บทที่ 572 ยกโทษ

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 572 ยกโทษ

หลิวชิงเหยาร้องไห้อยู่พักหนึ่ง และได้เงยหน้าขึ้นมองฉินเทียน ดวงตาของเธอบวมเหมือนลูกพีช

เมื่อฉินเทียนคิดว่าเธอกำลังจะรวบรวมความกล้าเพื่อลอบสังหารเขาอีกครั้ง คำพูดของเธอทำให้ฉินเทียนตะลึง

“คุณกอดฉันหน่อยได้ไหม?”

หือ?

ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า?

ฉินเทียนไม่ได้ตอบสนองอะไรไป

ค่ำคืนที่เงียบงัน ชายหญิงอยู่กันสองต่อสอง เธอ… จู่ๆ ให้ฉันกอดเธอ?

เป็นข้อเรียกร้องแบบไหนกัน?

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือ มีแผนการร้ายอะไร?

ประโยคต่อมาของหลิวชิงเหยาทำให้เขาเลิกต่อต้านทันที

“ถือว่า คุณกอดฉันแทนหลิวเช่อ”

หลิวเช่อ!

นี่คือชื่อที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ระหว่างฉินเทียนและหลิวชิงเหยา นอกจากนี้ยังเป็นที่มาของหนี้สินและความรู้สึกผิดทั้งหมดของเขา

เมื่อเห็นหลิวชิงเหยาเช่นนี้ ฉินเทียนก็รู้สึกเศร้าอยู่พักหนึ่ง เขายืดแขนออกเบา ๆ และโอบกอดหลิวชิงเหยาไว้ในอ้อมแขน

หลิวชิงเหยากอดเขาแน่นและร้องไห้อีกครั้ง

เวลาผ่านไปนาน เสียงร้องไห้จึงค่อยๆหยุดลง

“แม่ของฉันเล่าเรื่องพ่อของฉันให้ฉันฟังหมดแล้ว… ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะโทษคุณไม่ได้แล้วจริงๆ”

“เขายอมที่จะตาย…”

“แม่บอกว่าเขาตายอย่างลูกผู้ชาย ฉันควรที่จะภูมิใจในตัวเขา”

“แต่ฉัน… เสียใจจริงๆ ฉันคิดถึงเขามาก”

ฉินเทียนพูดไม่ออกและกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแน่นโดยไม่รู้ตัว

สายลมเอื่อยๆ และทะเลสาบเป็นประกายระยิบระยับ พระจันทร์เปรียบเหมือนตะขอเงิน

ทั้งสองกอดกันแน่น คนหนึ่งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ความอบอุ่นด้วยอ้อมกอดของเขา และอีกคนหนึ่งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอด

ในขณะนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงแต่เป็นเพียงการเอาใจใส่ตามธรรมชาติระหว่างผู้คน

หลิวชิงเหยาดูเหมือนจะถูกเก็บกดมานาน และมีหลายสิ่งในใจที่อยากจะพูด

ขณะที่สะอื้น เธอพึมพำคำสารภาพของเธอเป็นระยะๆ

“ตอนนี้ฉันรู้แล้วตั้งแต่แรกฉันไม่ได้เกลียดคุณจริงๆ…”

“ฉันบังคับตัวเองให้เกลียดคุณและแก้แค้นกับคุณ แค่ไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าหลิวเช่อตายแล้ว…”

“ตราบใดที่ฉันไม่เลิกล้างแค้น ชีวิตของเขาในชีวิตของฉันก็จะไม่มีวันสิ้นสุด เขายังคงอยู่ในโลกของฉัน…”

“ดูเหมือนว่าเขาสิงบนตัวคุณแล้ว ถ้าฉันยังคงหาทางแก้แค้นจากคุณฉันก็ยังคงสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขา…”

“คุณเข้าใจฉันไหม?”

ฉินเทียนกระซิบ: “ฉันเข้าใจ”

ความรักจากไปแล้ว แต่ความเกลียดชังยังคงดำเนินต่อไป

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นความคิดเดียวที่ทำให้หลิวชิงเหยามีชีวิตอยู่ได้มาเป็นเวลานาน

เมื่อเธอเลิกแก้แค้นก็เท่ากับยอมรับความจริงที่ว่าหลิวเช่อตายแล้ว

ตอนนี้ฉินเทียนเข้าใจแล้วว่าทำไมหลิวชิงเหยาถึงบอกให้เขากอดเธอแทนหลิวเช่อ

เธอต้องการสัมผัสความอบอุ่นของหลิวเช่อเป็นครั้งสุดท้าย

แม้ว่าหลิวเช่อต้องการที่จะตายด้วยตัวเอง แต่สารพิษในร่างกายของเขาก็สะสมอยู่นาน หากเขาไม่ตายก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นาน แต่ฉินเทียนก็รู้สึกผิดอยู่ดี

ก่อนหน้านี้ หลินหลงปิดบังหลิวชิงเหยา ก็เพื่อช่วยเป่ยเจียงและฉินเทียน

ตอนนี้เจ็ดเมืองทางใต้ก็รวมกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

หลิวชิงเหยานัดฉินเทียนมาวันนี้ ก็เพื่อจบสิ้นเรื่องอดีต

ฉินเทียนมองไปที่พระจันทร์เสี้ยวจางๆ ที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของท้องฟ้าเมื่อเมฆลอยกระจายตัวออก พระจันทร์เสี้ยวดูเหมือนจะสว่างขึ้น

เหมือนเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

นี่ไม่ใช่การเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือ?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็อดยิ้มไม่ได้และพูดว่า “เธอกำหนดวันแต่งงานกับคุณชายจี้แล้วหรือยัง”

“พวกเธอทั้งสองคนเป็นเพื่อนของฉัน จู่ๆฉันก็กังวลว่าฉันต้องให้ของขวัญสองชิ้นไหม?”

หลิวชิงเหยาไม่คาดคิดว่าฉินเทียนจะพูดเรื่องดังกล่าวในเวลานี้

เธอหน้าแดงทันทีแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฉินเทียนและพูดอย่างฉุนเฉียว: “ถ้าอย่างนั้นคุณกล้าดีอย่างไรมากอดภรรยาของเพื่อนคุณ”

ฉินเทียนผายมือออกและพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ” เธอเป็นคนกอดฉันเองนะ”

หลิวชิงเหยาถ่มน้ำลายพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉายผ่านดวงตาของเธอ

“ฉันก็แค่กอดคุณเท่านั้นเอง แล้วทำไมเหรอ?”

“ฉันจะบอกจี้ซิงว่าฉันจะไม่แต่งงานกับเขา ฉันจะเป็นชู้กับผู้นำ คุณว่ายังไง?”

ฉินเทียนอึ้งไป

“ห้ามเล่นแบบนี้นะ”

“ถึงขั้นตายได้นะ!”

หลิวชิงเหยาหัวเราะเบาๆ แล้วจึงปล่อยฉินเทียน

เมื่อเห็นเสื้อผ้าใหม่ของฉินเทียนซึ่งเปรอะเปื้อนด้วยน้ำมูกและน้ำตาของตัวเอง และนึกถึงการที่ทั้งสองกอดกันแน่นในเมื่อกี้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

ในวินาทีถัดมา เธอสะบัดผมของเธอ และคืนท่าทางที่เย็นชากลับมา

“สกุลฉิน ครั้งนี้ถือว่าคุณได้เปรี่ยบกับฉัน”

“หลังจากคืนนี้ ฉันจะเป็นคู่หมั้นของจี้ซิง ในไม่ช้าเราจะแต่งงานกันถึงตอนนั้นถ้าคุณอยากจะกอดฉันอีกคงจะยากแล้ว”

“ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ?”

“พูดตามตรง รูปร่างของฉันก็ไม่เลวใช่ไหม?”

ขณะที่เธอพูด เธอก็จงใจพองหน้าอกออกมา

เปลือกตาของฉินเทียนกระตุกหนึ่งที และเขาหันศีรษะกลับอย่างเร่งรีบ

“เลิกพูดเล่นได้แล้ว มันดึกแล้ว ฉันส่งเธอกลับบ้านเถอะ”

หลิวชิงเหยาหัวเราะและพูดว่า “คาดไม่ถึงว่าผู้นำพันธมิตรจะขี้ขลาดขนาดนี้”

“สกุลฉิน เนื่องจากการแสดงออกที่ดีของคุณ ตอนนี้ให้ฉันได้บอกคุณอย่างเป็นทางการ ฉันยกโทษให้คุณแล้ว”

“แต่ เมื่อถึงวันแต่งงานของฉัน ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะให้ของขวัญอะไรกับจี้ซิง แต่คุณก็ต้องเตรียมของขวัญให้ฉันเป็นส่วนตัวด้วย”

“มิฉะนั้น ฉันจะเอาเรื่องที่คุณกอดฉันไปบอกจี้ซิง”

“คุณมากอดฉันยังไม่พอ แถมมือยังลูบไปลูบมา”

“ฉันไม่ได้ทำแบบนั้น!” ฉินเทียนดูหดหู่

ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่า ผู้หญิงในโลกนี้โดยเฉพาะผู้หญิงสวยนั้น รับมือยากกว่าศัตรูอีกมาก

ถ้าเขาอยู่ต่อไป เขากลัวว่าตัวเองจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วจริงๆ

“ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ!”

“ฉันจะกลับไปนอน!”

“พรุ่งนี้เช้าตรู่ ฉันต้องรีบกลับไปหลงเจียงเพื่อพบภรรยาของฉัน!”

หลิวชิงเหยาตะคอกและจ้องมองไปที่ฉินเทียน

“แสแสร้ง!”

จากนั้นด้วยความโกรธเธอจึงลงไปชั้นล่างก่อน แม้ว่าเธอจะตั้งใจแกล้งฉินเทียนเท่านั้นแต่เธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ตัวเองไม่มีเสน่ห์จริงๆเหรอ? ผู้ชายคนนี้ช่างเฉยเมยเสียจริง!

ช่างเป็นความล้มเหลวเสียจริง

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอกลับมาด้วยความโกรธและกอดแขนของฉินเทียนแน่น

ดูเหมือนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรกในหอชงเซียว

เดินออกจากอาคารจิ่นซิ่วแล้ว เธอก็ยังไม่ปล่อยแขนของฉินเทียน เธอถามเรื่องเกี่ยวกับลิเหลียงอย่างอยากรู้อยากเห็น ถามว่าทำไมลิเหลียงถึงเปลี่ยนร่างได้

ร่างกายของเธอเกาะติดกับฉินเทียนโดยไม่รู้ตัว

ฉินเทียนเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน ในขณะนี้หลิวชิงเหยาเป็นเหมือนน้องสาวของเขา

เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นหลิวอยู่ไกลๆ

เขาอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง

หลิวชิงเหยาสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกๆ และได้มองตามการจ้องมองของฉินเทียน เมื่อเห็นบุคคลนั้น เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต เธอรีบปล่อยแขนของฉินเทียน

“ฉันไปก่อนนะ!”

เธอก้มศีรษะลงและรีบเดินไปทางตรงข้าม

จากนั้นฉินเทียนก็เห็นรถสีแดงจอดอยู่ในเงามืดในระยะไกล น่าจะเป็นเธอขับรถมาที่นี่

จนกระทั่งหลิวชิงเหยาขึ้นรถแล้วจากไป ฉินเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินไปหาจี้ซิง