุระทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็หันมาจดจ่ออยู่กับการขับรถตามเกาเทียนหลงไปและเวลานี้รถทั้งสองคันก็กําลังมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทางทิศเหนือ
ตลอดเวลาที่ขับรถไปนั้น หลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองสํารวจหาสิ่งผิดปกติในรัศมีแปดสิบเมตร และเริ่มเร่งความเร็วไปตีคู่กับรถของเกาเทียนหลง
“รถนี่เก่าจนจะพังไม่พังแหล่อยู่แล้ว”
หลิงหยุนเห็นเกาเทียนหลงมีอาการหวาดระแวงและเคร่งเครียดอย่างมาก เขาจึงขับไปใกล้ๆแล้วหาเรื่องพูดจาหยอกเย้าให้เขาคลายความหวาดวิตกลง
“ถ้าไม่ได้รถคันนี้ผมคงต้องตายไปแล้ว! ตอนที่กําลังวิ่งหนีแวมไพร์พวกนั้น ผมเองก็เกือบจะ เอาชีวิตไม่รอดแล้ว โชคดีที่ตรงสามแยกมีปั้มน้ํามันอยู่พอดี และที่นั่นก็ติดกล้องวงจรปิดไว้ด้วย พวกแวมไพร์มันไม่กล้าให้กล้องวงจรปิดจับภาพพวกมันไว้ได้ ผมก็เลยหนีรอดมาได้!”
“แล้วรถของคุณล่ะ?”
“ขับๆมาแล้วน้ํามันหมด ผมก็เลยต้องจอดทิ้งไว้ที่ถนนข้างหน้านี้ อีกสิบกิโลเมตรก็ถึงแล้ว”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก และได้แต่คิดในใจว่าเกาเทียนหลงนั้นนับว่าแข็งแกร่งไม่เบาเลยที่เดียว จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาถังเฟิง
“ถังเมิ่ง ฉันมีสองเรื่องให้นายไปจัดการ! เรื่องแรก – ตอนนี้มีรถสีดําจอดอยู่บนถนนไฮเวย์ห่างจากตัวเมืองจิงไปราวสิบกิโลเมตร นายหาคนมาเอากลับไปด้วย อย่าลืมล้างรถก่อนขับกลับบ้านด้วยล่ะ!”
“เรื่องที่สอง – เกิดการขโมยรถขึ้นที่ปั้มน้ํามันแถวสามแยกตรงถนนไฮเวย์ นายไปบอกลุงถังด้วยว่าไม่มีอะไรร้ายแรง และหัวขโมยกําลังจะเอารถกลับไปคืนเดี๋ยวนี้แล้ว…”
เกาเทียนหลงได้ฟังบทสนทนาของหลิงหยุนแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า หลิงหยุนช่างเป็นคนที่มีอํานาจอิทธิพลในเมืองจิงฉุมากจริงๆ! เพียงแค่โทรศัพท์กรั้งเดียวก็สามารถจัดการแก้ปัญหาต่างๆได้ในทันที!
แล้วรถทั้งสองคันก็ขับมาใกล้ถึงบั้มน้ํามันตรงสามแยกไฮเวย์แล้ว
ตอนนี้ที่ปั้มน้ํามันมีรถตํารวจจอดอยู่หลายคัน และกําลังสอบปากคําเจ้าของบั้ม และเด็กปั้มอยู่พอดี
หลิงหยุนจึงพูดกับเกาเทียนหลงยิ้มๆ “ผมว่าคุณไม่ต้องเอารถกลับไปคืนแล้วล่ะ! จอดไว้ใกล้ๆปั้มก็แล้วกัน แล้วก็รีบวิ่งมาขึ้นรถของผมแทน”
เกาเทียนหลงจ้องมองใบหน้าที่สงบนิ่งของหลิงหยุน หลิงหยุนไม่เคยแสดงความกังวลหรือกระวนกระวายอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเรื่องอะไร? และท่าทางที่สงบนิ่งของหลิงหยุนนั้นก็ช่วยให้ทหารอย่างเขารู้สึกมั่นคงตามไปด้วย
“ได้” เกาเทียนหลงเริ่มรู้สึกว่ามีความั่นใจกลับคืนมาบ้างเล็กน้อย
หลังจากนั้น.. เกาเทียนหลงก็รีบเหยียบคันเร่งตรงเข้าไปใกล้ปั้มน้ํามันที่ตอนนี้มีรถตํารวจจอดอยู่หลายคัน แล้วรีบร้องตะโกนไปว่า
“ผมเอารถมาคืนแล้วครับ!”
พูดจบ. เกาเทียนหลงก็รีบยกเท้ากระทืบเบรกดังเอี้ยด! เมื่อทุกคนในปั้มหันมามอง เขาก็รีบวิ่งลงจากรถไปขึ้นรถออดี้ของหลิงหยุนทันที..
หลิงหยุนหัวเราะร่า.. ก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิด และรถออดี้ก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วในยามค่ําคืน
หลังจากแล่นออกไปได้ราวหนึ่งกิโลเมตร หลิงหยุนเกรงว่าจะไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจของศัตรู เขาจึงชะลอความเร็วลง และเรียกเสื้อผ้าของตี้เสี่ยวอู๋ออกมาจากแหวนพื้นที่โยนให้เกาเทียนหลงที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ถ้าเลือดของคุณยังไม่เพียงพอที่จะล่อพวกมันออกมาได้ คุณก็ถือชุดนี้ไว้ ยังไงก็ต้อ งล่อพวกมันออกมาให้ได้”
เกาเทียนหลงยังคงกังวลใจจึงได้แต่ถามหลิงหยุนอีกครั้ง “จําเป็นต้องล่อแวมไพร์ทั้งสามตัวออกมาจริงๆน่ะเหรอ? พวกมันรับมือได้ยากมากนะ!”
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไม่ต้องกังวลไป! พวกมันไม่มีทางทําอะไรคุณได้แน่!”
เกาเทียนหลงได้แต่คิดในใจว่า หากหลิงหยุนสามารถจัดการกับแวมไพร์เหล่านี้ได้จริงๆ ตระกูลเกาของเขาก็มีทางรอดแล้ว! แต่หากหลิงหยุนไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้ ตระกูลเกาก็คงต้องมีอันต้องสูญสิ้น! ถึงตอนนั้นคงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน!
คิดได้เช่นนั้น เกาเทียนหลงก็หยิบมีดสั้นทหารขึ้นมา จากนั้นจึงกรีดลงไปที่แขนหนึ่งครั้ง!
เลือดสีแดงสดของเกาเทียนหลงค่อยๆหยดลงบนเสื้ออย่างช้าๆ
“พอแล้วล่ะ!”
แม้จะไม่ได้หันหลังไปมอง หลิงหยุนก็เห็นทุกอย่างด้วยจิตหยั่งรู้ของตนเอง
จากนั้น.. หลิงหยุนก็สังเกตุเห็นที่กระจกข้างรถว่ามีรถหรูสีเงินคันหนึ่งกําลังแล่นตามรถของเขามา
“ใช่รถสีเงินคันนี้มั้ย?” หลิงหยุนถามเกาเทียนหลง
เกาเทียนหลงหันไปมอง และทันทีที่เห็นรถคันสีเงินซึ่งเปรียบเหมือนฝันร้ายของเขานั้นเกาเทียนหลงก็รีบพยักและระล้ําระลักตอบไปทันที
“ใช่ๆ คันนี้ล่ะ!”
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็เล่นกับพวกมันหน่อย!”
ยังไม่ทันจะพูดจบ.. เท้าของหลิงหยุนก็กดคันเร่งจนมิด และรถออดี้ก็ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
สองสามนาทีต่อมา.. หลิงหยุนก็เห็นรถสีดําของเกาเทียนหลงจอดอยู่ข้างถนน เขาขับผ่านไปโดยไม่สนใจ
รถสีเงินก็ขับตามมาด้วยความเร็วที่ไม่ลดละเช่นกัน..
“ตามมาเลย ดื่มาก!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย และค่อยๆชะลอความเร็วลงเล็กน้อย ด้านหน้าเป็นภูเขาและป่าเขียวเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสําหรับการสังหารใครสักคน!
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสํารวจดูภายในรถสีเงินคันนั้น และพบว่าภายในรถมีคนอยู่ทั้งหมดสามคน
“เป็นชาวต่างชาติ!” หลิงหยุนอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
เมื่อครั้งที่ได้ยินเกาเทียนหลงพูดถึงแวมไพร์นั้น หลิงหยุนยังคิดว่าน่าจะเป็นปีศาจ หรืออสูรชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นชาวต่างชาติ
แต่ไม่ใช่ปีศาจหรืออสูรก็ดีแล้ว!
รถของหลิงหยุนค่อยๆชะลอจอด และรถสีเงินก็ชะลอตามเช่นกัน..
หลิงหยุนทําเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะเรียกยันต์บําบัดออกมาปิดไว้ที่แผลบนแขนของเกาเทียนหลง และทันทีที่ร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ แผลที่แขนของเกาเทียนหลงก็หายไปทันที
“ลงจากรถเร็วเข้า แล้วรีบวิ่งไปทางภูเขานั้น!
หลิงหยุนตะโกนบอกพร้อมกับกระโจนออกไปจากรถ และวิ่งตรงเข้าไปที่ปาลึกข้างถนนทันที!