บทที่ 1712+1713

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1712 จะได้รับผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

“นางเป็นเด็กกำพร้า ขาดความรักมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นนางจึงไม่เคยเชื่อใจผู้ใดเลย นางปกป้องหัวใจของตนไว้อย่างดี นางไม่อยากถูกทำร้าย แต่นางเชื่อใจเจ้าเพียงผู้เดียว! ตอนที่นางยังไม่ได้ทะลวงสู่ขั้นเก้าข้าเคยพูดคุยกับนาง ยามนั้นนางเอ่ยปฏิญาณอย่างหนักแน่นว่าจะมานะฝึกฝน เพราะนางอยากอยู่เจ้าไปตราบนานเท่านาน ไม่อยากเห็นเจ้าเดียวดายอีก…หลังจากพวกเจ้าออกมาจากเขตหวงห้ามอันใดนั่นได้ นางมาเยี่ยมเยือนข้า เรื่องที่เอ่ยถึงกับข้ามากที่สุดยังคงเป็นเจ้า ยามนั้นนางมีความสุขยิ่งนัก บอกว่าในที่สุดก็ฝึกฝนจนบรรลุขั้นสิบแล้ว สามารถเคียงข้างเจ้าบุกตะลุยไปทั่วหล้าได้แล้ว บอกว่านางอยากแบ่งเบาภาระของเจ้า…ท่าทางของนางในยามนั้นราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ที่สุขสันต์ที่สุด หัวใจเปี่ยมความวาดหวังต่ออนาคต…รู้หรือยังว่าสุดท้ายแล้วข้ายอมปล่อยมือเพราะอะไร? เพราะเหตุผลข้อนี้ไง! นางตกอยู่ในความอ่อนโยนของเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว ในสายตาในหัวใจไม่เหลือที่ไว้ให้ผู้ใดอีกแล้ว! แม้ว่าเจ้าจะตายตกไป นางก็จะติดตามเจ้าไปด้วย! และไม่เหลือบแลข้ามากขึ้นอีกสักแวบเลย!”

มือที่ถือป้ายหยกของตี้ฝูอีกำแน่นแล้ว ฟังเขาก่นด่า “ตี้ฝูอี นางปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้ เหตุใดเจ้ายังหักใจทอดทิ้งนางได้?! เจ้าส่งนางขึ้นสู่สรวงสวรรค์เองกับมือ ทว่าชั่วพริบตาต่อมาก็เตะนางลงสู่ขุมนรก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายวันมานี้นางเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ารู้ไหมว่านางมีความทุกข์อันใดล้วนฝังกลบไว้ในหัวใจทั้งสิ้น ทว่าตกดึกกลับนอนไม่หลับทั้งคืน? เจ้าทำลายความภาคภูมิในตัวเองของนางไปหมดแล้ว! ถึงแม้นางจะไม่ได้บอกข้าอย่างเฉพาะเจาะจงว่าสรุปแล้วระหว่างเจ้ากับนางเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนที่นางตัดสินย้ายสังขารครานั้น ระหว่างที่สะลึมสะลือเคยพูดเรื่องราวมากมายที่อยู่ในหัวใจออกมา นางรู้สึกว่าตนเป็นคนที่น่าขันผู้หนึ่ง ชาติก่อนเป็นมนุษย์โคลนนิ่ง ไม่มีสังขารเป็นของตัวเอง ชาตินี้แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังมิใช่ของตนทั้งหมดอีก…นางบอกว่านางเหนื่อยมาก นางบอกว่าบางทีนางไม่สมควรจะมาที่โลกนี้เลย…นางบอกว่านางรู้สึกว่าตนด้อยราคายิ่งนัก เจ้าไม่ต้องการนางแล้วชัดๆ แต่กลับลืมเจ้าไม่ลง ยังปวดใจอยู่ตลอด นางบอกว่านางไม่อยากเป็นตัวแทน…นางบอกว่าความจริงแล้วเจ้าปรารถนาให้นางตาย เป็นเพราะนางไม่ตาย นางในดวงใจของเจ้าจึงไม่มีชีวิตไม่ได้…”

แต่ละถ้อยคำแต่ละประโยคของหลงซือเย่ราวกับคมมีด ทำให้ใบหน้าตี้ฝูอีซีดเซียวไร้สีเลือดแล้ว

เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง สองมือทาบลงบนเขตแดน ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างมหาศาลทำให้เขาแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

เขามองกู้ซีจิ่วที่อยู่ภายในเขตแดน การเคลื่อนไหวของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นเชื่องช้า เห็นได้ชัดว่าใกล้จะเป็นตะเกียงขาดน้ำมันแล้ว

ส่วนโม่เจ้าก็ไม่ได้รับผลดีอันใดเช่นกัน บนร่างมีบาดแผลอยู่นับไม่ถ้วน เพียงแต่เขายังสามารถยืนหยัดได้

เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่!

นางจะสิ้นชีพด้วยน้ำมือของโม่เจ้า!

ส่วนโม่เจ้าก็ชิงชังนางไปแล้ว ถ้าเข้าได้ลงมือ เขาจะไม่สังหารเพียงสังขารของกู้ซีจิ่วเท่านั้น เกรงว่าดวงวิญญาณเขาก็ไม่ละเว้นเช่นกัน จะทำให้ดวงวิญญาณของนางแตกสลายกระจัดกระจาย! เช่นนั้นจบเห่ทุกอย่างแล้ว!

เขาวางแผนเพื่อนางมานานหลายปี เสียสละไปมากมายปานนั้น จะได้รับผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

แสงสีรุ้งค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นกลางฝ่ามือของตี้ฝูอี…

เขาจะใช้พลังเทพชนิดหนึ่งเป็นสื่อกลางเพื่อทำลายเขตแดน พลังทำลายล้างกล้าแกร่งยิ่ง ไม่มีเขตแดนใดที่ลำลายล้างไม่ได้ เพียงแต่จะสิ้นเปลืองพลังเทพมหาศาลยิ่งนัก เขาจึงไม่เคยใช้เลย

ทว่ายามนี้ไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว!

เขาทำลายเขตแดนของนางอาจจะทำให้นางสิ้นชีพ แต่สามารถรักษาดวงวิญญาณของนางไว้ได้ ขอเพียงวิญญาณยังอยู่ เขาก็มีวิธีฟื้นคืนชีพให้นาง…

….

ขณะที่ตี้ฝูอีกำลังจะซัดฝ่ามือนี้ลงไป จู่ๆ ภายในเขตแดนก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นของโม่เจ้า “เจ้าแพ้แล้ว! เจ้า…”

วาจาภาคภูมิใจของเขายังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ ทันใดนั้นก็ราวกับถูกกระบี่ผนึกลำคอไว้ สำลักกะรอึกกระอักทั้งเป็น!

ตี้ฝูอีเงยหน้าขึ้นทันที มองเห็นฉากที่ทำให้ดวงวิญญาณของเขาแทบจะแหลกสลาย

กระบี่ล้ำค่าในมือของโม่เจ้าแทงเข้าสู่ทรวงอกของกู้ซีจิ่ว! เสียบจนทะลุ

ส่วนแส้อ่อนในฝ่ามือของกู้ซีจิ่วก็ทะลวงเข้าไปในปากของโม่เจ้า ทะลุออกท้ายทอยเขา แสงสีรุ้งส่องเจิดจ้า! แฝงอานุภาพชำระล้างที่ชำระล้างทุกสิ่งได้ ห่อหุ้มทั้งร่างของโม่เจ้าไว้…

—————————————————————————-

บทที่ 1713 โศกาอาลัย

กู้ซีจิ่วหอบหายใจเอ่ยอย่างเยียบเย็นประโยคหนึ่ง “เจ้าต่างหากที่แพ้…”

โม่เจ้าถลึงตาอย่างโกรธเกรี้ยว จ้องมองกู้ซีจิ่ว ลำคอมีเสียงดังอึกอัก คล้ายว่าอยากพูดอะไร สุดท้ายก็เอ่ยออกมาไม่ได้เลยสักประโยค

ร่างกายทรุดฮวบลงไปเสมือนไร้กระดูก เพียงแต่ในท้ายที่สุดแล้ว มีความเวทนาและไม่ยินยอมพาดผ่านนัยน์ตาของเขาแวบหนึ่ง…

เขาตายแล้ว!

สิ้นชีพลงภายใต้แส้อ่อนของกู้ซีจิ่ว เห็นได้ชัดว่าแส้อ่อนเส้นนี้ของนางมิของสามัญ แฝงคุณสมบัติในการชำระล้างที่แกร่งกล้ายิ่งนักเอาไว้ ไม่เพียงแต่สังหารกายเนื้อในปัจจุบันของเขาให้ตกตายเท่านั้น ยังสังหารกายจิตของเขาไปด้วย

กู้ซีจิ่วโซเซไปเบื้องหน้าไม่กี่ก้าว ร่างกายก็อ่อนยวบทรุดลงไปเช่นกัน…

และแทบจะในเวลาเดียวกัน ในที่สุดเขตแดนนั้นก็แตกสลายไปอย่างเป็นทางการแล้ว ตี้ฝูอีโผเข้าไปทันที อุ้มนางขึ้นมาจากพื้น “ซีจิ่ว!”

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว! นางสังหารโม่เจ้าได้แล้ว เพียงถูกแทงอกดาบเดียวเท่านั้น เขาช่วยชีวิตนางได้! นางจะไม่เป็นไร!

นิ้วมือที่สั่นระริกของเขากุมกระบี่ล้ำค่าที่ปักอยู่ในทรวงอกของนาง พลังวิญญาณอาฆาตบนกระบี่ล้ำค่าถูกกู้ซีจิ่วชำระล้างไปหมดแล้ว ดังนั้นยามนี้มันจึงเป็นกระบี่คมกริบเล่มหนึ่งเท่านั้น

ตี้ฝูอีโคจรพลังวิญญาณ กระบี่ล้ำค่าสีแดงฉานเล่มนั้นหายไปทัน!

วิชาแพทย์ของตี้ฝูอีล้ำเลิศ มองเพียงแวบเดียวก็ทราบว่าถึงแม้กระบี่นี้จะอันตราย แต่ก็มิได้แทงถูกหัวใจของนาง เพียงแทงถูกม้ามเท่านั้น ด้วยฝีมือของเขาสามารถเชื่อมต่อเส้นเลือที่ขาดสะบั้นไปให้นางอย่างรวดเร็วได้ ทำให้นางรอดชีวิตได้

“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะช่วยเจ้า ซีจิ่ว ข้าจะช่วยเจ้า…” เขากอดนางแน่น ฝ่ามือกดลงบนบาดแผลนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำผิดปกติ ทว่ามั่นคงอย่างไร้ใดเทียม “ซีจิ่ว เจ้าโคจรตามพลังวิญญาณของข้านะ ข้าจะรักษาบาดแผลให้เจ้า…”

โชคดีที่เขาพุ่งเข้ามาทันที!

เนื่องจากในที่สุดทั้งสองคนที่อยู่ในเขตแดนก็ตัดสินผลกันได้แล้ว โม่เจ้าสิ้นชีพ ส่วนกู้ซีจิ่วรอดชีวิต

ไม่น่าเชื่อว่านางสามารถสังหารโม่เจ้าให้ตกตายได้ด้วยความสามารถของตน!

นางสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้งแล้ว…

ขอเพียงนางยังมีชีวิตอยู่เช่นนั้นสิ่งใดก็ไม่สำคัญแล้ว ดังนั้นเมื่อตี้ฝูอีพุ่งเข้ามาปฏิกิริยาแรกก็คือทำการรักษาให้นาง…

มือเท้าของเขาเยียบเย็นอย่างยิ่ง ดังนั้นวินาทีที่อุ้มนางขึ้นมาจึงไม่รู้สึกว่าอันที่จริงแล้วร่างกายของนางเย็นเฉียบยิ่งนักแล้ว จวบจนมือเขากดลงบนปากแผลนาง สัมผัสถึงอัตตราการเต้นของหัวใจอันทรงพลังที่แสนคุ้นเคยนั้นไม่ได้แล้ว ถึงรับรู้ได้ว่าผิดปกติ!

ร่างกายนางอ่อนยวบยาบนัก เย็นเยียบยิ่ง ยามกอดนางไว้ในอ้อมแขน เหมือนกอดซากศพร่างหนึ่ง…

ส่วนบาดแผลขนาดใหญ่ตรงทรวงอกของนาง ก็มีโลหิตไหลออกมาไม่มากเช่นกัน มีเพียงอาภรณ์ตรงหน้าอกเท่านั้นที่ชุ่มโชก…

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?!

นิ้วมือที่สั่นสะท้านของตี้ฝูอียื่นไปตรวจสอบชีพจรของนาง

แทบจะสัมผัสถึงชีพจรไม่ได้แล้ว นิ่งสนิทอยู่เนิ่นนาน สัมผัสถึงลมหายใจไม่ได้แล้วเช่นกัน…

ตะเกียงขาดน้ำมัน! เป็นตะเกียงขาดน้ำมันอย่างแท้จริง!

กู้ซีจิ่วนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมแขนเขา ยามที่เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขนเธอแข็งทื่อไปเล็กน้อย คล้ายคิดจะดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แต่ตี้ฝูอีกอดเธอไว้แน่น เธอดิ้นอยู่ครู่เดียวก็ไม่ได้ดิ้นอีกปล่อยให้เขากอดไว้

แต่สองแขนห้อยลู่ลงข้างกายตลอด ไม่มีทีท่าว่าจะกอดเขากลับเลย

พลิกผันผ่านพ้นมาเนิ่นนาน ในที่สุดเธอก็ได้กลับสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

ไม่มีผู้ใดทราบ ว่าตอนแรกที่สูญเสียอ้อมกอดนี้ไปเธอเจ็บปวดมากแค่ไหน! อีกทั้งผลิกผันตรากตรำอยู่หลายตลบถึงจะทำให้ตนไม่โหยหาถึงได้อีก…

ตอนนี้เธอหวนสู่อ้อมกอดนี้อีกครั้ง ทว่าหัวใจกลับเจ็บปวดยิ่งนัก ไม่เพียงแต่เจ็บปวดเท่านั้นยังเสียดชาอีกด้วย

แพขนตาของเธอสั่นไหวอยู่สองครา ในที่สุดสายตาก็ตกกระทบลงบนดวงหน้าเขา

บนหน้าเขายังมีหน้ากากอยู่ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง ดวงตาของเขาน่ามองอย่างยิ่ง ในอดีตยามที่เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนเขาชมชอบจ้องมองดวงตาของเขาเป็นที่สุด

————————————————————————–