บทที่ 291 เดิมทีคุณไม่ได้ป่วย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คุณปู่คะ คุณปู่เป็นอะไรไปคะ?”

หลังจากมองผู้อาวุโสที่อยู่บนเตียงชัดเจน ซูเหมยไม่สนใจแม้กระทั่งจ้าวเสว่เฟินแล้ว กระโจนเข้าไปแบบค่อนข้างรีบร้อนพอสมควร จับมือเหี่ยวที่เต็มไปด้วยริ้วรอยนั้นของผู้อาวุโสไว้แน่น ชั่วขณะนั้นดวงตาสุกกาวมีน้ำตาคลอนิดๆ

ไม่มีเหตุผลอื่นใด ความเป็นจริงอาการของซูหงจวินผิดปกติอยู่บ้าง

ดูจากสภาพจิตใจ ซูหงจวินกลับไม่มีอะไรแตกต่างกับผู้อาวุโสที่สุขภาพแข็งแรงทั่วๆ ไป

ปัญหาสำคัญอยู่ตรง ผิวหนังที่เผยออกมาด้านนอกของเขากลับปรากฏสีม่วงอ่อนขึ้นมาอย่างผิดปกติ แม้แต่บริเวณใบหน้าล้วนเป็นเช่นนี้ มองเข้าไปยากจะไม่รู้สึกกลัวเท่าไร

“ยัยเด็กโง่ ไม่ใช่แค่ผิวช้ำนิดหน่อยเองเหรอ? ปู่ไม่เป็นอะไรหรอก!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของซูเหมย ซูหงจวินจึงหัวเราะฮาๆ แตะๆ หลังมือของเธอแบบรู้สึกสบายใจเต็มที่

มองซูหงจวินอยู่ ชั่วขณะหนึ่งเย่เทียนขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา

เขามีความเข้าใจทักษะการแพทย์ด้านนี้ลึกซึ้ง รู้ดีมากว่าอาการของซูหงจวินไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เขาบอกมาแบบนั้นหรอก

เวลานี้ ในขณะเดียวกันสายตาของซูหงจวินก็ย้ายออกมาจากบนตัวของซูเหมย พินิจพิเคราะห์เย่เทียนจากบนลงล่างด้วยท่าทางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

เย่เทียนถูกเขาจ้องไว้จนในใจเกิดความกลัวทันที กำลังเตรียมจะเอ่ยปากพูดอะไรบ้าง ด้านหลังกลับมีเสียงผู้หญิงที่แหลมคมดังขึ้นเสียก่อน

“ใครกันล่ะเนี่ย? ห้องใหญ่ขนาดนี้ไม่เข้าไป ต้องมาขวางหน้าประตูอย่างกับเสาไฟฟ้างั้นเหรอ?”

เย่เทียนตะลึง รีบขยับไปด้านหน้าสองก้าวทันที หลบทางเข้าออกห้องให้เดินได้สะดวก

นี่คือหญิงวัยกลางคนที่ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดคนหนึ่ง บนตัวใส่เครื่องประดับหรูหรามาก ที่ใบหน้าเผยท่าทีใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกชาวบ้านออกมาแบบเลือนราง เป็นภาพลักษณ์คุณนายบ้านผู้ดีโดยแบบฉบับ

ในมือของหล่อนยังถือยาจีนที่มีไอร้อนลอยขึ้นถ้วยหนึ่งไว้ ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นยาจีนอันเข้มข้น

“พี่สะใภ้ นี่คือเพื่อนที่มาจากเจียงหนันกับเสี่ยวเหมยค่ะ”

จ้าวเสว่เฟินได้ยิน จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งแทนเย่เทียนโดยเร็ว

“มากับเสี่ยวเหมย?”

หญิงวัยกลางคนตะลึง สีหน้าที่มองทางเย่เทียนดูอึมครึมลงมายิ่งกว่าเดิม

ซูเหมยพาเย่เทียนมาไกลมากจากเจียงหนัน ขอเพียงไม่ใช่คนโง่เกรงว่าคงมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่อาจเป็นเพื่อนธรรมดาทั่วไปขนาดนี้โดยเด็ดขาด

“ยังไม่รีบหลบไปหน่อยอีก ถ้าทำยาฉันหกล่ะก็ ต่อให้ครอบครัวนายล่มจมก็ชดใช้ไม่ไหว!”

ถ้าบอกว่าทั้งตระกูลซูใครอยากให้ซูเหมยแต่งงานกับหลี่เฟิงมากที่สุด นั่นต้องเป็นหล่อนแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แม้กระทั่งตอนแรกที่จ้าวเสว่เฟินลากหลี่เฟิงเข้าไปหาซูเหมย นั่นล้วนเป็นหล่อนบีบบังคับและปลุกปั่น

จ้าวเสว่เฟินได้ยิน นัยน์ตามีความรู้สึกโกรธเคืองแวบผ่านรางๆ ทว่ากลับไม่กล้าระบายออกมา ชั่วขณะนั้นสีหน้ากลายเป็นสีตับหมู เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

สังเกตถึงสีหน้าของจ้าวเสว่เฟิน เย่เทียนยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วลูกสะใภ้สองคนของตระกูลซูนี้เกรงว่าคงเป็นเหมือนตระกูลเฉิน ไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไรน่ะสิ!

ที่ทำให้เย่เทียนแปลกใจกว่าคือ นี่เหมือนกับตอนที่ตนเองเจอหน้าลูกสะใภ้ของตระกูลซุนครั้งแรกกระมัง? จำเป็นต้องทำแบบนี้กับตนเองซึ่งเจอหน้ากันครั้งแรกด้วยเหรอ?

“ชูหลาน เอายามาให้ฉัน”

ซูหงจวินที่รู้ความสัมพันธ์ของลูกสะใภ้สองคนชัดเจนดีขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ส่งเสียงทำลายบรรยากาศความขัดแย้งที่ค่อยๆ ปะทุขึ้นมาลง

ซ่งชูหลาน ถลึงตาใส่เย่เทียนอย่างแรง จากนั้นยกถ้วยยาเดินไปทางหัวเตียง ขณะเดียวกันพูดกับซูเหมยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นที่สงสัยแบบหนึ่ง “เสี่ยวเหมย พยุงท่านปู่ขึ้นมา”

ถึงแม้ในใจจะไม่มีความรู้สึกดีอะไรกับป้าคนนี้ แต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับซูหงจวิน ซูเหมยจึงไม่ได้ว่าอะไร ประคองซูหงจวินลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างเชื่อฟัง

“เดี๋ยวก่อน! ท่านปู่คุณอย่าดื่มยานี้นะครับ”

เพียงแต่ ไม่รอให้ซ่งชูหลาน เดินเข้าไป ในที่สุดเย่เทียนก็ทนไม่ไหวส่งเสียงออกมาแล้ว

“เดี๋ยวนะ นายหมายความว่าอะไร? ฉันยังจะใส่ยาพิษด้านในยานี้งั้นเหรอ?”

ซ่งชูหลาน ที่เดิมทีมีอคติต่อเย่เทียนชั่วขณะนั้นไม่ชอบใจแล้ว พูดด้วยความหยิ่งยโส “ฉันจะบอกนายนะ อย่าคิดว่านายเป็นเพื่อนของเสี่ยวเหมยแล้วจะมาพูดเหลวไหลอะไรก็ได้ เรื่องของพวกเราตระกูลซูไม่ต้องให้คนนอกอย่างนายมาก้าวก่าย!”

“เย่เทียน นายพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?”

ซูเหมยประหม่าขึ้นมาเหมือนกัน เรื่องราวที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของซูหงจวิน เธอในฐานะหลานสาวคนนี้จะไม่ประหม่าได้อย่างไร?

ถึงแม้เธอจะรู้แจ่มแจ้งว่า แพทย์ประจำตัวของท่านปู่คือหมอเหรินแพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจ๊กกลาง เกรงว่ายานี้คงได้มาจากมือของหมอเหริน

ได้เย่เทียนรักษาปัญหาปวดประจำเดือนจุดนี้มา เธอจึงพอรู้ว่าฝีมือการแพทย์ของเย่เทียนยอดเยี่ยมมาก แต่ฝีมือการแพทย์ของเขาจะสามารถเอาชนะหมอเหรินได้เหรอ?

แต่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นี่ยังเป็นเรื่องใหญ่ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด!

“ไม่ๆๆ”

เมื่อสัมผัสถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด เย่เทียนรีบส่ายหน้า “ผมไม่ได้บอกว่ายาโดนใส่ยาพิษเอาไว้ เพียงแค่ยานี้ไม่อาจมีผลอะไรต่ออาการของท่านปู่ก็เท่านั้น”

“พูดจาเหลวไหล! ยานี้เป็นหมอเหรินแพทย์ชื่อดังในจ๊กกลางจัดให้ด้วยตนเอง เป็นไปได้ยังไงที่จะไม่ได้ผลกับอาการของท่านปู่?”

ซ่งชูหลาน ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา พูดจาเยาะเย้ย “นายเป็นหมอหรือไง? เด็กน้อยที่ยังไม่โตอย่างนายจะรู้เรื่องอะไรกัน?”

“ผมถือว่าเป็นหมอได้อยู่นะ!”

เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย พูดจาแบบสมเหตุสมผล “เสี่ยวเหมยชวนผมกลับมาครั้งนี้ อยากจะให้ผมดูอาการของท่านปู่สักหน่อย!”

ถึงจะพูดว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมซ่งชูหลาน ถึงจงใจพุ่งเป้ามาที่ตนเอง แต่ในเมื่อมาก็มาแล้ว เห็นแก่หน้าซูเหมยเย่เทียนก็ไม่ถือสาที่จะรักษาซูหงจวินให้หาย

“นายเป็นหมอ?”

ซ่งชูหลาน ตะลึง พินิจพิเคราะห์เย่เทียนอยู่ ก่อนจะพูดจาดูถูก “แล้วยังไงกันเหรอ? นายไม่ได้ดูใบสั่งยาสักหน่อย รู้ไหมว่าด้านในยานี้มีส่วนประกอบเท่าไร? โดยรวมมีส่วนประกอบแบบไหนบ้าง?”

“ถึงแม้ผมจะไม่เคยดูใบสั่งยา แต่ไม่ได้หมายความว่าผมดมกลิ่นในยานี้ไม่ออกว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง”

มุมปากเย่เทียนวาดรอยยิ้มที่มีเลศนัยขึ้น พูดมาไม่หยุด “ส่วนประกอบด้านในยานี้มีเชิงตี้ ตานผี ชื่อเฉา มุราซากิ……”

ชั่วขณะนั้นสีหน้าของซ่งชูหลาน ดูแปลกประหลาดขึ้นมา

ยาอันนี้ถึงแม้เป็นหล่อนที่ต้มออกมากับมือตนเอง แต่ตอนที่หล่อนได้มาถึงมือก็ผสมกันเรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว เธอที่ไม่ใช่แพทย์พยาบาลมืออาชีพ จะรู้จักว่าด้านในใบสั่งยามีส่วนประกอบแบบไหนบ้างได้อย่างไร?

นี่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ไปหาแพทย์แผนจีน แพทย์แผนจีนมักจะสั่งยาตามสภาพอาการของคนคนนั้น ถือโอกาสจัดยาตามใบสั่งให้เรียบร้อย จะบอกคุณถึงใบสั่งยาโดยรวมได้อย่างไรล่ะ?

แต่เห็นท่าทางจริงจังและเคร่งขรึมนั้นของเย่เทียน ไม่เหมือนกับกำลังพูดไร้สาระ

ทันใดนั้น หล่อนถูกเย่เทียนทำให้สงบลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในความเป็นจริง ไม่เพียงแค่ซ่งชูหลาน รวมทั้งซูเหมยทั้งสามคนด้านใน ล้วนมองเย่เทียนที่พูดแบบน้ำไหลไฟดับอย่างมึนงง

เพียงแค่ดมก็แยกออกแล้วว่าโดยรวมด้านในยานี้มีส่วนประกอบแบบไหนบ้าง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ช่วงเวลาพริบตาเดียวเย่เทียนยังบอกส่วนประกอบโดยรวมของใบสั่งยาออกมาหมด มองทางซ่งชูหลาน ด้วยท่าทางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ไม่รู้ว่าที่ผมพูดมีผิดหรือเปล่า?”

“ฉัน……” ซ่งชูหลาน รีบดึงสติเข้ามาทันที อยากจะโต้กลับโดยจิตใต้สำนึก

แต่ หล่อนเพิ่งเอ่ยปากขึ้น เสียงของซูหงจวินกลับลอยเข้ามาก่อนแล้ว

“พ่อหนุ่ม ในเมื่อนายบอกว่ายานี้ไม่ได้ผลสำหรับฉันมากเท่าไร งั้นแสดงว่าพ่อหนุ่มนายน่าจะรู้ดีว่าฉันมีอาการป่วยอะไรบ้าง? ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มจะบอกฉันสักหน่อยได้ไหม?

เย่เทียนพูดอย่างมีพลังโน้มน้าวจิตใจว่า “ท่านปู่ ความจริงเดิมทีคุณไม่ได้ป่วยครับ!”