ตอนที่ 812 : เซียนมังกรผู้พิทักษ์

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 812 : เซียนมังกรผู้พิทักษ์

 

ผู้คนตระกูลหลงเวลานี้ต่างหวาดกลัวต่อพลังอํานาจของหลันซูเหยา พวกเขากลับกลายเป็นจมดิ่งในห้วงความหวาดกลัว

 

อีกหลายคนจากขั้วอํานาจใหญ่ทั้งหลายที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรตระกูลหลง ต่างคิดกันว่าพวกตนสามารถรับมือกับฉินหยุนและพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ได้โดยง่าย อย่างไรแล้ว พวกเขาก็มีครึ่งเซียนหกทัณฑ์พิบัติอันเหนือล้ำเข้าร่วม

 

แต่แล้วเพียงแค่ฉินหยุนกับสตรีลึกลับเก่งกาจมากล้ำผู้นี้ที่มาจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ สตรีลึกลับนางนี้ถึงขั้นมีพลังที่เผยออกประหนึ่งเซียน จนเป็นผลให้ทัพพันธมิตรตระกูลหลงต้องตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวหัวหด

 

“ทุกคน พวกเราอย่าได้เกรงกลัวมันไป สตรีนางนี้ไม่ใช่เซียนอย่างแน่นอน นางก็ทําได้เพียงแต่ใช้วิชามารอันชั่วร้าย! ตราบเท่าที่ปิดล้อมและโจมตีจากทุกด้าน เช่นนั้นพวกเราก็จับตัวพวกมันเอาไว้ได้!” ชายชราตระกูลหลงกล่าว

 

“กําลังเสริมจากแคว้นมังกรทะยานฟ้ากําลังเดินทางมา พวกเขาจะถึงในอีกไม่ช้า! ทุกคนอย่าได้หวั่นเกรงพวกมันไป!” ชายวัยกลางคนร้องตะโกนบอกเสียงดัง

 

ได้ทราบว่ากําลังเสริมใกล้มาถึง ทัพพันธมิตรตระกูลหลงจึงวางใจกันได้มาก

 

“ฉินหยุนยังไม่ใช่ราชันยุทธ์ด้วยซ้ำ มันก็ดีแต่อาศัยกําลังของสตรีผู้นั้นจึงก่อการได้สําเร็จ! พวกเราจะร่วมมือรุมโจมตี พวกมันอย่างไรก็ไม่มีทางต้านรับ! รวมกําลังกันเป็นหนึ่งได้แล้ว!” ชายชราตระกูลหลงตะโกนด้วยน้ำเสียงอันดัง เป็นการเรียกขวัญกําลังใจของฝ่ายตนเองกลับคืน

 

อย่างไรแล้ว พวกเขาก็คือยอดฝีมือที่มีชีวิตอยู่มายาวนานหลายพันปี พวกเขาย่อมพบเห็นได้ว่าแท้จริงหลันซูเหยามีกําลังเท่าใด ตามประสบการณ์พวกเขา หลันซูเหยาน่าจะครอบครองพลังอันเลิศล้ำ ทว่านางไม่มีทางใช่เซียน

 

“บุก!”

 

“จับตัวพวกมัน!”

 

“พวกเรามีครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์หลายคน คิดจับพวกมันสองคนเป็นเรื่องง่ายดาย!”

 

ตระกูลหลงและพันธมิตรพลันร้องตะโกนเสียงดังคนแล้วคนเล่า ฟากฟ้าแทบต้องสั่นสะเทือน เพราะเสียงร้องที่ดังกึกก้องทั่วคฤหาสน์รัศมีมังกร ตอนนี้เอง จักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียนหลายต่อหลายคน ต่างปลดปล่อยออร่ารุนแรงที่มองไม่เห็นเข้าสั่นสะท้านทั้งอาณาเขต

 

ฝูงชนที่รับชมจากบนฟ้าห่างไกลออกไปต่างรับรู้ได้ ว่าภาพฉากที่เห็นตอนนี้มันเริ่มสั่นไหวแม้พวกเขาลอยตัวอยู่ มันราวกับเกิดศึกครั้งใหญ่เข้าน้ำนั่นของกองกําลังอันเกรียงไกร และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขารู้สึกว่าเรื่องราวชวนขบขัน คนของตระกูลหลงเหล่านี้ ต่างเผยออร่าเป็นล้นพ้นเพื่อโจมตีคนเพียงสอง

 

หลันซูเหยาก้าวเดินออก เนตรศักดิ์สิทธิ์สีครามของนางเผยประกายแสงสีน้ำเงินลึกล้ำ

 

“หากยังมีดวงตาสี่เหลี่ยมนั่นอยู่คงดีไม่น้อย!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

 

หลันซูเหยาได้รับดวงตาสี่เหลี่ยม ทว่าก็ถูกมังกรภูตผีกลืนกินเข้าไป ฉินหยุนยังคิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างสูญเปล่า และแม้ไม่มีดวงตาสี่เหลี่ยม เนตรศักดิ์สิทธิ์ของนางก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง มันปลดปล่อยลําแสงสีน้ำเงินลึกล้ำราวกับเป็นคลื่นทะเลสูงใหญ่ โถมเข้าใส่กลุ่มคนที่เบื้องหน้า ผู้คนที่พุ่งทะยานเข้ามา เวลานี้ต่างเชื่องช้าลง

 

“ฆ่า!”

 

กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกในมือฉินหยุนสั่นเทิ้ม ราวกับมันตื่นเต้นยินดีที่จะได้กลืนกินจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งจํานวนมาก ร่างเขาพุ่งทะยานเข้าใส่ฝูงชนลงมือสังหารอย่างไร้ซึ่งปรานี

 

ผู้คนที่อยู่แนวหน้าคือจักรพรรดิยุทธ์ แม้พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะวิเศษ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก มันก็ไม่ต่างอะไรกับแผ่นกระดาษเปื่อยยุ่ย ฉินหยุนสังหารคนแล้วคนเล่าด้วยกระบี่ราวตัดหญ้าในสวนก็ไม่ปาน

 

เจี้ยนสือเทียนและคณะคิดอยากลงมือ ทว่าเขาทราบดี ว่าลําแสงสีครามเหล่านั้นชวนสะพรึงเพียงใด มีแต่ฉินหยุนที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อลําแสงนั้น ยามที่ลําแสงสีครามสาดส่องที่กายเขา มันจะไร้ซึ่งผลกระทบใดบังเกิด

 

นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ฉินหยุนไม่ต้องการให้คนหมู่มากร่วมทางมา เพราะหากมา พวกเขาจะไม่อาจลงมือเช่นนี้ ดังนั้นคอยอยู่คุ้มกันนครเชียนยุทธภัณฑ์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

 

ครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ำไม่ได้ออกหน้า พวกเขาเลือกที่จะหลบอยู่ด้านหลัง ลําแสงสีครามที่สุกสว่างปลดปล่อยออกจากหลันซูเหยา มันเข้าปกคลุมทั่วทั้งลานกว้างหน้าทางเข้าคฤหาสน์รัศมีมังกร ดังนั้นแม้หลบซ่อน ก็ยังต้องถูกแสง

 

คณะคนตระกูลหลงปรามาสพลังหลันซูเหยาต่ำเกินไป ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม ตําหนักจารึกเทวะ ตระกูลหยาง ตระกูลเทียน และจากพันธมิตรตระกูลหลงทั้งหลาย เวลานี้ล้วนถูกฉินหยุนสับฟันจนถึงแก่ความตายหมดสิ้น ร่างกายที่ไร้ซึ่งชีวิต ก็ถูกเขานําเอาไปเช่นเดียวกัน

 

แม้หลันซูเหยายืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ทว่าเนตรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นส่วนชวนสะพรึงที่สุดของนางไม่จําเป็นต้องให้นางเคลื่อนไหว ลําแสงสีครามที่ปลดปล่อยออกมา มันมีพลังอํานาจการสะกดผู้คนจนทําให้ยืนนิ่งค้างไม่ไหวติงได้

 

ทุกครั้งที่ฝูงชนรับชมได้เห็นครึ่งเซียนถูกสังหาร พวกเขาจะโห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี เพราะเสียงโห่ร้องแต่ไกลดังต่อเนื่อง เป็นผลให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นยิ่งเท่าทวีความร้อนแรง

 

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ..

 

ทั้งจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียน พวกเขาถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในแดนวิญญาณอ้างว้าง จํานวนก็มีเพียงน้อยนิด ตอนนี้ ผู้คนระดับพวกเขากลับต้องถูกสับฟันหันร่างประหนึ่งไก่เข้าโรงเชือด

 

เรื่องนี้ยังส่งผลให้หลายคนต่างต้องตื่นตะลึง พวกเขาล้วนปรารถนาก้าวถึงจักรพรรดิยุทธ์หรือครึ่งเซียน กระนั้นที่พบเห็นตรงหน้ากลับอ่อนแออย่างยิ่ง! ต่อหน้าพลังอันเหนือล้ำ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับปุถุชนคนทั่วไป

 

เพียงเวลาแค่ชั่วอึดใจ พื้นดินกลับกลายเป็นถูกย้อมด้วยเลือด! กลิ่นเหล็กของเลือดเหม็นคละคลุ้งรุนแรงฟังกระจาย ลําแสงสีน้ำเงินยังคงปกคลุมทั้งลานกว้าง ออร่าแห่งความตายอันอื่นขมกระจัดกระจายในบริเวณอย่างอัดแน่น กระนั้น มันก็ราวกับภาพฉากอันงดงามสําหรับใครบางคน

 

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!

 

ฉินหยุนยังคงสับฟันอย่างต่อเนื่อง เขาปลดปล่อยมีดบินออกมาพรากเอาชีวิตของราชันยุทธ์และยอดยุทธ์ จันทราทมิฬของเขาเวลานี้ได้ปลดปล่อยพลังจิตอันเลิศล้ำซึ่งสามารถควบคุมมีดบินสังหารผู้คนราวผักปลา ยังคงมีบ้างที่สวมใส่ชุดเกราะเลิศล้ำขนาดมีดบินไม่อาจสังหาร ฉินหยุนจึงพุ่งทะยานเข้าไปจบชีวิตอีกฝ่ายด้วยกระบี่สับฟัน

 

ลานกว้างทางเข้าคฤหาสน์รัศมีมังกร รูปสลักมังกรอันยิ่งใหญ่ที่ตรงกลาง มันได้ถูกย้อมด้วยเลือดที่เบ่งบานกับพื้นกระจายออกเป็นวงกว้าง

 

“ส่งวิญญาณยุทธ์ของเฉียวเฟิงมา!”

 

น้ำเสียงฉินหยุนอัดแน่นด้วยโทสะโกรธแค้น จิตสังหารของเขาแผ่ขยายทั่วทิศทาง ส่งผลให้ผู้คนในบริเวณต่างต้องสั่นสะท้านทางจิตวิญญาณ

 

ทั้งตระกูลหลงและพันธมิตร ศึกนี้พวกเขาถูกสังหารมากมายไม่อาจนับ! ตอนนี้มีแต่ครึ่งเซียนตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ำจํานวนหนึ่งที่ยังมีชีวิตรอด

 

พวกเขาวางแผนคิดโจมตีบุกทําลายนครเชียนยุทธภัณฑ์ กระนั้นก่อนทันได้บุกโจมตี ฉินหยุนกลับมาเคาะประตูบ้านพวกเขาพร้อมทําลายทุกสิ่งอย่างที่วางไว้

 

ความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขา คือการประเมินพลังอํานาจของหลันซูเหยาต่ำเตี้ยเกินไป พวกเขาคิด ว่าลําแสงสีครามจากดวงตาของนางทําได้เพียงจัดการคนจํานวนไม่มาก

 

พวกเขาไม่เคยคาดคิด ว่าตราบเท่าที่ถูกแสงนั้นเข้าปกคลุม พวกเขาจะกลายเป็นไม่อาจขยับเคลื่อนไหวร่างกาย

 

“ฉินหยุน ที่นี่มีหลายผู้คนเฝ้ามอง ความจริงที่เจ้าสังหารผู้อาวุโสของเขตแดนลึกล้ำจะแพร่กระจายในไม่ช้า! เจ้าไม่มีวันได้ทราบ ว่าสํานักแห่งเขตแดนลึกล้ำนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด!” ชายชราจากเขตแดนลึกล้ำกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ทว่าสีหน้านั้นเผยออกแต่ความหวาดกลัว

 

สํานักจากเขตแดนลึกล้ำย่อมทรงอํานาจ และยังมีจํานวนมากมาย ทว่าฉินหยุนหาได้สนใจไม่เขาสับฟันกระบี่อย่างไร้ซึ่งความลังเลและปรานี

 

ครึ่งเซียนไม่กี่คนจากเขตแดนลึกล้ำ เวลานี้ถูกฉินหยุนสังหารแทบหมดสิ้น ตัวฉินหยุนเกลียดชังผู้คนของเขตแดนลึกล้ำเป็นล้นพ้นอยู่ก่อนแล้ว

 

อีกฝ่ายคือผู้คิดเข้าปกครองแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก โดยร่วมมือกับตระกูลหลง เพื่อที่ฝักฝ่ายใหญ่ทั้งหลายของเขตแดนนอกจะไม่อาจบุกโจมตีเขตแดนลึกล้ำ ทั้งยังจะได้ควบคุมเขตแดนนอก

 

ตอนนี้ ที่ยังเหลือรอด มีแต่คนของตระกูลหลงแล้ว!

 

“จงกล่าวออกมา วิญญาณยุทธ์ของเฉียวเฟิงอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนวางกระบี่พาดบนลําคอของชายชราตระกูลหลง น้ำเสียงกล่าวถามอย่างคุกคามถึงชีวิต

 

“เจ้าคิดอยากทวงวิญญาณยุทธ์มังกรและหงส์อมตะของเฉียวเฟิงกลับคืนอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ! พวกเราส่งมันไปยังฐานใหญ่ของตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าแล้ว! หากเจ้ามีความกล้า เช่นนั้นจงไปนํามันกลับคืนมาเอง ฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายชรากล่าวคําจบ ร่างนั้นจึงกระตุกรุนแรง เขาคิดอยากทําลายตนเอง ด้วยครึ่งเซียนทําลายตนเอง นั้นถือเป็นพลังอํานาจชวนสะพรึง

 

ฉินหยุนพลันโบกกระบี่ในมือไหววูบ ปลิดชีพชายชราพร้อมเก็บร่างนั้นใส่เข้าไปยังไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ที่แห่งนั้น คือสถานที่รวมตัวกันของร่างผู้ตายที่เขารวบรวมไว้

 

ฉินหยุนที่สังหารชายชราแล้ว เสียงคํารามร้องของมังกรอันกราดเกรี้ยวจึงดังขึ้นจากที่ไกลออกไป

 

ฟุบ ฟุบ!

 

สายลมพัดพารุนแรง เป็นผลให้ฝูงชนที่รับชมร้องตะโกนดังออกมาพร้อมหันมองทิศทางเสียงคํารามร้องของมังกร

 

พวกเขาได้เห็นแสงสีทองเปล่งประกายจากระยะไกล มวลเมฆสีทองกําลังพุ่งทะยานเข้ามา มังกรร่างใหญ่ยักษ์ราวหนึ่งพันเมตรปรากฏให้เห็น ร่างใหญ่โตกําลังทะยานผ่านฟากฟ้า พร้อมปลดปล่อยเสียงคํารามร้องข่มขวัญคุกคาม

 

กําลังเสริมจากแคว้นมังกรทะยานฟ้ามาถึง! ทว่าพวกเขามาสายเกินไป!

 

ตระกูลหลงไม่ใช่ถูกล้างสังหารจนสิ้น ผู้ที่ตายส่วนใหญ่เป็นครึ่งเซียน จักรพรรดิยุทธ์ ราชันยุทธ์ และยอดยุทธ์ที่เก่งกาจ ยังคงมีผู้อ่อนแอในคฤหาสน์รัศมีมังกรหลงเหลือ และพวกเขาเวลานี้ต่างมีแต่ความหวาดกลัวเกาะกุม

 

ผู้คนจากแคว้นมังกรทะยานฟ้าย่อมมาจากตระกูลหลง พวกเขากระทั่งนํามังกรที่แข็งแกร่งร่วมทางมาด้วย! หลายคนที่นี้ใช้ชีวิตมายาวนาน ทว่าก็ไม่เคยได้พบเห็นมังกรที่ยังมีชีวิต ครานี้ค่อยมีโอกาสได้เห็น ทั้งยังเป็นมังกรที่ทรงพลังอํานาจ

 

“ท่านปู มังกรตัวนั้นแข็งแกร่งเพียงใดกัน?” เจี้ยนหนันหู่กล่าวถาม

 

“แข็งแกร่งมาก! กระทั่งว่าพวกเราใช้ชีวิตเสี่ยงเข้าสู้ คิดเอาชนะมันก็ยังเป็นเรื่องยาก!” เจี้ยนสือเทียนพลันเป็นกังวลต่อฉินหยุนและหลันซูเหยา

 

ทันที่ที่ผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้ามาถึง พวกเขาร่อนลงที่ภายในคฤหาสน์รัศมีมังกร พบว่าฉินหยุนและหลันซูเหยาได้ก่อการโหดเหี้ยม สังหารหมู่ผู้คนกระจัดกระจายทั้งลานกว้าง ผู้มาถึงมีเพียงสาม ทว่าทั้งหมดคือครึ่งเซียน พวกเขาพุ่งทะยานขึ้นหลังมังกรบนฟากฟ้า ก่อนจะมองฉินหยุนและหลันซูเหยาจากที่สูง

 

“ฉินหยุน เจ้าสังหารผู้คนตระกูลหลงของเราไปมาก แม้เจ้าตายนับหมื่นครั้ง กรรมที่เจ้าก่อครั้งนี้ก็ไม่อาจสะสาง! พวกเราจะจับตัวเจ้าไปทรมานตลอดชั่วชีวิตที่เหลือ ทําให้ชีวิตเจ้าต้องเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” ชายชราที่ยืนด้านบนหลังมังกรกล่าวคําออกด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น

 

“ข้าแกะสลักโทเทมมังกรที่วิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเฟิง! ผู้ใดนําวิญญาณยุทธ์ของนางไป ข้าจะสังหารพวกมันให้สิ้น! พวกเจ้านําวิญญาณยุทธ์ของนางไป และยังมีเจตนาไม่คิดส่งคืน ดังนั้นข้าจึงเหลือเพียงแต่ทางเลือกกวาดล้างทั้งตระกูลหลงของเจ้า!” ฉินหยุนบอกกล่าวต่ออีกฝ่ายอย่างกราดเกรี้ยว

 

เพราะสื่อชิงเฉิงและสุยเทียนสื่อถูกตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าลงคําสาป สีหน้าของหลันซูเหยาเวลานี้จึงเย็นเยือก

 

“เหอะ เจ้าหรือคิดกวาดล้างพวกเราตระกูลหลง? ช่างอ่อนต่อโลกนัก! พวกเราตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า คือฝักฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตแดนนอกแห่งนี้! อย่าได้คิดว่า เพียงนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเจ้ามีเซียนคงอยู่เพียงฝ่ายเดียว พวกเราตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าย่อมมีมังกรเซียนผู้พิทักษ์! กระทั่งว่าเซียนนั่นมาด้วยตนเอง มันก็จะเป็นได้แค่อาหารของมังกรเซียน!” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังพร้อมหัวเราะอย่างอหังการ

 

ตระกูลเจี้ยนเดิมไม่ทราบ ทว่าตอนนี้ พวกเขาต่างได้ทราบแล้วว่าตระกูลหลงมีมังกรเซียน ดังนั้นความหวาดกลัวจงอดไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นเกาะกุมหัวใจ