**CLS ตอนที่ 402:**อย่ามายั่วยุข้า
ไม่คิดว่าจะเป็นสวี่เจี้ยนที่มา แถมผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณด้านข้างยังเป็นพี่ชายของคนที่อี้เทียนหยุนหักขาไปเมื่อก่อนหน้า! ตีตัวเล็กไป ตัวใหญ่มา
พวกเขายังไม่ได้ออกตามหาตัวการที่ทำร้ายพวกเขา ก็กลับมาพบตัวการที่นี่แทน
“หักขา? พวกมันต้องการกระทืบข้า แล้วคิดว่าข้าจะยืนนิ่งให้พวกเจ้ากระทืบอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หากคิดจะลงมือ ก็ต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วย”
ลูกถีบเมื่อคราวนั้น สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว หากถูกถีบจนต้องกลิ้งลงจากภูเขา ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญนัก แต่หากว่าต้องกลิ้งลงจากถ้ำมังกรขดแห่งนี้ จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ เพื่อไม่ให้อันตรายถึงชีวิต อี้เทียนหยุนจึงได้ลงโทษโดยการยั้งเท้าเอาไว้ จัดการหักขาของพวกเขาเพื่อเป็นการสั่งสอนก็เท่านั้น เพราะตราบเท่าที่มียาประสานกระดูก พวกเขาก็จะถูกรักษาโดยที่ไม่ต้องกลายเป็นคนพิการไป
“ใช่ ความคิดของเจ้าข้ายอมรับ บางสิ่ง หากทำไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา” เลี่ยวหยุนกวงมองมาที่เขาอย่างเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง หากยังอยากมีชีวิตอยู่ หักขาทั้งสองข้างของเจ้าซะ!”
“จะให้ข้าหักขาทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วถ้าหากว่าข้าไม่ทำล่ะ?” อี้เทียนหยุนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มยียวน
“ไม่ทำอย่างงั้นเหรอ งั้นข้าก็จะเป็นคนหักขาทั้งสองข้างของเจ้าเอง!” เลี่ยวหยุนกวงสีหน้าเย็นชา พร้อมกับระเบิดพลังของระดับผันแปรวิญญาณออกมา ทำให้สิ่งของที่รอบๆ ปลิวตลบ หญ้าที่อยู่รอบๆ โบกสะบัด กรวดหินก้อนเล็กๆ ปลิวกันให้ว่อน
“ขอพี่ใหญ่เลี่ยวโปรดรอสักก่อน” สวี่เจี้ยนหัวเราะเยาะ พร้อมกับถามขึ้นมาว่า “สมบัติที่อยู่ที่นี่ เป็นเจ้าที่เก็บไปใช่ไหม!”
คำถามนี้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความสนใจในทันที พวกเขามาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติ ไม่ใช่แค่เดินเข้ามาธรรมดา แต่พวกเขายังต้องลำบากทำลายค่ายกลที่ผนึกที่แห่งนี้ไว้ ตอนแรกคิดว่าเข้ามาจะเจอสมบัติ แต่ไม่คิดว่าที่นี่กลับว่างเปล่า ไม่ว่าอะไรก็ไม่มี นอกจากคนคนหนึ่ง
“สมบัติ? ที่นี่ไม่มีสมบัติอะไรทั้งนั้น ก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว” อี้เทียนหยุนหรี่ตา แล้วพูดขึ้นว่า “หากว่าไม่มีอะไรแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน เชิญพวกเจ้าตรวจดูตามสบาย”
น้ำเสียงของเขาเพิ่งจบลง เงาของคนทั้งสามก็เข้ามาล้อมเขาไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้อี้เทียนหยุนเดินออกไปจากที่นี่
“คิดจะไป ไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก!” สวี่เจี้ยนพูดอย่างดูถูก “หากคิดจะไป ก็ต้องส่งสมบัติทั้งหมดออกมา ข้าไม่เชื่อว่าที่นี่จะไม่มีสมบัติ ไม่อย่างงั้นทำไมถึงมีค่ายกลผนึกที่แห่งนี้ไว้!”
“มีค่ายกลผนึกด้วย แต่ใครบอกเจ้าว่าที่นี่มีทางออกแค่ทางเดียว? ตอนข้ามาที่นี่ไม่มีอะไรทั้งนั้น จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า” อี้เทียนหยุนบอกความจริงออกไปแค่ครึ่งเดียว ที่นี่นอกจากลูกฟีนิกซ์แล้ว ก็ไม่มีสมบัติอะไรอื่น
หากให้จำกัดความคำว่าสมบัติ แน่นอนว่าลูกฟีนิกซ์ย่อมไม่ใช่สมบัติ เขาไม่ได้พูดผิดสักหน่อย แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกความจริงกับพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่พูดความจริงเหมือนกัน สมบัติในความหมายของพวกเขาก็คือฟีนิกซ์ แต่พวกเขาไม่พูด แต่กลับบอกว่าเป็นสมบัติแทน
“ไม่คิดว่าที่นี่จะมีทางเข้าอื่นด้วย….” พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีบ่อน้ำอยู่ใกล้ๆ อี้เทียนหยุนจะต้องเข้ามาจากทางนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“คำพูดของเจ้าพวกเราไม่เชื่อ ต้องให้พวกเราค้นดูก่อน ข้าว่าเจ้าเชื่อฟังพวกข้าแต่โดยดีเถอะ!” สายตาของสวี่เจี้ยนวาบผ่านด้วยประกายชั่วร้าย “หากอยากจะมีชีวิตอยู่ จงทำตามพวกข้าแต่โดยดี ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่ขาทั้งสองข้าง วันนี้ที่นี่จะเป็นหลุมฝังศพของเจ้า!”
พวกเขาจัดการกับคนคนเดียว โดยเฉพาะสวี่เจี้ยนที่คิดว่าพลังของเลี่ยวหยุนกวงเพียงพอที่จะจัดการกับอี้เทียนหยุนได้ ดังนั้นจึงได้กล้าพูดคำนี้ออกมา พวกเขาไม่กลัวว่าอี้เทียนหยุนจะไม่ทำตาม
อี้เทียนหยุนหรี่ตาจ้องไปที่พวกเขา หากปล่อยให้พวกเขาค้น ของจะต้องถูกพวกเขาเอาไปอย่างแน่นอน แล้วยังจะถูกพูดกลับขาวให้เป็นดำอีก
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้พวกเจ้าค้นอย่างงั้นเหรอ?” นัยน์ตาของอี้เทียนหยุนเริ่มเย็นชาขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าขวางทางข้า ข้าไม่มีอะไรทั้งนั้น หากไม่ฟัง อย่างโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”
“โฮ่ ยังปากดีอีก กล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าพี่ใหญ่เลี่ยวอย่างงั้นเหรอ หาที่ตาย!” สวี่เจี้ยนหัวเราะออกมา พร้อมกับออกคำสั่งกับพี่ใหญ่เลี่ยวอย่างดุร้าย “จับมันให้ข้า ในเมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ฟัง งั้นก็จัดการมันก่อนแล้วค่อยค้น!”
“แน่นอนอยู่แล้ว กับคนกระจอกอย่างมัน ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก จี้หลง เจ้าไปจัดการมัน สอนให้มันรู้ว่าใครที่มันไม่ควรหาเรื่อง”
“ครับ พี่ใหญ่เลี่ยว!” จี้หลงยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกับมองไปยังอี้เทียนหยุน “ให้ข้าดูหน่อยสิว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน ข้าสงสัยนักว่าพลังของเจ้าจะเป็นระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 1 หรือขั้นที่ 2 ?”
จี้หลงมีพลังอยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 2 ซึ่งพลังระดับนี้ถือว่าดีมากแล้ว นับเป็นระดับผู้อาวุโสคนหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าอาจจะเจอไข่ฟีนิกซ์ พวกเขาคงคร้านที่จะสนใจ
ระดับผันแปรวิญญาณไม่ใช่หัวผักกาด ใช่ว่าจะเชิญมาได้ตามใจ
คำพูดเพิ่งจะจบ ฝ่ามือของจี้หลงก็ซัดออกมา กลายเป็นกรงเล็บเสือ ตรงเข้ามาตะปบเข้าใส่อี้เทียนหยุน ภายใต้เท้าที่ถีบพื้นเบาๆ ร่างของเขาก็กระโจนเข้ามา พร้อมกับสายตาที่เย็นชา จับจ้องมายังอี้เทียนหยุนเขม็ง อึดใจต่อมา เขาก็กลายเป็นดั่งเสือร้าย ทะยานลงมาจากอากาศ โถมเข้าใส่อี้เทียนหยุน เล็งเป้าหมายที่ศีรษะของเขา!
“กรงเล็บพยัคฆ์อหังการ!”
พลังระดับผันแปรวิญญาณของเขาถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด ก่อให้เกิดแรงกดดันจนบรรยากาศต้องสั่นสะเทือน กวาดซัดสิ่งของที่อยู่รอบๆ จนปลิวสะบัด ก่อให้เกิดเป็นฝุ่นคลุ้งกระจาย
อี้เทียนหยุนยังคงมีสีหน้าเฉยชา ทำให้คนที่เหลืออีกสองคนที่ล้อมอยู่คิดว่าเขาตกใจกลัว แต่ในพริบตาที่การโจมตีกลายมาถึงศีรษะ นัยน์ตาของเขาก็ระเบิดแสงเย็นชาออกมาถึงขีดสุด พร้อมกับร่างที่กระโดดออกไป ก่อนที่จะหมุนตัวเตะกลับหลัง ส่งฝ่าเท้าเข้าปะทะกับอีกฝ่ายอย่างแรง!
“ไสหัวไปซะ!”
ภายใต้ลูกเตะที่ร้ายกาจ รวมกับความเร็วที่น่าตระหนก จี้หลงไม่ทันได้ตอบสนอง พร้อมกับเสียง “เปรี้ยง” ราวกับลูกหนังที่ถูกเตะ ถูกเท้าของอี้เทียนหยุนถีบกระเด็น ก่อนที่จะชนเข้ากับผนังถ้ำดัง “ตูม” แล้วกระเด้งกลับมา หน้าของเขาแหงนขึ้นพร้อมกับเลือดที่กระอักจากปาก สุดท้ายก็นอนกองกับพื้น ร่างของเขากระตุกเบาๆ ก่อนที่จะหยุดนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก
แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว หากไม่ตายก็พิการ
เตะเดียวปลิดชีพ!
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็สังหารจี้หลงซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณได้ ดูจากปัจจุบันคงจะจัดการเขาได้ในพริบตา เพียงแค่เท้าเดียวก็จัดการจนจี้หลงหมดสภาพ เป็นตายไม่มีใครรู้ เมื่อพลังของทั้งสองปะทะกัน ก็เห็นได้ถึงความต่างว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าขั้นใหญ่
“ต่อไปใคร?”
อี้เทียนหยุนมองไปยังพวกเขาอย่างเฉยชา ไม่มีจิตสังหารแม้แต่น้อย แต่ก็มองจนในใจสวี่เจี้ยนต้องสั่นเทิ้ม ความหวาดกลัวพลันอบอวลขึ้นในใจเขา
แค่เห็นว่าจี้หลงถูกอี้เทียนหยุนจัดการง่ายๆ ตอนนี้เหมือนว่าพวกเขาจะคิดกันง่ายไป หากเทียบกันแล้ว ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าจี้หลงขั้นใหญ่ ไม่อย่างงั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับจี้หลงได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
สวี่เจี้ยนรีบวิ่งเข้าไปช่วยจี้หลง ฝั่งตรงข้ามดูเหมือนกับใกล้จะขาดใจตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส หน้าอกยุบลงเป็นโพลงขนาดใหญ่ พร้อมกับกระอักเลือดออกมาทุกครั้งที่ไอ สามารถจินตนาการได้เลยว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บมากขนาดไหน
“พี่ใหญ่เลี่ยว….. พี่ใหญ่จี้เขา เขาจะไม่ไหวแล้ว….” สวี่เจี้ยนรีบร้องออกมา
“สารเลว ไอ้หนู แกรนหาที่ตายซะแล้ว!” เลี่ยวหยุนกวงพูดอย่างเดือดดาล
“ข้าบอกแล้วว่าอย่ามายั่วยุข้า” อี้เทียนหยุนยักไหล่พูด