บทที่ 169 สอนหมากล้อม

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 169 สอนหมากล้อม

วันรุ่งขึ้น หลียงเฟ่ยเอ๋อไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงเพื่อพบกับหลิงเจิ้งสง ไม่นานหลังจากนั้นหลียงเฟ่ยเอ๋อก็ออกจากคฤหาสน์แม่ทัพและมุ่งหน้าไปยังตระกูลจ้าว

ส่วนหลิงเจิ้งสง เมื่อคุยกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อเสร็จ เขารีบบินไปที่คฤหาสน์สราญรมย์และพบหลิงตู้ฉิง

“เจ้าตกลงที่จะเกี่ยวดองกับราชวงศ์แล้วงั้นเหรอ?” หลิงเจิ้งสงถาม

หลิงเจิ้งสงรู้สึกงุนงงกับการตัดสินใจของหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่จักรพรรดิเหลียงซานเคยพยายามเสนอให้หลิงตู้ฉิงแต่งงานกับหลานสาวของเขา หลิงตู้ฉิงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยและถึงขนาดบอกให้เขาเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สงครามกับจักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับต้องการแต่งงานกับราชวงศ์?

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ใช่”

“หะ ถ้าอย่างงั้นแล้วทำไมเหลียงเฟ่ยเอ๋อถึงมาหาข้ากัน? นางบอกข้าด้วยตัวเองว่าเจ้ากำลังจะแต่งงานกับนาง และนางก็อยากให้ข้าจัดงานแต่งงานด้วย สรุปแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลิงเจิ้งสงถามอย่างสงสัย

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “นางต้องการติดตามข้า และข้าเห็นประโยชน์ในตัวนางข้าจึงทำข้อตกลงกับนาง และข้าสัญญากับนางว่าจะละเว้นชีวิตคนในตระกูลนางที่ไม่เกี่ยวข้อง”

หลิงเจิ้งสงเมื่อได้ยินคำอธิบายเช่นนี้ เขาเอียงคอมองหน้าหลิงตู้ฉิงด้วยอารมณ์สับสน

ข้อตกลง? ผลประโยชน์? ถ้ามันเป็นแค่เรื่องผลประโยชน์แล้วทำไมถึงไม่ตกลงไปซะตั้งแต่ก่อนหน้านี้กับเหลียงเจี๋ย ทำไมถึงพึ่งจะมาตกลงกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ? ถ้าจะเกี่ยวกับเรื่องความงามก็คงไม่น่าใช่ ถึงแม้ว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อจะงดงามมากกว่า แต่เหลียงเจี๋ยเองก็งดงามไม่น้อยเช่นกัน สรุปแล้วนี่มันเรื่องข้อตกลงอะไรกันแน่?

“แต่เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการยึดบัลลังค์ของเหลียงซานในอนาคตไม่ใช่เหรอ?” หลิงเจิ้งสงถามต่อ “แล้วตอนนี้เจ้ากลับดึงนางเข้ามาอยู่ข้างกาย เจ้าไม่กังวลว่าจะมีปัญหาในอนาคตหรือไง?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “นางก็คือนาง ราชวงศ์ของเหลียงซานก็คือราชวงศ์ของเหลียงซาน”

“ข้าไม่เข้าใจ!” หลิงเจิ้งสงยิ้มอย่างขมขื่น

“ให้ข้าอธิบายให้ท่านฟัง” หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ก่อนอื่นนางมาด้วยความคิดที่จะสละชีวิตเพื่อราชวงศ์ ซึ่งความรู้สึกของนางที่มีต่อราชวงศ์นั้นทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมมาก นางไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรรดิ และนางก็ไม่ถูกครอบงำจากผู้ที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิเช่นกัน นางเป็นคนดี นอกจากนี้นางยังครองกายาแก่นแท้ปฐพี ซึ่งผู้ที่ครองกายานี้ได้จะมีจิตใจที่ดีงามมีคุณธรรมและยอมที่จะเสียสละเพื่อคนที่นางห่วงใย พูดอีกนัยหนึ่งชะตาของนางเกิดมาเพื่อเป็นผู้คอยเกื้อหนุนคนรอบข้างนาง เมื่อมีคนเช่นนี้อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น ดังนั้นเมื่อรวมสองเหตุผลเข้าด้วยกันข้าจึงมองเห็นประโยชน์ของนาง”

“นอกจากนี้ข้าได้อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ กับนางอย่างชัดเจนแล้ว นางรู้แล้วว่าอนาคตของนางจะเป็นอย่างไร ดังนั้นไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรกับเรื่องของนาง”

หลิงเจิ้งสงเริ่มสับสนมากขึ้น

กายาแก่นแท้ปฐพี? และผู้เกื้อหนุนอะไร? เขาไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินคำยืนยันจากหลิงตู้ฉิงที่ได้ตัดสินใจจะเก็บหลียงเฟ่ยเอ๋อไว้รวมไปถึงประโยชน์มากมายที่จะได้รับและรวมไปถึงคำพูดว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ ตามมา เขาก็ทำได้เพียงแค่คล้อยตามการตัดสินใจของหลิงตู้ฉิง

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะขอพระราชทานงานแต่งงานจากองค์จักรพรรดิ” หลิงเจิ้งสงพยักหน้าอย่างขมขื่น “เจ้ากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลจ้าว และตอนนี้เจ้ากำลังจะขอจักรพรรดิพระราชทานงานแต่งให้อีก ข้าสงสัยว่าจักรพรรดิจะโกรธจนควันออกหูหรือเปล่า?”

“เขาจะต้องพอใจมากต่างหากล่ะ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

หลิงเจิ้งสงขมวดคิ้ว “แล้วก่อนหน้านี้ที่เจ้าพูดถึงเรื่องที่จะชิงบัลลังค์มาจากเหลียงซานเพื่อทำให้ลูกชายคนที่หกของเจ้าบ่มเพาะได้ แต่เจ้าบอกเองว่าคนที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิจะมีปัญหาใช่ไหม? เช่นนั้นถ้าลูกชายคนที่หกของเจ้าจะเดินทางสายนี้…”

หลิงตู้ฉิงเข้าใจว่าหลิงเจิ้งสงหมายถึงอะไร เขาส่ายหัวและพูดว่า “ท่านปู่ ข้าไม่ได้จะให้ยี่เทียนบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิเหมือนเหลียงซาน”

หลิงเจิ้งสงพยักหน้า “อ่า ดีแล้ว ๆ อย่างนั้นข้าก็โล่งใจ! อ๋อ! ข้าทำความเข้าใจกับ กระบวนรบและรูปแบบการเคลื่อนทัพที่เจ้ามอบให้ข้าทั้งหมดแล้ว มันวิเศษมาก เมื่อไหร่เจ้าจะให้ข้านำทหารของเจ้าดี?”

นับตั้งแต่ที่หลิงเจิ้งสงได้เรียนรู้กระบวนรบและรูปแบบการเคลื่อนทัพ หลิงเจิ้งสงรู้สึกกระหายในใจเสมอ เขาชอบใจกับจินตนาการที่จะได้นำกองทัพด้วยกระบวนรบแบบนี้มาก กองทัพที่สามารถบินบนท้องฟ้า ทะยานผ่านพื้นโลกและล่องไปในทะเลได้

“เมื่อถึงเวลาท่านจะได้นำพวกเขาแน่นอน” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

เมื่อคุยกันต่อได้อีกสักพัก หลิงเจิ้งสงก็บินกลับคฤหาสน์ของเขาไป จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เดินเข้าหาหลิงยี่เทียนและพูดกับเขาว่า “ตอนนี้เจ้าคงรู้สึกว่าเจ้าเชี่ยวชาญในการเล่นหมากรุกเซียนเป็นอย่างดีแล้ว แต่เจ้ารู้ไหมว่าทำไมส่วนใหญ่เจ้าถึงมักจะแพ้ให้กับพี่สี่ของเจ้าอยู่บ่อยครั้งและมีน้อยครั้งมากที่เจ้าจะชนะ”

หลิงยี่เทียนพูดอย่างหดหู่ “ท่านพ่อ ข้าไม่รู้! ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้แย่ไปกว่าเขา แต่ข้ามักจะแพ้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดทุกที ข้ารู้สึกหดหู่ใจจริง ๆ ท่านพ่อบอกข้าได้ไหมว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เนื่องจากหมากรุกเซียนให้ความสำคัญกับการรุกพิฆาตตัวหมากราชาของฝั่งตรงข้ามเป็นสำคัญ ซึ่งกฎแบบนี้เหมาะกับพี่สี่ของเจ้าเป็นอย่างดี ส่วนเจ้า หมากที่เหมาะกับเจ้ามากกว่านั้นจะเป็น ‘หมากล้อม!’ ”

“ต่อไปพ่อจะสอนหมากล้อมให้เจ้า หมากประเภทนี้นั้นเกี่ยวกับการวางแผนเป็นสำคัญ นี่น่าจะเป็นเกมหมากที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้า นอกจากนี้พ่อจะสร้างกระดานหมากล้อมให้เจ้าใช้เป็นพิเศษ”

หลิงยี่เทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น หลังจากรู้สึกหดหู่ใจเป็นเวลานาน เพราะตั้งแต่เขาเปลี่ยนมาเล่นหมากรุกเซียนเขาแทบจะไม่ชนะพี่สี่เลย แต่ตอนนี้เขากำลังจะเล่นหมากที่พ่อเขาบอกว่าเหมาะสมกับเขา

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงอธิบายกฎของหมากล้อมเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็เล่นหมากล้อมกับหลิงยี่เทียนอยู่ 2-3 รอบจากนั้นเขาพูดว่า “จงศึกษามันด้วยตัวเองให้ดี พยายามทำความเข้าใจและสร้างรูปแบบการเล่นที่เป็นของเจ้าเอง มันจะทำให้เจ้าเป็นเซียนหมากล้อม”

“นอกจากนี้เจ้าต้องจำเอาไว้ว่า ในอนาคตเจ้าต้องเชื่อฟังพี่ใหญ่และพี่สี่ของเจ้าให้มากที่สุด เพราะต่อไปเจ้าจะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา”

หลิงยี่เทียนยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อ พวกเขาเป็นพี่ของข้า ยังไงข้าก็ต้องเคารพพวกเขาอยู่แล้วนิท่านพ่อ”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและโบกมือให้หลิงยี่เทียนเริ่มศึกษาวิธีการเล่นหมากล้อมเพิ่มเติมด้วยตัวเองต่อ จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มสร้างกระดานหมากล้อมสำหรับหลิงยี่เทียน เขาไม่ใช้วัสดุคุณภาพสูงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรมันก็เป็นแค่เพียงกระดานหมากที่ไว้ใช้ฝึกเล่นหมากล้อมธรรมดาเท่านั้น

ในขณะที่พ่อและลูกชายกำลังวุ่นเรื่องหมากล้อม ที่คฤหาสน์ตระกูลจ้าว จ้าวเหมิงลู่และ หลียงเฟ่ยเอ๋อกำลังสนทนากันอย่างมีความสุข

ก่อนหน้านี้จ้าวเหมิงลู่รู้เรื่องของเหลียงเฟ่ยเอ๋อแล้ว เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้บอกกับนางไว้เรียบร้อยก่อนเหลียงเฟ่ยเอ๋อจะมาหานาง อย่างไรก็ตามเมื่อเหลียงเฟ่ยเอ๋อปรากฏตัว นางก็ยังรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยและคิดว่าหลียงเฟ่ยเอ๋อช่างดูสูงส่งและเหนือกว่านาง

แต่หลังจากพูดคุยกับหลียงเฟ่ยเอ๋อสักพัก นางก็พบว่าหลียงเฟ่ยเอ๋อมาเพื่ออธิบายเรื่องการแต่งงานและแสดงความเป็นมิตรกับนาง หลังจากที่นางเข้าใจทุกอย่างแล้วนางก็ลืมความทุกข์ทั้งหมดไป

“พี่หญิง งานแต่งงานของท่านกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ข้ายังไม่รู้เลยว่าข้าจะไปร่วมงานได้รึเปล่า” เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มให้จ้าวเหมิงลู่

จ้าวเหมิงลู่หัวเราะ “ถ้าเจ้าไม่สะดวกมาก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะอีกไม่นานยังไงเจ้าก็จะได้แต่งงานกับเขาเช่นกัน เราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วฉะนั้นน้องหญิงอย่าได้คิดมากไปเลย อันที่จริงน้องหญิงเจ้ารู้รึเปล่าว่าเจ้าช่างโชคดีมาก หากเมื่อไหร่ที่เจ้าได้เข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์สราญรมย์แล้ว เจ้าจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากเขาเลยล่ะ”

เหลียงเฟ่ยเอ๋อ เมื่อยินเช่นนั้นนางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “ไม่ดีแน่! ถ้าข้าแต่งงานและเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์แล้ว ข้าจะทำยังไงถ้าหากเขาจะให้ข้านอนรวมห้องเดียวกับเขาพร้อมกับท่าน…?”

จ้าวเหมิงลู่หัวเราะคิกคักและพูดว่า “น้องหญิง ข้าจะบอกความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างให้เจ้ารู้เกี่ยวกับชายผู้นั้น! เขาเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขนาดมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ติดตามเขามานานแล้ว แต่ปัจจุบันพวกนางกลับยังไม่มีโอกาสมีอะไรกับเขาเลยทั้ง ๆ ที่พวกนางนอนร่วมเตียงกับเขามาหลายครั้ง ซึ่งเรื่องนี้นั้นทำให้พวกนางทุกข์ใจมานานแล้ว!”

หลียงเฟ่ยเอ๋อพูดด้วยความประหลาดใจ “มีคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเช่นนี้ด้วยงั้นเหรอ?”

จ้าวเหมิงลู่ เมื่อเห็นสีหน้าของเหลียงเฟ่ยเอ๋อตอนนี้ นางพบว่ามันค่อนข้างตลกเล็กน้อย “ในด้านการบ่มเพาะเขารู้เกือบทุกอย่าง แต่ในเรื่องทางโลกเขาแทบไม่รู้อะไรเลย ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ในอนาคตเราจะต้องจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เขาเผลอไปรับผู้หญิงคนอื่นมาไว้ข้างกายเพิ่มอีกด้วยความซื่อบื้อของเขา”

หลียงเฟ่ยเอ๋อคิดว่ามันแปลก จะมีคนแบบนี้ได้อย่างไร?

นางคุยกับจ้าวเหมิงลู่อยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “พี่หญิง ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วข้าขอตัวกลับก่อน หากเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ข้าคิดว่าอีกไม่นานเราคงได้พบกันอีกครั้งที่คฤหาสน์สราญรมย์”

จ้าวเหมิงลู่เดินไปส่งเหลียงเฟ่ยเอ๋อออกจากคฤหาสน์ตระกูลจ้าวด้วยตนเอง พลางจินตนาการอย่างตื่นเต้นถึงวันแต่งงานของนางที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ