ตอนที่ 583 - จิตวิญญาณนักรบ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

Ep.583 – จิตวิญญาณนักรบ

แซดมองฉินเฟิงราวกับกำลังจ้องมองเหยื่อ รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนมุมปากเขา

ช่วงเวลานี้ ความบ้าคลั่งที่เก็บงำตลอดมา ได้ถูกเปิดเผยโดยสิ้นเชิง

ทั้งร่างฉินเฟิงขนลุกเกรียว ตื่นตัวเต็มที่ ส่วนไป๋หลีที่อยู่ข้างๆ หากเธออยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์ร้าย ตอนนี้ขนตามตัวหรือหางคงฟูฟ่อง

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?” ฉินเฟิงกล่าว

แซดคล้ายประหลาดใจเล็กน้อยกับคำตอบของฉินเฟิง หัวเราะออกมา “ทำไมต้องปฏิเสธด้วย? นี่คือการทดลองครั้งยิ่งใหญ่เลยนะ ฉินเฟิง บางทีในอนาคต นายอาจได้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เป็นผู้พิทักษ์อีกคนหนึ่งเลยก็ได้”

“แน่นอนฉันจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่จะไม่ใช้ทางลัดแบบนั้น!”

แซดไม่เห็นด้วย ส่ายศีรษะกล่าว “งั้นนายจะฉีดยาปลุกพลังไปทำไม นั่นก็ ‘ทางลัด’ เหมือนกันไม่ใช่หรอ? รู้รึเปล่าวว่าช่วงแรกที่รอยแยกมิติปรากฏขึ้น พลังของผู้ใช้อบิลิตี้จะตื่นขึ้นเองตามธรรมชาติ ในขณะที่พลังของผู้ใช้วรยุทธโบราณจะตื่นขึ้นจากการฝึกฝนตั้งแต่ทารก ไหนจะเรื่องอายุยืนยาวอีก ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมนายถึงปฏิเสธ”

ฉินเฟิงก่นด่าในใจ ก็ยาของแกมันทำให้มนุษย์เสียสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต ใครเล่าจะไม่ปฏิเสธ?

มีเฉพาะนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องประเภทนี้เท่านั้นที่ไม่สนใจชีวิตมนุษย์ หรือจะพูดอีกอย่างว่า ไม่เคยเห็นหัวใครเลยในสายตาของตัวเอง

เมื่อเห็นฉินเฟิงไม่ตอบ ทั้งยังแสดงท่าทีต่อต้าน แซดก็หัวเราะออกมา

“งั้นบางที คงต้องให้นายได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฉัน นายจะได้ตระหนักว่า วิธีของฉันคือหนทางที่ถูกต้อง สำหรับคนที่ไม่เชื่อในตัวฉัน ฉันมักใช้วิธีนี้สยบพวกมันมาโดยตลอด!”

ฉินเฟิงกัดฟันกรอด วิธีที่แซดบอก ฟังยังไงก็ไม่ต่างจากการบังคับกันชัดๆ!

ช่วงจังหวะนั้นเอง กลิ่นอายแปลกๆบนร่างของแซด เริ่มบังเกิดความผันผวน

ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงเคยตรวจสอบกลิ่นอายของแซดมาแล้ว ผลคือมันราบลื่น มั่นคงมาก ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา ทว่าฉินเฟิงไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย แม้ยังไม่เห็นความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม แต่แซดกลับให้ความรู้สึกราวกับว่าหุบเหวลึกอันไร้ก้นบึ้ง อันตรายเกินกว่าจะคาดหยั่งได้

ในเวลานี้ กลิ่นอายแปลกๆ ในที่สุดก็เริ่มแพร่กระจาย เหนือหัวของแซด ท่ามกลางความว่างเปล่าบังเกิดร่างเงาบางอย่าง อันเปี่ยมไปด้วยพลังงานแสนบริสุทธิ์ขึ้น

นี่มิใช่พลังสมาธิ มิใช่กำลังภายใน แต่ราวกับว่าทั้งสองสิ่งที่กล่าวมามันผสานเข้าด้วยกัน พลังงานของมัน มองไปคล้ายพลังงานที่เกิดจากเหรียญพลังงาน

แซดอ้าปากและกล่าวว่า “กำลังภายในน่ะแบ่งออกเป็นสามขั้น”

“หนึ่งคือกำลังภายในรูปแบบแก๊ส แก๊สกลั่นรวมกันเป็นใย , ใยกลั่นรวมเป็นหมอก , หมอกลั่นรวมเป็นทะเลเมฆ”

“สองคือกำลังภายในรูปแบบของเหลว , ของเหลวกลั่นรวมเป็นแอ่ง , แอ่งกลั่นรวมเป็นสระ , สระกลั่นรวมเป็นทะเลสาบ สุดท้ายเป็นมหาสมุทร”

“สามคือกำลังภายในรูปแบบของแข็ง เริ่มจากกลั่นรวมกันเป็นศิลา จากศิลาเป็นขุนเขา และจากขุนเขาเป็นแผ่นดินใหญ่!”

น้ำเสียงของแซด คล้ายกำลังร่ายบทกวียืดยาว

ฉินเฟิงเองก็ทราบถึงเรื่องนี้ แต่เฉพาะในกำลังภายใน ในส่วนที่เหนือเลเวล S เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

กำลังภายในจะกลายเป็นศิลาได้อย่างไร? ไหนจะกลายเป็นขุนเขาและแผ่นดินใหญ่อีก

“แรกเริ่ม ตันเถียนเปรียบเสมือนกำปั้น , เสมือนเครื่องโม่ , เสมือนห้องหับ , เสมือนแอ่งน้ำ , เสมือนสระน้ำ , เสมือนทะเลสาบ , เสมือนมหาสมุทร , เสมือนหลุมลึก , เสมือนผืนฟ้า , เสมือนจักรวาล!”

“ในขณะที่อบิลิตี้จะเหนือกว่าวรยุทธโบราณ ไม่เพียงในด้านต้านทานศัตรู แต่มันสามารถอยู่ในรูปแบบสุดท้ายได้ทันที เพราะหากสามารถปลุกอบิลิตี้ให้ตื่นขึ้นได้เพียงครั้งเดียว พลังสมาธิจะเปรียบดั่งจักรวาล มีแกนกลางเป็นดาวเคราะห์ มันสามารถไปหยุดยืนในขีดจำกัดที่วรยุทธโบราณสามารถเอื้อมถึงได้!”

“ในขณะที่สัตว์ร้ายเปรียบเสมือนภูเขา , เสมือนเกาะ แล้วแบบนี้มนุษย์ตัวจ้อย จะสามารถต่อกรกับสัตว์ร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร?”

แซดยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ขณะกล่าว กลิ่นอายของเขายิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง

ฉินเฟิงถูกกดดันจนจำต้องชักฝีเท้าถอยห่างจากแซด ถอยก้าวแล้วก้าวเล่า กระทั่งไป๋หลียังไม่กล้าต่อต้านเขา

“ไอ้นี่มันบ้าของจริง ต่อให้เขาไม่ได้ผสานรวมเข้ากับแก่นสัตว์ร้ายระดับเทวะ แต่อำนาจอันน่าสะพรึงที่กำลังปลดปล่อยอยู่นี้ สามารถถือกำเนิดขึ้นได้จากในเลเวล A ขึ้นไปเท่านั้น!” ฉินเฟิงกล่าวพลางถอย

ขณะนี้ เหนือศีรษะของแซด เงาร่างเริ่มปรากฏขึ้น และมันค่อยๆจับตัวกันเป็นรูปเป็นร่าง แลดูราวกับมีชีวิตจริงๆ

สุดท้าย เงาร่างก็เผยโฉมโดยสมบูรณ์ รูปลักษณ์ของมันชวนให้ฉินเฟิงพาลคิดไปว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขา คือสัตว์ร้ายเลเวล S อันน่าสะพรึงกลัว

มันมีเขาเหมือนกวาง , หูเหมือนวัว , กรงเล็บเหมือนอินทรี , ลำตัวเหมือนงู และเกล็ดเหมือนปลา!

นี่คือหนึ่งในเอกลักษณ์ของอันเป็นตำนานอย่างมังกรจากฟากตะวันออก!

แต่มังกรนี้ ตลอดทั้งตัวถูกปกคลุมไปด้วยสีดำสนิท ทุกเกล็ดของมัน ภายใต้เงาสะท้อนของหิมะสีขาว ราวกับคริสตัลที่ไม่มีวันถูกทำลาย

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ขนาดของมังกรทมิฬตัวนี้

ฉินเฟิงรู้สึกได้ว่า ตลอดทั้งวิสัยทัศน์ของเขาถูกมังกรตัวนี้บดบัง ร่างกายของมันว่ายวนคดเคี้ยวเป็นวง ลำตัวยาวเหยียดคล้ายเข้ามาแทนที่มวลเมฆ ร่ายระบำไปทั่วฟ้า!

ขนาดของมันใหญ่โตจนน่าหวาดกลัว

นี่เหมือนกับที่แซดเคยพูดไว้ –สัตว์ร้ายเสมือนภูเขา เสมือนเกาะ

–ครอบครองขนาดใหญ่โตชนิดปกคลุมทั่วผืนฟ้า!

ตอนนี้ในที่สุดฉินเฟิงก็เข้าใจ ที่แซดให้คำนิยามว่ามนุษย์ตัวจ้อยจะไปต่อกรกับสัตว์ร้าย นั้นหมายความว่าอย่างไร

“นี่คือวิวัฒนาการของการกลายพันธุ์ ฉันเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่าการตื่นของจิตวิญญาณนักรบ! นับจากนี้ไปในอนาคต เจ้าสิ่งนี้จะเข้ามาแทนที่อาชีพผู้ใช้วรยุทธโบราณและผู้ใช้อบิลิตี้ –จะกลายมาเป็นอาชีพเดียวที่แข็งแกร่งที่สุด : นักรบวิญญาณ!”

“เอาล่ะฉินเฟิง! ตอนนี้นายจะยอมตกลงเข้าร่วมทดสอบการทดลองได้รึยัง? ถ้านายตกลง รับประกันเลยว่านายจะต้องแข็งแกร่งกว่าฉันแน่นอน!”

แซดกล่าว ขณะเดียวกันมังกรเหนือศีรษะของเขาก็ลดหัวลง ใช้สายตาอันน่ายำเกรงจ้องมองฉินเฟิง ราวกับว่าหากฉินเฟิงเอ่ยว่า ‘ไม่’ แค่คำเดียว มันจะทำลายเขาทันที

ในหัวใจของฉินเฟิงย้อนนึกไปถึงหานน่วนและคนอื่นๆ ในครั้งนั้น หลังจากปราการชาตงถูกวางยา หานน่วนกลับสามารถปลุกความสามารถใหม่ขึ้นมาได้ เธอสามารถเรียกเงาร่างของสัตว์ร้ายพิราบขาว!

ในทำนองเดียวกัน ปีนั้นตัวเธอเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ศักยภาพเธอดีขึ้นหลายส่วน ทั้งยังสามารถปลดปล่อยอบิลิตี้แสงและลม ถึงสองรูปแบบได้

ตอนนี้ แซดเรียกเจ้าสิ่งนั้นว่าจิตวิญญาณนักรบ และเบื้องหน้าเขาในตอนนี้ คงไม่พ้นรูปแบบที่จะปรากฏขึ้นหลังการวิวัฒนาการถึงขั้นสุดท้าย

มังกรทมิฬอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ฉินเฟิงการันตีได้เลย ว่าสิ่งที่มิได้ดูน่าเกรงขามแค่เฉพาะรูปลักษณ์ของมันแน่นอน

อย่างไรก็ตาม จะให้ฉินเฟิงตอบว่า ‘ตกลง’ อย่างงั้นหรอ? ไม่ได้เด็ดขาด แต่เขาก็ไม่สามารถเอ่ยปากว่า ‘ไม่’ เช่นกัน งั้นก็เหลืออยู่คำเดียวที่จะพูดได้–

“–หนี!”

ฉินเฟิงตะโกน คำนี้เพียงคำเดียว สามารถเป็นตัวแทนบ่งบอกสถานการณ์ในปัจจุบัน

วินาทีต่อมา ข้างกายฉินเฟิงพลันเกิดการเคลื่อนไหว ไป๋หลีสาดสะท้อนประกายแสงสีเงินระยับ

เปิดใช้งานอบิลิตี้มิติ!

หวืออ!

ทั้งสองหายวับไปจากสถานที่เดียวกัน ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งห่างออกไปนับพันเมตร

แต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงต้องตะลึงก็บังเกิดขึ้น

ปัจจุบัน ฉินเฟิงมิอาจมองเห็นร่างของแซดได้อีกต่อไป แต่บนท้องฟ้า มังกรทมิฬยังคงจดจ้องมาทางฉินเฟิง ราวกับว่ามันสามารถตระหนักถึงตำแหน่งของเขาได้ตลอดเวลา

หัวใจของฉินเฟิงกระตุกวูบ

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”

ต้องอยู่ห่างไกลเท่าใดกัน จึงจะหลบพ้นสายตาของมังกรยักษ์ตัวนี้

ตัวมันไม่ต่างจากดวงจันทร์ ที่ไม่ว่าเป้าหมายจะหลบหนีไปยังแห่งหนใด หากเพียงแหงนมอง ก็จะพบว่ากำลังถูกจ้องลงมาจากฟากฟ้าอยู่ดี นอกเหนือไปจากปล่อยให้กาลเวลาผ่านพ้น รุ่งอรุณมาเยือน มิฉะนั้นไม่ว่าคุณจะหลบหนีอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเร้นจากดวงจันทร์

และสถานการณ์ในตอนนี้ ก็ไม่ต่างไปจากที่อธิบายมาข้างต้นเลย

“ไป๋หลี เร่งมือ!”

ไป๋หลีไม่รั้งรอให้ฉินเฟิงกระตุ้นเตือนเธอมากไปกว่านี้ อบิลิตี้มิติระเบิดออกด้วยอำนาจเต็มพิกัด ทั้งเธอและเขากระพริบไหวอย่างต่อเนื่อง

หวือ หวือ หวือ หวือออ!

ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ฉินเฟิงกับไป๋หลีปรากฏกายขึ้นห่างออกจากจุดเดิมไกลถึงหมื่นเมตร

ช่วงเวลานี้ สิ่งที่ทำให้ฉินเฟิงสามารถอนหายใจโล่งอกได้ก็คือ มังกรทมิฬได้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง คล้ายอยู่ห่างไกลสุดเส้นขอบฟ้า

แต่ในวินาทีต่อมา ร่างเงามังกรทมิฬเริ่มว่ายวน โฉบกายข้ามผ่านผืนฟ้า ไล่ติดตามมา

กรงเล็บดั่งอินทรี กรีดลงมาจากฟากฟ้า

ฉากนี้ไม่ต่างไปจากไท่ซานกำลังถล่มทับ สร้างความสยดสยองหวาดกลัว

หวือออ!

ไป๋หลีใช้ออกด้วยรูนมิติอีกครั้ง ฉีกหนีจากการโจมตีถึงตายตรงหน้า!