ตอนที่ 435: หัวหน้าตระกูลกลับมา
เจ้า…เจ้าเป็นนายน้อยสี่จริง ๆ ? หนึ่งในทหารถามเจี้ยนเฉินอย่างกระวนกระวาย ในขณะที่อีกสองคนมองมาที่เขาอย่างคาดไม่ถึง มีเพียงทหารอีกสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเท่านั้นที่กำลังมีสีหน้าที่สับสน
เจี้ยนเฉินพยักหน้า ถูกต้อง ข้า เจียงหยางเซียงเทียน ข้าไม่คิดว่าหลังจากที่มันผ่านไปนานแล้วจะยังมีคนจำข้าได้อยู่
เจ้า…เจ้าเป็นนายน้อยสี่จริง ๆ !
เป็นนายน้อยสี่จริง ๆ !
นายน้อยสี่กลับมาแล้ว !
ทหารทั้งสามต่างก็ตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของพวกเขาหลังจากได้ยิน พวกเขาถูกส่งไปค้นหาเบาะแสของเจียงหยางเซียงเทียนในปีที่แล้ว แต่ก็ไม่อาจหาอะไรได้ การค้นหาทุกวัน ๆ ของพวกเขากลายมาเป็นความล้มเหลว เมื่อการค้นหาล้มเหลวบ่อยครั้งขึ้น พวกเขาก็เริ่มสิ้นหวัง
เร็วๆ ไปบอกฮูหยินสี่ ! ทหารคนหนึ่งที่หัวไวก็รีบสั่งให้ทหารอีกคนวิ่งออกไปทันที
เจี้ยนเฉินเดินผ่านประตูพร้อมกับจิตใจที่ล่องลอยไปยังห้องที่ไป๋หยุนเทียนแม่ของเขาอยู่
ตอนนี้เขารู้ตัวตนของเจี้ยนเฉินแล้ว ผู้เฝ้าประตูก็ไม่กล้าที่จะขวางประตูเขาอีกต่อไป เขาแอบหลบเข้ามาอยู่ในฝูงชนอย่างเงียบ ๆ เขาถามภายในอึดใจเดียวว่า พี่น้อง ตระกูลเจียงหยางมีนายน้อยสี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจียงหยางเซียงเทียนเป็นใคร ?
ทหารส่ายหน้าของเขาอย่างรวดเร็วและทำหน้าไร้เดียงสาเกี่ยวกับตัวตนของเจียงหยางเซียงเทียน
ข้าได้ยินลุงของข้าพูดว่าหัวหน้าตระกูลมีบุตร 4 คน นอกเหนือจากนายน้อยคนโต, คุณหนูรองและนายน้อยสามแล้ว ยังมีนายน้อยสี่ด้วย ดูเหมือนชื่อของเขาจะเป็นเจียงหยางเซียงเทียน อย่างไรก็ตามเขาออกจากตระกูลตั้งแต่เด็กและหายไปโดยที่ไม่มีข่าวคราวใด ๆ ยามพูด
ทหารหลายคนรู้สึกตกใจและมองเจี้ยนเฉินด้วยมุมมองใหม่
ภายในสนามหญ้า ไป๋หยุนเทียนและหยูเฟิงหยานกำลังพูดกันอย่างกังวล ใบหน้าของไป๋หยุนเทียนยังคงเห็นคราบน้ำตาอย่างชัดเจน
น้องสี่ ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้า ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป เซียงเทียนเป็นอัจฉริยะที่มีสติปัญหาเฉียบแหลม ข้าแน่ใจว่าเขาต้องซ่อนตัวโดยไม่มีอันตรายใด ๆ หยูเฟิงหยานพูดปลอบใจ นางเคยพูดคำเหล่านี้หลายครั้งแล้ว ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเมื่อใดก็ตามที่ไป๋หยุนเทียนรู้สึกแย่ หยูเฟิงหยานก็เข้ามาปลอบโยนนาง นางปลอบโยนด้วยคำพูดที่เหมือนเดิมกันทุกครั้งและไม่มีประโยคไหนที่เปลี่ยนแปลงไป
ฮูหยินสี่ ฮูหยินสี่ !
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก ประตูถูกเคาะเสียงดัง ทำให้ทุกคนรู้ว่ามีใครบางคนกำลังเคาะประตูอย่างแรงอยู่
ผู้หญิงทั้งสองรู้สึกตกใจกับการเคาะประตูอย่างรุนแรงนั้น ด้วยสถานะของนาง หยูเฟิงหยานจึงพูดเสียงดังว่า ใครมาเอะอะโวยวายเสียงดังกัน ? เจ้าไม่รู้จักมารยาทหรืออย่างไร ?
เมื่อได้ยินเสียงของหยูเฟิงหยาน ทหารด้านนอกประตูก็ตัวสั่น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมเขาถึงทำเสียงดัง เขาป้องหมัดลงและพูดว่า ฮูหยินสี่ ฮูหยินสี่ ! มีรายงาน ! นายน้อยสี่กลับมาแล้ว !
เมื่อได้ยินเรื่องนายน้อยสี่ หยูเฟิงหยานและไปหยุนเทียนต่างก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร พวกนางทั้งสองตกตะลึงจากความจริงที่ว่าเป็นนายน้อยสี่จริง ๆ แม้ว่าทหารส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก
นายน้อยสี่…นายน้อยสี่…เป็นไปได้.. ? หยูเฟิงหยานก็สับสนขึ้นมา
เซียงเอ๋อ เซียงเอ๋อ ! ไป๋หยุนเทียนตะโกนออกมาก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
ในเวลาเดียวกันเจี้ยนเฉินในชุดขาวเดินเข้ามาในลานกว้าง เมื่อเปิดประตูออกมาก็ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาแข็งทื่อเมื่อเขามองไปยังไป๋หยุนเทียนในชุดขาว โดยไม่รู้ว่ามีน้ำตาคลอเบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่
ไป๋หยุนเทียนเห็นเจี้ยนเฉินอย่างเต็มตา แม้ว่ารูปลักษณ์ปัจจุบันของเจี้ยนเฉินจะต่างออกไปจากอดีตอย่างมาก แต่ไป๋หยุนเทียนที่ได้เฝ้ามองเจี้ยนเฉินเติบโตมา นางสามารถจดจำเขาได้ทุกส่วน แม่และลูกมีสายเลือดร่วมกันและถูกผูกเข้าด้วยกันโดยโชคชะตา ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเจี้ยนเฉินและไป๋หยุนเทียน ทั้งสองฝ่ายต่างก็สามารถรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ภายในตัวของพวกเขา
หลังจากที่แม่ลูกได้พลัดพรากจากกันไปนานและในที่สุดก็ได้มาพบหน้ากันอีกครั้ง
ไป๋หยุนเทียนเพียงยืนอยู่หน้าประตู นางมองมายังใบหน้าที่หล่อเหลาของเจี้ยนเฉินและทำความคุ้นเคย ร่างกายของเจี้ยนเฉินสั่นเทาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขา
หยูเฟิงหยานก็เดินออกมาอยู่ข้าง ๆ ไป๋หยุนเทียนที่หยุดนิ่ง ทันทีที่นางเห็นใบหน้าของเจี้ยนเฉิน นางก็ตัวแข็งทื่อด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่ออย่างที่สุด
เจี้ยนเฉินออกจากตระกูลเจียงหยางตอนอายุ 15 ปีซึ่งหมายความว่าเขายังเป็นเด็กไม่ประสีประสาเมื่อเขาจากไป อายุของเขานั้นไม่ใช่ช่วงอายุที่เหมาะสมที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสำนักหัวหยุนคอยไล่ล่าเขา โอกาสรอดชีวิตเรียกได้ว่าแทบไม่มี
นอกจากนี้เจี้ยนเฉินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ แม้กระทั่งตระกูลเจียงหยางก็ไม่อาจหาเขาพบได้ ดังนั้นทุกคนจึงมั่นใจว่าเจี้ยนเฉินได้ถูกสำนักหัวหยุนจับไปและตายไปโดยไร้หลุมศพ เมื่อเจี้ยนเฉินจากไปโดยไม่มีแม้กระทั่งผู้คุ้มกัน เขาจะหนีจากสำนักหัวหยุนที่มากประสบการณ์ได้อย่างไร ?
แม้ว่าหยูเฟิงหยานจะใช้คำพูดในตอนแรกมาปลอบไป๋หยุนเทียน แต่มันก็เหมือนกับเป็นการโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ เพราะนางเองก็ไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะมีชีวิตรอดกลับมาได้
แต่ตอนนี้ คนที่หายไปก็กลับมาแล้วตอนนี้ นี่ทำให้หยูเฟิงหยานรู้สึกราวกับว่านางกำลังฝันไป สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้มันไม่ใช่ความจริง
เจี้ยนเฉินน้ำตานองหน้า ขณะที่เขาเดินไปหาไป๋หยุนเทียนอย่างช้า ๆ และรู้สึกปวดใจเมื่อเห็นใบหน้าของแม่ที่ซีดขาว ท่านแม่ ! ลูกของท่านกลับมาแล้ว เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบหน้า
ไป๋หยุนเทียนเข้าไปกอดเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วพร้อมกับน้ำตาที่เต็มใบหน้าของนางแทนความรู้สึกต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เซียงเอ๋อ เซียงเอ๋อ ! ลูกข้าในที่สุดก็กลับบ้านแล้ว ! แม่คิดถึงเจ้ามาก คิดถึงเจ้ามากจริง ๆ !
ท่านแม่ ข้าขอโทษ เป็นลูกเองที่อกตัญญู เจี้ยนเฉินกอดแม่ของเขา ขณะที่ทั่งคู่ยังคงหลั่งน้ำตาแห่งความปิติยินดี
นายน้อยสี่กลับมาแล้ว เขากลับมาแล้วจริง ๆ !
ข้าไม่คิดเลยว่านายน้อยสี่ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเราทุกคนต่างก็คิดว่าท่านได้ประสบปัญหา !
ภายในลานบ้าน ทหารจำนวนมากที่รู้ข่างเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินก็เริ่มมารวมตัวกัน ในขณะที่ทหารที่ไม่รู้จักเขาก็เริ่มพูดคุยกันอย่างประหลาดใจ
ในที่สุดหยูเฟิงหยานก็สลัดความเข้าใจผิดออกไปและมองดูทั้งสองอย่างมีความสุขเต็มหัวใจและพูดว่า เซียงเทียน เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย ป้าสองมีความสุขกับเจ้าจริง ๆ เช่นนั้นก็ให้พวกเจ้าทั้งสองไปคุยกันข้างใน
หลังจากที่นางพูด เจี้ยนเฉินและไป่หยุนเทียนก็ตามหยูเฟิงหยานเข้ามาในห้องด้านในก่อนที่หยูเฟิงหยานจะจากไปเพื่อให้ทั้งสองมีความเป็นส่วนตัว มีหลายอย่างที่พวกเขาต้องพูดคุย…
ภายในคฤหาสน์ ข่าวนายน้อยสี่กลับมาก็แพร่กระจายไปทั่วคฤหาสน์ราวกับไฟไหม้ป่าและพวกเขาทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง แม้แต่ป้าใหญ่หลิงหลงและป้าสามไป๋ยู่ซวงที่ได้ยินข่าวนี้ต่างก็ตกใจเช่นกัน หลิงหลงกำลังดูแลลูกของนาง เจียงหยางหู่ และยังคงจมอยู่กับความมึนงงจนไม่ได้สนใจว่าเจี้ยนเฉินได้กลับมาแล้วในเวลานั้น ความสัมพันธ์ของไป๋ยู่ซวงและแม่ของเจี้ยนเฉินนั้นเลวร้าย ดังนั้นการกลับมาของเขาจึงทำให้นางอารมณ์เสีย
เจี้ยนเฉินยังคงอยู่ในห้องแม่ของเขาและได้เล่าถึงเหตุการณ์หลังจากที่เขาออกจากคฤหาสน์เจียงหยาง มีหลายอย่างที่เจี้ยนเฉินไม่ได้เล่าเพราะเขากลัวว่าแม่ของเขาจะตกใจมากไปกว่านี้และเจี้ยนเฉินก็ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะเชื่อเขา ถ้าเขาบอกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินก็ต้องประหลาดใจเช่นกัน
ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เจี้ยนเฉินไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย แม่และลูกยังคงคุยกันหลายชั่วยาม ทันใดนั้นก็มีกลุ่มสัตว์อสูรขนาดใหญ่มากมายมาหยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ คนขี่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นชายที่ดูกำยำและมีกลิ่นอายที่ทรงพลัง โดยรวมมีคนกว่า 800 คนทำให้เกิดแถวยาว
หยุดอยู่ด้านหน้าประตู ชายสองคนก็เปิดประตูและตะโกนว่า หัวหน้าตระกูลกลับมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับ !
เจียงหยางป้าก้าวลงจากสัตว์อสูรระดับ 4 และจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในประตู ข้างหลังเขาคนที่นั่งอยู่บนสัตว์อสูรต่างก็ลงมาและเดินตามเขาไปเงียบ ๆ อย่างเชื่อฟัง
ทันทีที่เขาเข้าไปในประตู ก็มีคนรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า หัวหน้าตระกูล มีข่าวดี ! นายน้อยสี่กลับมาแล้ว !