บทที่ 137 คนแปลกหน้า

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 137

คนแปลกหน้า

“ขอโทษด้วยเจ้าค่ะนายน้อย น่าละอายจริงๆที่ข้ามักอ่อนไหวกับอะไรเช่นนี้” นางนั่งลงข้างเย่เย่ที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนเอาศีรษะของนางพิงที่ไหล่ซ้ายของชายผู้เป็นที่รัก

เย่เย่โล่งอก เขาลูบหัวของนางอย่างเบามือ ก่อนพูดกับนางด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจเจ้าดี เจ้าเหนื่อยมามากพอแล้วนอนพักเสียเถอะ”

เสี่ยวหยูที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เย่เย่มอบให้ ดวงตาของนางก็สะท้อนความสุขออกมา และพูดขึ้นกับเย่เย่

“จากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ข้า เสี่ยวหยูจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป”

เย่เย่ได้ยินดังนั้น เขาจึงใช้นิ้วชี้ดีดหน้าผากของนางเบาๆ ก่อนจะดุนางไปชุดใหญ่

“เสี่ยวหยู เจ้าห้ามพูดเช่นนั้นอีก! แล้วเจ้าก็เลิกเรียกข้าว่านายน้อยได้แล้ว อีกอย่างเสี่ยวหยูคือชื่อที่เจ้าใช้ในฐานะสาวใช้ ดังนั้นข้าจะตั้งชื่อใหม่ให้เจ้าเอง”

“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ใช้ชื่อเดิมของข้าก่อนที่จะทำงานรับใช้ตระกูลเย่ก็ได้นี่เจ้าคะ!” เสี่ยวหยูพูดหยอกล้อกับเย่เย่ราวกับไม่ใช่เจ้านายลูกน้อง นางยิ้มกว้างออกมาราวกับว่านางคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก แต่ทว่าทันใดนั้นเองที่นางสังเกตเห็นสีหน้าที่งุนงงของเย่เย่ หัวใจของนางก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหวอันไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง

“นายน้อย อย่าบอกนะเจ้าคะว่าท่านจำชื่อเดิมข้าไม่ได้!?” เสียงของนางสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางรีบยกหัวของนางออกจากบ่าของเย่เย่ และตีตัวออกหากในทันที นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

เสี่ยวหยูเคยบอกชื่อจริงแก่เย่เย่ในวันแรกที่ทั้งสองเริ่มเปิดใจให้กัน เย่เย่คนก่อนเคยให้สัญญาแก่นางว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่มีทางลืมมันเด็ดขาด แม้กระทั่งช่วงวันก่อนที่เจ้าของร่างจะจากไป เขายังเรียกนางด้วยชื่อจริง แต่หลังจากที่ เย่เย่ฟื้นขึ้นมาเขากลับเรียกนางว่า ‘เสี่ยวหยู’ ซึ่งเป็นเรื่องที่ติดค้างในใจนางมาโดยตลอด

หลังจากวันที่เย่เย่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ได้รับความทรงจำเข้ามามากมาย แต่ในความทรงจำเหล่านั้นกับไม่มีข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคนในโลกฝั่งนี้เลย ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงหมดข้อแก้ตัวไปโดยปริยาย

ความเงียบงันระหว่างทั้งคู่ทำให้บรรยากาศในห้องหอตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เย่เย่ที่ไร้ซึ่งทางออก เขาเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรและหลบหน้านาง

เสี่ยวหยูที่เห็นปฏิกิริยานี้ของเย่เย่ ทำให้นางยิ่งรู้สึกสับสน สายตาที่นางมองเย่เย่แปรเปลี่ยนจากความคุ้นเคยกลายเป็นคนแปลกหน้า ในที่สุดเสี่ยวหยูก็ล้มเลิกความตั้งใจ นางลุกขึ้นจากเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนเอนตัวนอนลงบนเตียงแยกที่มุมห้อง

เย่เย่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะ เกลี้ยกล่อมเสี่ยวหยู แต่ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และปล่อยให้มันเป็นไป

ทั้งสองนอนไม่หลับทั้งคืน ความอัดอั้นตันใจทำให้พวกเขารู้สึกทุกข์ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งรุ่งอรุณของวันใหม่มาถึง พวกเขาลุกขึ้นและจ้องหน้ากันราวกับเป็นคนอื่นคนไกล ก่อนที่จะเดินออกจากประตูห้องหอไปพร้อมๆกัน

“ท่านประธาน พิธีมอบรางวัลเตรียมการพร้อมแล้วขอรับ ท่านซูและคนอื่นๆกำลังรออยู่ที่ด้านนอกขอรับ” คนรับใช้โค้งคำนับเย่เย่และเสี่ยวหยูด้วยความนอบน้อม ก่อนจะนำทางเขาไปยังโถงจัดพิธี

“นำของรางวัลทั้งหมดออกมา” เย่เย่ออกคำสั่งแก่คนรับใช้ เขาประสานมือรับคำสั่ง และสั่งให้คนอื่นๆช่วยกันยกกล่องขนาดมหึมาออกมา

ซูฉีเจี่ย เจิ้งซูและเหล่าบรรดาสมาชิกหอการค้าหยูเย่ เมื่อเห็นกล่องขนาดใหญ่ตั้งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาก็เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจิ้งซู และ เหยียนซื่อที่รู้ดีว่ารางวัลเหล่านั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ในโถงกลางนอกจากเหล่าสมาชิกหอการค้าแล้ว ยังมีแขกที่เข้าร่วมพิธีวิวาห์เมื่อวานด้วยเช่นกัน พวกเขาจ้องมากล่องใบโตด้วยความสงสัย

จุดประสงค์ที่เย่เย่จัดพิธีมอบรางวัลนี้ นอกจากเพื่อแสดงกำลังของหอการค้าหยูเย่แล้ว ยังเพื่อผูกสัมพันธไมตรีกับ เหล่าพันธมิตรในระยะยาวอีกด้วย

เย่เย่และเสี่ยวหยูจัดงานนี้ขึ้นร่วมกัน โดยเก็บงำเรื่องราวระหว่างพวกเขาไว้เป็นความลับ ซึ่งทำให้แขกที่เข้าร่วมงานไม่ผิดสังเกตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่

เย่เย่และเสี่ยวหยูพยายามควบคุมอารมณ์และยับยั้งชั่งใจ พวกเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะดำเนินพิธีต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติ

ในขณะเดียวกัน หลินซิวเหยียนผู้ที่ยังพำนักอยู่ที่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามหอการค้าก็ได้รับข่าวดีที่พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอมาอย่างเนิ่นนาน

“จริงรึ!? มูหลงเดินทางมาถึงแล้วงั้นรึ! ดีมาก!”ทันทีที่เขาได้รับรายงานจากสายสืบของเขา ประมุขแห่งตำหนักประกายแสงโพล่งขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“จริงแท้แน่นอนขอรับ หอการค้าหยูเย่ใกล้ถึงจุดจบแล้วขอรับ!” สายสืบที่เข้ามารายงาน ตอบ กลับประมุขของเขาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขารอคอยวันนี้มานาน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ข้าอยากจะเห็นใบหน้าสิ้นหวังของพวกมันเหลือเกิน!” หลินซิวเหยียนหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงอันชั่วร้าย เขาตั้งใจจะไปยังพิธีมอบรางวัลเพื่อดูเย่เย่ถูกสังหารด้วยน้ำมือของมูหลงด้วยสายตาของตนเอง

ในเวลาเดียวกัน ณ พิธีมอบรางวัล ไม่มีใครทราบข่าวการมาถึงของมูหลงเลย แม้แต่ผู้พิทักษ์หอการค้าที่คอยเดินลาดตระเวนและคุ้มกันต่างก็ไม่พบข้อผิดสังเกต เย่เย่ยังคงทยอยมอบรางวัลให้กับเหล่าสมาชิกหอการค้าที่มีผลงานดีเด่น เขาประกาศชื่อไปเรื่อยๆจนถึงตาของซูฉีเจี่ย

“นี่คือ ‘ดาบเทพพิทักษ์’ มันคืออาวุธมนตราที่มีพลังโจมตีอันดับต้นๆในระดับเทพอสูร ข้าขอบมอบให้กับผู้ที่รับภาระหน้าที่คอยปกป้องดูแลหอการค้ามาอย่างช้านาน อีกทั้งเขายังทำผลงานในการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นการทำศึกกับตระกูลมู่หรง หรือกระทั่งศึกกับภาคีจิ้นเฉิง ขอแสดงความยินดีกับซูฉีเจี่ย เดินขึ้นมารับรางวัลของท่านได้เลย” เมื่อเย่เย่ประกาศชื่อขึ้นมา หลายๆคนที่เข้าเค้าก็เสียดายไปตามๆกัน ก่อนที่จะจ้องมองชายหน้าหนวดด้วยความอิจฉา

“ขอบคุณขอรับท่านเย่ ข้าจะอุทิศกำลังที่มีเพื่อหอการค้าหยูเย่สืบต่อไป” ซูฉีเจี่ยกล่าวขอบคุณ และให้คำสัญญาแก่เย่เย่

ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร แต่พวกเขาก็ตบมือแสดงความยินดีกับซูฉีเจี่ย และรู้สึกว่าเขาเหมาะสมแล้วที่ได้รับมัน แขกที่เข้าร่วมพิธีต่างรู้สึกตกตะลึงกับของหายากที่ถูกแจกออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตารอของรางวัลชิ้นถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ

ทันทีที่ซูฉีเจี่ยเดินลงจากเวที เย่เย่ก็หยิบเกราะชิ้นถัดไปออกมาจากกล่อง และประกาศรายชื่อผู้โชคดีคนถัดไปอย่างไม่รอช้า

“เกราะชิ้นนี้เรียกว่า ‘เกราะสายลมประจิม’ ซึ่งเหมาะแก่เทพอสูร ผู้ที่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมปกป้องเมืองหลิงเฉิงไว้ด้วยชีวิต ผู้ที่เหมาะสมกับสิ่งนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่าน ตู๋กู่เหยียน!”

“ข้าซาบซึ้งน้ำใจของท่านยิ่งนัก ตัวข้านั้นเพียงทำไปตามหน้าที่พลเมือง ดังนั้นข้าคงรับน้ำใจของท่านเอาไว้ไม่ได้หรอกขอรับ” เขาปฏิเสธเย่เย่ด้วยน้ำเสียงจริงใจและหนักแน่น ท่ามกลางสายตาของเหล่าสมาชิกคนอื่นๆที่จ้องมองเกราะชิ้นนี้ด้วยความหวัง

อย่างไรก็ตาม เย่เย่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะส่งเกราะชิ้นนั้นให้กับเขา และพูดขึ้น

“ไม่มีใครในที่นี้เหมาะสมไปมากกว่าท่านแล้ว ได้โปรดรับไปเถอะ”

อีกเหตุผลหนึ่งที่เย่เย่ยังคงยืนกรานมอบเกราะนี้ให้กับ ตู๋กู่เหยียน เป็นเพราะเขามักสังเกตจุดเด่นจุดด้อยของสมาชิกหอการค้าอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เขาเล็งเห็นจุดอ่อนด้านการป้องกันของชายแก่

“ขอบคุณขอรับท่านประธาน ชายแก่ผู้นี้จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำงานรับใช้หอการค้าหยูเย่ของท่าน” ชายแก่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะน้อมรับของรางวัลแต่โดยดี เขากล่าวขอบคุณและโค้งคำรับแก่เย่เย่อย่างสุภาพ ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกผู้ร่วมงาน…