บทที่ 260 ทามทอยเค้นถาม

รักหวานอมเปรี้ยว

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ตอนนี้หกปีผ่านไปแล้ว ระดับวิชาของรุ่นพี่น่าจะสูงกว่าอาจารย์ไปแล้ว”

“ดังนั้นนักสะกดจิตที่เก่งสุดยอดขนาดนี้ ส้มเปรี้ยวรู้จักได้อย่างไรกัน?” เปปเปอร์มองเขาอย่างสำรวจ

การันต์หมุนมีดผ่าตัดต่อ “ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ผมไม่รู้? และผมก็อยากรู้มากด้วย”

เปปเปอร์ดูออกว่าเขาไม่ได้โกหก ขมวดคิ้วเป็นตัวอักษรชวน

แม้แต่การันต์ก็ยังไม่รู้ ดูท่าส้มเปรี้ยวไม่ธรรมดาจริงๆ

เวลานี้ ผู้ช่วยเหมันตร์กลับมาพอดี

เปปเปอร์ให้เขาไปตรวจสอบศิษย์พี่ของการันต์โดยตรง และบอกกับเขาว่า ศิษย์พี่ของการันต์ ก็คือชายลึกลับคนนั้น

การันต์เห็นทั้งหมดนี้ในสายตา แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง

ความสัมพันธ์ของเขากับรุ่นพี่ไม่ดีเสียหน่อย

ดังนั้นเขาจะไปขัดขวางไม่ให้เปปเปอร์ตรวจสอบรุ่นพี่ได้อย่างไร

หลังจากที่ผู้ช่วยเหมันตร์จากไปอีกครั้ง เปปเปอร์มองไปทางการันต์ “ตอนนี้ควบคุมการสะกดจิตและการชี้นำทางจิตในตัวผมให้ผมหน่อย”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมต้องการเงินสองเท่า เพราะอย่างไรนี่ก็ถือเป็นงานนอก ถูกจับได้ ต้องถูกหักเงินเดือน” การันต์พูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

เปปเปอร์กวาดตามองเขาเรียบๆครู่หนึ่ง “ไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอก”

“งั้นก็ดี” เขาเก็บมีดผ่าตัด

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เปปเปอร์ตื่นขึ้นภายใต้เสียงดีดนิ้วของการันต์

วินาทีที่ลืมตาขึ้นมา เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ในใจรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สมองก็รู้สึกแจ่มใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเหมือนกัน

เขารู้ว่า การันต์ได้ควบคุมการถูกสะกดจิตและการชี้นำในตัวเขาเอาไว้แล้ว

“ขอบคุณมาก” เปปเปอร์มองไปทางการันต์ แล้วพูดขอบคุณเขา

ทั้งคนของการันต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยจนเหงื่อออกเต็มใบหน้า “ขอบคุณอะไรนั่นล้วนแต่เป็นของลวงตาทั้งนั้น เงินถึงก็พอ และผมบอกคุณเอาไว้ก่อนเลย ผมควบคุมเอาไว้ให้คุณได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ได้ปลดปล่อยการถูกควบคุม ดังนั้นต่อไป ขอแค่คุณลดการพบเจอกับส้มเปรี้ยว โดยพื้นฐานแล้วจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆอีก”

เปปเปอร์อืมออกมาคำหนึ่ง แสดงออกว่ารู้แล้ว

แต่แล้ววินาทีต่อมา การันต์ก็โยนระเบิดขนาดใหญ่ออกมาลูกหนึ่ง “ใช่แล้ว เมื่อกี้ตอนควบคุมการสะกดจิตให้คุณ ผมพบว่าคุณมีความจำช่วงหนึ่งที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วย”

“อะไรนะ?” สีหน้าเปปเปอร์ตึงเครียดขึ้นมา

นึกไม่ถึงว่าความทรงจำของเขา ก็มีปัญหาเหมือนกัน

หรือว่า ภาพที่แวบเข้ามาในหัวของเขาช่วงนี้ตอนที่เขาปวดหัว ก็คือความทรงจำช่วงที่ถูกปิดผนึกเอาไว้?

“คุณสามารถเปิดผนึกได้ไหม?” เปปเปอร์ถามเสียงต่ำ

การันต์ฮึเย็นชาออกมา “ถ้าหากผมทำได้ ผมเปิดผนึกให้คุณไปนานแล้ว ขอเงินเพิ่มอีกหนึ่งเท่าตัว รอให้คุณจับรุ่นพี่ผมได้แล้ว ให้เขาทำเองเถอะ”

เขาโบกมือ ลากเอาร่างกายที่เหนื่อยล้า เดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

เปปเปอร์ก้มหน้าเอาไว้ มองไม่เห็นการแสดงออกทางสีหน้า แต่ไอความเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา ทำให้ห้องพักผู้ป่วยทั้งห้องอึดอัดขึ้นมา

เขาคิดไม่ถึงว่า เขาไม่เพียงแต่ถูกสะกดจิตเท่านั้น แม้แต่ความทรงจำก็ยังถูกคนทำให้บิดเบือนไป

ส้มเปรี้ยว คุณมันแน่จริงๆ!

อีกด้านหนึ่ง คอนโดพราวฟ้า

ทามทอยทานข้าวเสร็จ ก็ช่วยเก็บถ้วยชามด้วยตัวเอง

มายมิ้นท์พิงอยู่ที่ประตูห้องครัวมองดูเขาล้างจาน “ฉันนึกว่าคุณชายอย่างคุณ จะทำงานบ้านประเภทนี้ไม่เป็นเสียอีก”

“ล้อเล่นหรือไง ผมเคยเป็นทหารนะ เรื่องแค่นี้จะทำไม่เป็นได้อย่างไร” ทามทอยพูดอย่างภูมิใจ

“คุณเคยเป็นทหาร?” ทีนี้มายมิ้นท์รู้สึกประหลาดใจจริงๆแล้ว

ทามทอยเอาถ้วยชามที่ล้างสะอาดแล้วใส่เข้าไปในตู้ฆ่าเชื้อ “แน่นอน เคยเป็นอยู่หลายปีด้วย ถ้าไม่ใช่สาเหตุบางประการ ตอนนี้ผมน่าจะยังอยู่ในกองทัพ”

มายมิ้นม์เห็นตอนที่เขาพูดถึงสาเหตุบางประการ ในแววตามีประกายความเศร้าเสียใจเล็กน้อย หยุดถามต่อในทันที

เธอไม่ใช่คนประเภทที่ชอบสอบถามเรื่องเศร้าเสียใจของคนอื่น

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา

มายมิ้นท์หันหลังกลับไปยังห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชา แล้วรับสายโทรศัพท์

สองนาทีผ่านไป การสนทนาจบลง

ทามทอยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ใครอ่ะ?”

“สถานฑูตน่ะ โทรมาแจ้งว่าวีซ่าของฉันได้รับการอนุมัติแล้ว” มายมิ้นท์พูดพร้อมวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะน้ำชา

ทามทอยเลิกคิ้ว “คุณจะไปต่างประเทศ?”

“ทำแท้ง” มายมิ้นท์บิดขี้เกียจแล้วตอบคำถาม

ทามทอยกระตุกมุมปาก “คุณนี่ตรงดีจริงๆ”

มายมิ้นท์ยิ้มเบาๆ “ไม่อย่างนั้นล่ะ? ฉันยังต้องตอบคำถามคุณอย่างอ้อมค้อมไม่ตรงประเด็นเหรอ เหนื่อยหรือเปล่าล่ะ”

“ก็จริงนะ แต่ว่าทำไมคุณถึงคิดจะไปทำแท้งที่ต่างประเทศได้ล่ะ?” ทามทอยไม่เข้าใจอย่างมาก

รอยยิ้มบนใบหน้าของมายมิ้นหุบลง เล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำแท้งครั้งก่อนในโรงพยาบาลออกมา

ทามทอยฟังจบ ใช้มือตบไปที่โต๊ะ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกเขานี่คือเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”

เสียทีที่การันต์เป็นถึงหมอคนหนึ่ง

นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีจรรยาบรรณของความเป็นหมอเลย เรื่องไร้มนุษยธรรมแบบนี้ยังทำได้

“ยังดีที่คุณไม่เป็นไร” ทามทอยมองดูมายมิ้นท์อย่างรู้สึกหวาดผวาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

มายมิ้นท์ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำไปหนึ่งคำ “ใช่ ฉันโชคดีมากเลย”

หากไม่ใช่ว่าการันต์เห็นไฝแดงตรงข้อมือของเธอทันเวลา

บางทีเธออาจจะถูกใส่เข้าในกล่อง ฝังลงดินไปแล้วก็ได้

“เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านไปแบบนี้ไม่ได้ การันต์สามารถรับปากฆ่าคนได้ง่ายดายขนาดนี้ มือคงไม่สะอาดแน่ ต้องลองสืบดูแล้ว!” ทามทอยหรี่ตาแล้วพูด

มายมิ้นท์ยื่นน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง “ถ้างั้นก็ปล่อยเป็นหน้าที่คุณแล้ว”

“วางใจเถอะ” ทามทอยตบหน้าอกตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้ม

จากนั้น ทั้งสองก็คุยเรื่องอื่นกันอยู่สักพัก ทามทอยก็ขอตัวจากไป

หลังจากเขาออกจากคอนโดพราวฟ้า เขาไม่ได้กลับตระกูลชุติเกษม แต่ขับรถไปโรงพยาบาล

เปปเปอร์นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนมือยังมีเข็มหยอดน้ำเกลือคาอยู่ แต่บนตักของเขากลับมีแล็ปท็อปวางอยู่เครื่องหนึ่ง สองมือกำลังพิมพ์อยู่บนนั้นอย่างรวดเร็ว

ทามทอยเคาะประตู “โย้ ไม่สบายยังจะทำงานถวายหัวขนาดนี้เลย จิตวิญญาณแบบนี้ ทำให้คนนับถือจริงๆ”

เปปเปอร์หยุดการกระทำในมือ เงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำเสียงเย็นชาเฉยเมย “คุณมาทำอะไร?”

“ผมมาเยี่ยมไข้ไง” ทามทอยยกผลไม้ในมือ ก้าวเท้าเดินเข้ามา

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมอยู่นี่?”

“แน่นอนว่าเพราะเห็นมากับตาไง คุณหมดสติหน้าบ้านมายมิ้นท์ ผมยังช่วยคุณเร่งผู้ช่วยเหมันตร์อยู่เลย ให้เขารีบพาคุณมาโรงพยาบาล เป็นอย่างไร ผมที่เป็นพี่น้องคนนี้มีน้ำใจพอไหม?” ทามทอยวางผลไม้ลง ในแววตามีประกายแสงสลัวขึ้นมาเล็กน้อย พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

มือที่วางอยู่บนคีย์บอร์ดของเปปเปอร์ กำแน่นขึ้นมาในทันที

เขาจะฟังไม่ออกได้อย่างไร ทามทอยจงใจเปิดเผยว่าเห็นเขาที่บ้านมายมิ้นท์

เปปเปอร์ปิดคอมพิวเตอร์ลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณไปที่บ้านมายมิ้นท์ได้?”

ทามทอยดึงเก้าอี้มานั่งลง “ผมไปหาเธอก็ต้องมีธุระอยู่แล้ว กลับเป็นคุณเองเสียมากกว่า ดึกขนาดนี้คุณไปบ้านมายมิ้นท์ เกรงว่าคงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง คุณไม่กลัวว่าส้มเปรี้ยวจะรู้เหรอ?”

“เธอรู้หรือไม่รู้ก็ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น เรากำลังจะยกเลิกการแต่งงานแล้ว” เปปเปอร์วางคอมพิวเตอร์เอาไว้บนหัวเตียง พูดด้วยเสียงเย็นชา

สีหน้าของทามทอยก็เย็นชาลงมาเช่นกัน “ยกเลิกการแต่งงานแล้วหลังจากนั้นล่ะ? ไปตามง้อมายมิ้นท์กลับมา แล้วแต่งงานใหม่กับมายมิ้นท์?”

เปปเปอร์ฟังความโกรธในน้ำเสียงของเขาออก ริมฝีปากบางเม้มความเย็นชาออกมาเล็กน้อย “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”

“มันเกี่ยวแน่นอนอยู่แล้ว เปปเปอร์คุณอย่าลืมนะ คุณเคยรับปากผมไว้แล้ว ตอนที่ผมจีบมายมิ้นท์ คุณจะไม่มาขัดขวาง แต่ตอนนี้คุณเป็นอะไรของคุณ คุณไปบอกมายมิ้นท์ถึงที่ ว่าคุณรักเธอ?” ทามทอยยืนขึ้นมา

สายตาเปปเปอร์สบตากับเขาอย่าใจเย็น “ใช่ ผมรักเธอ ดังนั้นผมจะขอเธอคืนดี แต่งงานซ้ำกับเธอให้ได้! และคุณก็ดูออกนานแล้วไม่ใช่เหรอว่าคนที่ผมรักไม่ใช่ส้มเปรี้ยว แต่เป็นมายมิ้นท์ต่างหาก? ดังนั้นคำพูดที่คุณพูดกับผมในตอนนั้น เกิดจากจิตใจแบบไหนกันแน่ คุณกับผมต่างก็รู้กันดี!”

“ผม……” ทามทอยสำลักไปครู่หนึ่ง จากนั้นกำหมัดแน่น “ใช่ ผมยอมรับผมพูดเรื่องพวกนั้น ก็เพื่อขัดขวางไม่ให้มีวันใดวันหนึ่งที่คุณรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็มาตามจีบมายมิ้นท์ใหม่อีก แต่ผมคิดไม่ถึงว่าวันนี้มันจะมาจริงๆ แถมยังมาเร็วขนาดนี้ แต่ว่าเปปเปอร์ ตอนนั้นคุณรับปากผมแล้ว ตอนนี้คุณก็มากลับคำ คุณไม่รู้สึกว่าการกระทำแบบนี้มันน่าละอายเหรอ?”