ตอนที่ 691 ยังคิดจะร้องเรียน
หลังจากเสิ่นฉางชิงกลับมาประจำการที่เมืองหลวง นางก็ไม่เคยพบเขาเลยสักครั้ง
เพียงแต่ได้ยินคนลือว่า เขาถูกย้ายมาประจำการที่กรมโยธา ควบคุมโครงการเล็กๆ อยู่
จะว่าไปเขาก็เป็นติ้งอันโหว การกระทำเรื่องเช่นนี้ถือว่าทำให้เขาลำบากเป็นอย่างมาก ทว่าเป็นเพราะเรื่องที่กระทำผิดเหล่านั้น การที่สามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ถือเป็นโชคดีแล้ว อย่าว่าแต่ตำแหน่งขุนนางเล็กๆ เลย
และไม่รู้ว่าเสิ่นฉางชิงเดินเส้นทางไหนกัน หลังจากที่กระทำผิดเช่นนั้นแล้ว ยังสามารถกลับเข้าเมืองหลวงได้อีก
ทว่าเรื่องเหล่านี้ซูหลีไม่สนใจ นางเพียงรับรู้ว่าบัดนี้เสิ่นฉางชิงถูกนางจับพิรุธได้ เช่นนั้นนางจักต้องจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรม! ไม่โอนอ่อนแม้แต่น้อย!
“ใต้เท้า ข้านำคนมาแล้ว!” สถานที่ที่โดดเด่นและเงียบสงบมากในเรือนของซูหลี ได้ถูกนางใช่เป็นห้องหนังสือ
ที่นี่ถือเรือนรับรองเก่า ไปไหนมาไหนก็สะดวก อีกทั้งโดยรอบยังมีสวนไผ่ที่แน่นขนัด ดูสง่างามและเงียบสงบเป็นอย่างมาก ในช่วงนี้ซูหลีมักจะจัดการเรื่องต่างๆ ที่นี่
คนใต้อาณัติของนางล้วนมาที่นี่จนคุ้นชินแล้ว ในเวลานี้ฉิวลิ่วได้นำทหารสองทหารที่มัดคนผู้หนึ่งอย่างแน่นหนาเข้ามา และผลักร่างของเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าซูหลี
ฉินลิ่วคือทหารที่ฉินเย่หานคัดเลือกให้แก่ซูหลี นอกจากเขาแล้วยังมีทหารที่มาจากในวังหลวงอีกหลายคน ทุกคนล้วนเป็นผู้มีฝีมือ
ทุกคนล้วนทราบดีว่า ฮ่องเต้ประทานคนเหล่านี้ให้แก่ซูหลี นี่หมายความว่าพระองค์ต้องการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปถึงต้นตอ
ดังนั้นคนฉลาดก็จะไม่เคลื่อนไหวสะเปะสะปะ เรื่องวุ่นวายที่ซูหลีคาดคะเนเอาไว้จึงยังไม่ปรากฏขึ้น
ทว่า…
นางมองที่เสิ่นฉางชิงที่ถูกทหารจับกุมมาด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ซึ่งเขากำลังคุกเข่าอยู่และยังถูกปิดปากเอาไว้
เกรงว่าเสิ่นฉางชิงจะมีความยุ่งยากตั้งแต่แรก!
“อื้อๆๆ!” เสิ่นฉางชิงถูกผ้ายัดเอาไว้ในปากเขา ยามที่เห็นซูหลี เขาก็พยายามส่งเสียงร้องอู้อี้อยู่หลายครา สายตาที่จับจ้องซูหลีนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
ซูหลีคล้ายกับไม่เห็นเขามิปาน นางใช้มือทั้งสองข้างเท้าคาง และมองเสิ่นฉางชิงด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจแล้วเอ่ยว่า
“ท่านโหว ไม่ได้เจอกันนานแล้ว!”
“อื้อ!” สิ่งที่ตอบนางนั้นกลับเห็นเสียงคลุมเครือดังกลับมา
สีหน้าของซูหลีเต็มไปด้วยความตกใจ นางตวัดสายตามองคนที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “มัวทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบนำผ้าออกจากปากท่านโหวอีก!”
“ขอรับ!” ชุยตานได้ยินดังนั้นจึงรีบสาวเท้าเข้าไปนำผ้าออกจากปากของเสิ่นฉางชิง
“ซูหลี!!! เจ้ากล้าลักพาตัวขุนนางของราชสำนัก กล้าลักพาตัวข้า นี่เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วใช่หรือไม่!?” หลังจากนำผ้าผืนนั้นออกมา ดวงตาแดงก่ำของเสิ่นฉางชิงก็จ้องมองที่ซูหลี
ทันทีที่ซูหลีได้ยินคำพูดของเขา นางก็เบิกบานใจในทุกที นางหัวเราะและเอ่ยว่า “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ท่านโหวยังคงมีบุคลิกที่น่าเกรงขามเหมือนเดิม หากไม่รู้คงคิดว่าเจ้าทำเรื่องดีงามอะไรแล้ว!”
“ถุย!” เสิ่นฉางชิงมีใบหน้าแดงก่ำ เขาถ่มน้ำลายออกจากและเอ่ยอย่างถากถางว่า “ซูหลี หากเจ้ายังรู้ความทางที่ดีก็ปล่อยข้าไปเสีย มิเช่นนั้น…”
“มิเช่นนั้นอะไรรึ จะไปฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ไทเฮาหรืออย่างไร” ซูหลีเอียงหน้ามองเขา ในดวงตากลับมีประกายอันตรายวูบไหวอยู่
“ไป รีบไปฟ้องร้องเลย! ท่านโหว อย่าหาว่าข้าไม่เตือนสติเจ้า เรื่องที่เจ้ากระทำผิดในครานี้ แม้แต่คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังปกป้องเจ้าไม่ได้!”
“ตุบ!” ซูหลีพูดจบก็โดนสมุดเล่มหนึ่งทิ้งลงตรงหน้าเสิ่นฉางชิง
เสิ่นฉางชิงถูกคนมัดเอาไว้จนแทบจะขยับตัวไม่ได้ ทว่าเมื่อเห็นของสิ่งนั้นทิ้งอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขากลับหดตัวอย่างชัดเจน เมื่อสมุดเล่มนั้นเปิดออก เนื้อความในสมุดก็ทำให้ร่างของเขาเย็นวาบในทันที
โทสะบนใบหน้าพลันมลายหายไปในทันใด
ตอนที่ 692 นี่ให้โอกาสเจ้า
และบนใบหน้าก็ซีดเผือดเกินจะเปรียบ!
“นี่…เจ้าใส่ร้ายข้า!” เสิ่นฉางชิงยังคงอยากจะแก้ตัว
“ใส่ร้าย?” ใบหน้าซูหลีเย็นชาทันที เลิกคิ้วกวาดตามองเขาและเอ่ย “ในเมื่อท่านโหวบอกว่าเป็นการใส่ความ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีวิธีอื่นอีก นอกจากสิ่งนี้ข้ายังมีพยานอีกหลายคน ที่ไปเจอของดีจำนวนไม่น้อยไม่จวนท่าน”
“ว่าอย่างไร ท่านโหวอยากจะ…ไปดูหรือไม่?”
หลังจากเสิ่นฉางชิงได้ยินคำพูดนางแล้ว ก็ควบคุมตนเองไม่ได้ จู่ๆก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นทันที สีเลือดบนใบหน้าก็หายไปจนหมด ใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก
ซูหลีหัวเราะเสียงเย็น นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าอนาคตที่ใสสะอาดของเสิ่นฉางชิงซึ่งสิ่งที่หลี่รุ่ยอิงให้ความสำคัญเมื่อก่อนนั้น เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี อนาคตที่ว่าของเขาจะกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้
กล้าไปยุ่งกับของจำพวกฝิ่นนี่ไปเสียได้!
ช่างไม่รักตัวกลัวตายเสียจริงๆ!
ตอนที่นางยังคงเป็นชายาของเสิ่นฉางชิง เคยเก็บกวาดเรื่องเละเทะของเขามาไม่น้อย กระทั่งเรื่องที่เขาเข้าหาฮ่องเต้นางก็เป็นคนสอนเสียด้วยซ้ำไป
คิดไม่ถึงเลยว่านางตายไปไม่เท่าไหร่ เสิ่นฉางชิงจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ดังนั้นพูดได้ว่า เรื่องในโลกนี้ยากจะคาดเดาจริงๆ!
ซูหลีหัวเราะเยาะมองเขาแล้วเอ่ย “พูดมาเถอะ”
“พูด พูดอะไร?” ในตอนนี้ใบหน้าเขาหมดอาลัยตายอยากไปแล้ว ไม่ได้มีท่าทีองอาจเหมือนเมื่อครู่แม้แต่น้อย พอเห็นซูหลีถามเรื่องนี้แล้วเขาก็ยืนตัวแข็งเหลือบตามองนาง
“พูดมา!” มือซูหลีตบไปลงบนโต๊ะไม้แดงข้างหน้านางแรงๆ ก้มศีรษะลงน้อยๆ และเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา
“คนสั่งเจ้าเป็นใคร ใครที่เป็นคนเอาของมาให้เจ้าขาย และเป็นใครที่เป็นคนรวบรวมเงินทองให้จ้ามากมาย และเป็นใครที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเจ้า!”
ซูหลีถามหลายๆคำถามติดต่อกัน และทุกครั้งที่เอ่ยถาม สีหน้าเสิ่นฉางชิงก็แย่ลงไปหลายส่วน
จนสุดท้ายแล้วดำมืดราวก้นหม้อ
แต่ต่อให้ตอนนี้ เขาก็ยังไม่อยากให้ซูหลีได้ชักจูงเขาตามใจปรารถนา ดังนั้นเขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเสียงเย็น “เจ้ามีความสามารถขนาดนี้แล้ว เอาของพวกนี้มาได้ด้วยซ้ำ ก็ไปหาเอาคนเดียวสิ!”
“พลั่ก!” ซูหลีตบโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นยืน และมองเขาจากด้านบน “เจ้าคิดว่าข้าจะสืบไม่ได้เหรอ?”
“เสิ่นฉางชิง เจ้าก็ถือเป็นคนใหญ่คนโต จากที่เป็นคนที่ไม่มีความสำคัญพื้นเพอะไร จนได้มาเป็นท่านโหวในวันนี้ ระหว่างทางก็ลงทุนลงแรงไปมา คงไม่ต้องให้ข้าสาธยายให้ฟังกระมัง?” ซูหลีมองเขาสายตาเย็นชา ทุกคำที่พูดแทงใจเขา
“เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้ามัดเจ้าไว้เพราะอะไร? นี่กำลังให้โอกาสเจ้าอยู่!”
“คราวนี้หากเจ้าบอกชื่อคนที่อยู่เบื้องหลัง อย่างน้อยก็ยังทำดีลบล้างความผิดได้บ้าง เพื่อให้ตนเองได้ตายศพดีๆ หากเจ้ายังดึงดันไม่พูด เจ้าคิดว่าข้าจะสืบไม่ได้เชียวหรือ? เจ้าเองก็รู้นี่ ว่าถ้าตอนนี้ข้าไปถวายฎีกาเรื่องเจ้าให้ฮ่องเต้ ก็จะมีแต่ความตายรอเจ้าอยู่!”
ซูหลีมองเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยแววเย็นชา ใบหน้าไม่ใคร่สู้ดีนัก
ฉินลิ่วที่อยู่ด้านข้างลอบมองนางอย่างอดไม่ได้
เขาติดตามซูหลีมาก็หลายวัน เห็นซูหลีมีวิธีในการจัดการเรื่องนี้อย่างมีหลักมีการ อีกทั้งไม่ว่าเมื่อไหร่ก็วางเฉยนิ่งเงียบ เหมือนไม่แยแสสิ่งใด เขาออกจะนับถือซูหลีเล็กน้อย
แต่ตอนจัดการเสิ่นฉางชิง ซูหลีเหมือนเป็นคนละคนเลยทีเดียว
ฉินลิ่วเพิ่งเคยเห็นสีหน้าเย็นชาที่แฝงไปด้วยความสะใจเช่นนี้ ปรากฏบนใบหน้าซูหลี
อย่าว่าแต่เขาเลยกระทั่งชุยตานก็ยังชะงักนิ่งไป