ตอนที่ 172 เล่นงาน

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

“ฉันรู้หรอกน่า ก็ถ้าเธอไม่แกล้งฉัน ฉันจะเสียงดังแบบนี้ได้ยังไง” ถังโจวโจวแก้ตัวและทำหน้าทะเล้นใส่หลินเหยา หลินเหยาทั้งโกรธทั้งขำ 

 

 

เมื่อหลินเหยาเห็นว่าถังโจวโจวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เธอก็ไม่ยอมปล่อยถังโจวโจวไปง่ายๆ “ถังโจวโจว ถ้าเธอมีความสามารถก็อย่าหลบ ดูสิว่าฉันจะสั่งสอนเธอยังไง” 

 

 

ถังโจวโจวเห็นว่าหลินเหยาเอาจริงขึ้นมาแล้ว เธอก็ไม่เสี่ยงที่จะเดินวนไปรอบตัวลั่วเซ่าเชินอีก แต่เปลี่ยนเป็นวิ่งไปหลบอยู่ด้านข้างแทน “ฉันผิดไปแล้ว เหยาเหยา เธอปล่อยฉันไปเถอะ!” เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินและฟังหยวนเอาแต่ยืนหัวเราะ ถังโจวโจวก็ถลึงตาใส่พวกเขา 

 

 

เพียงไม่นานหลินเหยาก็จับตัวถังโจวโจวไว้ได้ ถังโจวโจวสวมรองเท้าส้นสูง เธอจึงหลบได้ไม่เร็วนัก แล้วเธอก็ไม่ได้ว่องไวเหมือนหลินเหยา ดังนั้น เธอจึงถูกจับตัวได้เร็วกว่าที่คิด 

 

 

เมื่อหลินเหยาจับตัวถังโจวโจวได้ ก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงมากนัก เธอเพียงแค่หยิบเอาทักษะการจักจี้ที่ห่างหายไปนานออกมาใช้ ทำให้ถังโจวโจวหัวเราะไม่หยุด 

 

 

“ครั้งหน้าเธอยังจะกล้าหัวเราะเยาะฉันอีกไหม” 

 

 

“ไม่กล้าแล้วจ้ะ ไม่กล้าแล้ว เธอยกโทษให้ฉันเถอะนะ!” ถังโจวโจวเอนตัวพิงกำแพงเพราะกลัวว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นว่าเธอกำลังเล่นกับหลินเหยา เธอทำได้แค่เพียงกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ น้ำตาก็เกือบจะไหลเพราะถูกหลินเหยาแกล้ง 

 

 

“เอาละ ฉันเห็นแก่ความจริงใจของเธอ ฉันจะปล่อยเธอไป” หลินเหยารู้สึกเหนื่อยหอบอยู่เหมือนกัน ที่มาวิ่งไล่ถังโจวโจวแบบนี้ แต่เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวยืนก้มหน้านิ่ง หลินเหยาก็สะกิดเธอเบาๆ “โจวโจว เธอโอเคดีใช่ไหม ฉันแค่เล่นกับเธอเบาๆ เองนะ?” 

 

 

ถังโจวโจวก้มหน้าอยู่อย่างนั้น หลินเหยามองไม่เห็นสีหน้าของเธอ จึงนึกว่าตัวเองเล่นกับเธอแรงเกินไป หลินเหยารู้สึกผิดไปชั่วขณะ 

 

 

“โจวโจว เธอเป็นอะไรไป ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันก็จะไม่ทำแบบนี้อีก” 

 

 

“จริงเหรอ?” คำพูดที่เปล่งออกมาฉับพลันของถังโจวโจวทำให้หลินเหยาตอบสนองไม่ทัน “โธ่ เธอแค่หลอกฉันเล่นใช่ไหม” ถังโจวโจวตีเนียน 

 

 

หลินเหยารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไร “ถังโจวโจว นี่เธอยังจะกล้าหลอกฉันอีกเหรอ ไม่กลัวฉันจักจี้เธออีกหรือไง” 

 

 

ถังโจวโจวเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฝ่ามือของหลินเหยาง้างออกมาอย่างไร้สาเหตุ ซึ่งนั่นทำให้ถังโจวโจวสะดุ้งตกใจ แต่เมื่อเธอเห็นว่าหลินเหยาไม่ได้ฟาดมือลงมาที่เธอ เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าเธอถูกหลอก เธอจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ย แสดงอาการว่าไม่พอใจ 

 

 

ลั่วเซ่าเชินและฟังหยวนยืนอยู่ด้านข้าง พวกเขาเห็นว่าในงานเลี้ยงแบบนี้หลินเหยาและถังโจวโจวก็ยังสามารถเล่นกันอย่างสนุกสนานได้ จึงไม่รู้ว่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างไรไปชั่วขณะ 

 

 

เมื่อหาสถานที่ได้แล้ว ทั้งสี่คนก็ยืนอยู่ด้วยกัน ถังโจวโจวและหลินเหยาสนใจกันแต่เรื่องอาหาร ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินกับฟังหยวนก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน บรรยากาศพลันดูกลมกลืนเป็นอย่างมาก 

 

 

เมิ่งไหวเซินได้เห็นหน้าถังโจวโจวอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกผิดปกติในหัวใจของเขาก็พรั่งพรูขึ้นมาอีก เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกกับถังโจวโจวแบบนี้ และเพื่อพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเอง เมิ่งไหวเซินก็ตั้งใจจะเดินเข้าไปหากลุ่มของลั่วเซ่าเชินที่อยู่ทางด้านนั้น 

 

 

เมิ่งชิงซีที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นว่าจู่ๆ คุณพ่อของเธอก็เดินตรงไปยังมุมหนึ่ง แล้วเธอก็เห็นว่าลั่วเซ่าเชินยืนอยู่ตรงนั้น เธอเริ่มสนใจขึ้นมาทันที เธอไม่สนว่าเพื่อนของเธอจะโกรธหรือไม่ เธอพูดกับเพื่อนของเธอหนึ่งคำ ก่อนจะรีบตามพ่อของเธอไป 

 

 

ก่อนที่เมิ่งไหวเซินจะเดินไปถึงลั่วเซ่าเชิน เธอก็เดินมาถึงตัวของเมิ่งไหวเซิน “คุณพ่อคะ!” 

 

 

เมื่อเมิ่งไหวเซินได้ยินเสียงของเมิ่งชิงซี เขาก็หันหน้ากลับไปมองเธอ “ชิงซี มีอะไรลูก” 

 

 

ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของลูกสาว เมิ่งไหวเซินก็ไม่อาจปิดซ่อนความอ่อนโยนในแววตาของเขาเอาไว้ได้ เมิ่งชิงซีควงแขนของเมิ่งไหวเซิน “คุณพ่อจะไปไหนหรือคะ” 

 

 

“อ้อ พ่อเห็นพวกเซ่าเชินเขาน่ะ ก็เลยว่าจะเข้าไปคุยด้วยสักหน่อย มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าลูกอยากไปด้วย” แค่ได้เห็นท่าทางของเมิ่งชิงซี ลูกสาวตัวน้อยของเขา เมิ่งไหวเซินก็รู้แล้วว่าเธอคิดอย่างไร 

 

 

เมิ่งชิงซียิ้มอย่างเหนียมอาย “คุณพ่อรู้ใจหนูที่สุดเลย หนูไม่ได้เจอเซ่าเชินมานานแล้ว วันนี้อุตส่าห์ได้มาเจอกัน หนูก็อยากจะเข้าไปทักทายเขาสักหน่อย คุณพ่อว่าดีไหมคะ” 

 

 

มีหรือที่เมิ่งไหวเซินจะปฏิเสธคำขอของลูกสาวได้ “โอเค ลูกก็ไปด้วยกันกับพ่อนี่แหละ พ่อห้ามลูกไม่ได้อยู่แล้ว” 

 

 

เมิ่งไหวเซินรู้ว่าความลุ่มหลงของเมิ่งชิงซีที่มีต่อลั่วเซ่าเชินนั้นไม่สามารถกำจัดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ถึงตอนนี้เมิ่งชิงซีก็ยังคงชอบลั่วเซ่าเชินอยู่มาก แม้ว่าเป็นความเห็นชอบของทั้งสองตระกูลที่ให้ยุติเรื่องหมั้นหมาย และตอนนี้ลั่วเซ่าเชินก็แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว แต่เมิ่งชิงซีกลับไม่สามารถก้าวผ่านอุปสรรคนี้ไปได้เสียที 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ในสายตาของเขา เมิ่งชิงซีก็จะไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป เมิ่งไหวเซินจึงคิดว่าถ้ามีเขาอยู่ด้วย มันก็คงจะดีกว่าปล่อยให้เมิ่งชิงซีไปพบกับลั่วเซ่าเชินเป็นการส่วนตัว 

 

 

“คุณพ่อดีกับหนูที่สุดเลย!” เมิ่งชิงซีควงแขนของเมิ่งไหวเซินอย่างมีความสุข แววตาของเธอไม่อาจปิดบังความดีใจเอาไว้ได้ 

 

 

“เซ่าเชิน ช่วงนี้พ่อกับแม่ของหลานเป็นยังไงบ้าง” เมื่อเมิ่งไหวเซินเจอกับลั่วเซ่าเชิน เขาก็ถามถึงคุณพ่อและคุณแม่ลั่วก่อนเป็นอันดับแรก 

 

 

เดิมทีลั่วเซ่าเชินมีอะไรจะพูดกับฟังหยวน แต่เมื่อเขาเห็นเมิ่งไหวเซินเดินเข้ามา เขาก็รีบยิ้มและตอบคำถามของเมิ่งไหวเซิน “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ คุณลุงเมิ่ง คุณพ่อกับคุณแม่สบายดีครับ” 

 

 

“คุณคนนี้คือ?” เมิ่งไหวเซินมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ลั่วเซ่าเชิน ดูแล้วเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลั่วเซ่าเชินเลย เพียงแต่ทำไมถึงไม่เคยเจอเขามาก่อนเลย? เมิ่งไหวเซินเดาว่าชายหนุ่มคนนี้คงจะเป็นลูกหลานตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลั่วเซ่าเชิน 

 

 

“ลุงเมิ่งครับ ผมอยากจะแนะนำให้คุณลุงได้รู้จักกับเพื่อนสนิทของผม นี่คือฟังหยวนครับ ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่ต่างประเทศ เพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่นานมานี้” 

 

 

เพียงครู่เดียว เมิ่งไหวเซินก็นึกออกว่าฟังหยวนคือใคร “คุณชายฟังนี่เอง! นี่ลูกสาวของผม ชิงซี” เมิ่งไหวเซินจับมือกับฟังหยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาแนะนำเมิ่งชิงซี 

 

 

“ผอ. เมิ่งครับ ผมกับคุณเมิ่งเคยเจอกันมาก่อนแล้ว ผมเชื่อว่าคุณเมิ่งเธอน่าจะจำผมได้” 

 

 

“อ้าว จริงเหรอ ชิงซี ทำไมพ่อถึงไม่เคยได้ยินลูกพูดถึงคุณชายฟังมาก่อนเลย” เมิ่งไหวเซินรู้สึกประหลาดใจที่พวกเขาสองคนเคยเจอกันแล้ว 

 

 

เมิ่งชิงซีจะลืมฟังหยวนได้อย่างไร แล้วเมื่อเมิ่งไหวเซินถามเธอ เธอก็ยิ้มพลางตอบว่า “คุณพ่อคะ ก็หนูกับคุณชายฟังไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้นนี่คะ แล้วหนูจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณพ่อจะสนใจคุณชายฟังมากขนาดนี้!” 

 

 

เมิ่งชิงซีอยากจะเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว เธอไม่ได้รู้สึกสนใจฟังหยวนเลย และในตอนนี้เธอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินยืนอยู่ข้างถังโจวโจวมาตลอด เมิ่งชิงซีจึงเบนความสนใจทันที “เซ่าเชิน หาเวลากลับไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าบ้างสิคะ คุณป้าเป็นห่วงคุณมากเลยนะ” 

 

 

เมิ่งชิงซีมองไปที่ถังโจวโจวด้วยความรู้สึกเหนือกว่า เท่าที่เธอรู้มาตอนนี้คุณแม่ลั่วรังเกียจถังโจวโจวอย่างมาก เมิ่งชิงซีจึงอยากจะแสดงให้ถังโจวโจวเห็นว่าคุณแม่ลั่วรักเธอมากกว่า เธอจะทำให้ถังโจวโจวไม่มีทางไปอีก 

 

 

“อย่ากังวลไปเลยค่ะ คุณเมิ่ง ฉันกับเซ่าเชินจะหาเวลากลับไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่แน่นอน คุณไม่ต้องเป็นห่วงแทนเราหรอกนะคะ” ถังโจวโจวไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยสักนิด 

 

 

เมิ่งไหวเซินได้ยินน้ำเสียงประชดประชันของถังโจวโจวที่เธอพูดใส่เมิ่งชิงซี เขารู้สึกไม่สบอารมณ์สักเท่าไรนัก “คุณถัง ชิงซีแค่เป็นห่วงพวกคุณ แต่น้ำเสียงของคุณกลับไม่ค่อยน่าฟังเลยนะครับ” 

 

 

น้ำเสียงของเมิ่งไหวเซินค่อนข้างนุ่มนวล เขาไม่เพียงแต่เอ่ยเตือนถังโจวโจว แต่ยังแก้ตัวแทนเมิ่งชิงซีอีกด้วย เมื่อถังโจวโจวได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ่งตีความผิดจุดประสงค์ไปอีก 

 

 

“คุณลุงเมิ่งคะ นี่มันเป็นเรื่องในครอบครัวของฉันกับเซ่าเชิน แต่คุณเมิ่งกลับดูเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าพวกเราเสียอีก ฉันก็เลยไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย ถ้าฉันทำอะไรผิดไป โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ!” 

 

 

ถังโจวโจวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ แต่เพราะความจริงใจที่มันมากเกินไป ทำให้เมิ่งไหวเซินรับไม่ได้ เมิ่งชิงซีพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกันว่า “ถังโจวโจว เธอพูดอะไรของเธอน่ะ คุณพ่อฉันแค่เตือนเธอด้วยความหวังดี ก็เพราะเธอปฏิบัติกับผู้ใหญ่แบบนี้ไง คุณป้าลั่วถึงได้…” 

 

 

ถังโจวโจวและเมิ่งชิงซีล้วนเข้าใจความหมายที่ละเว้นเอาไว้ แต่ในเมื่อเมิ่งชิงซีไม่ได้พูดมันออกมา ถังโจวโจวจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ “คุณเมิ่งคะ คุณแม่คิดยังไงกับฉันหรือคะ แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะ” 

 

 

เมิ่งชิงซีไม่สามารถนำคำพูดส่วนตัวที่เธอคุยกับคุณแม่ลั่วออกมาพูดได้ เกิดคุณแม่ลั่วรู้เข้าคงจะต้องเอนเอียงไปหาถังโจวโจวแน่ ถึงตอนนั้นเธอยังจะมีโอกาสอะไรอีก ดังนั้น ถึงแม้ว่าเมิ่งชิงซีจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ต้องยอมเผาความคิดที่จะต่อกรกับถังโจวโจวไปก่อน 

 

 

ทีแรกเมิ่งไหวเซินมีความรู้สึกแปลกประหลาดกับถังโจวโจว แต่เมื่อได้เห็นถังโจวโจวกดขี่เมิ่งชิงซีแบบนี้ ความรู้สึกนั้นก็พลันหายไปใน ยิ่งได้เห็นท่าทางก้าวร้าวของเด็กคนนี้ ก็ยิ่งทำให้เมิ่งไหวเซินรู้สึกรังเกียจเธอ และไม่คิดจะทดสอบความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไป 

 

 

“เซ่าเชิน ชิงซีแค่หวังดีกับพวกหลาน แต่ในเมื่อคุณถังไม่ยอมรับน้ำใจแบบนี้ ชิงซี ต่อแต่นี้ไปลูกห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลลั่วอีก! เซ่าเชิน ลุงมีอย่างอื่นต้องไปทำ ขอตัวก่อนล่ะ” 

 

 

“ลุงเมิ่งครับ โจวโจวเธอเป็นพวกที่ปากกับใจตรงกัน คุณลุงอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะครับ” 

 

 

เมิ่งไหวเซินยิ้มเพียงเล็กน้อย แต่เขาจะคิดอย่างไรนั้น มันก็ไม่ใช่ธุระของลั่วเซ่าเชิน 

 

 

เมื่อเห็นว่าเมิ่งชิงซีเอาแต่จ้องมองไปที่ลั่วเซ่าเชิน เมิ่งไหวเซินที่เพิ่งจะก้าวเดินไปได้สองก้าวก็ต้องหยุดฝีเท้าลง “ชิงซี!” 

 

 

เมิ่งชิงซีได้ยินน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความโกรธของเมิ่งไหวเซิน เธอจึงรีบตอบกลับไปอย่างกระตือรือร้นว่า “มาแล้วค่ะ คุณพ่อ” เธอควงแขนของเมิ่งไหวเซิน และยอมจากไปด้วยความจำใจ 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเมิ่งไหวเซินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ เขาก็หันไปมองถังโจวโจวด้วยอาการติดตลก “คุณดีใจล่ะสิ?” 

 

 

ถังโจวโจวยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นเขาถามเหมือนจะตำหนิเธอมากกว่า “ทำไมคะ กลัวเธอเสียใจเหรอ อย่างนั้นคุณก็ตามเธอไปสิ!” หลังจากพูดประโยคนี้จบ ถังโจวโจวก็แอบรู้สึกเสียใจ เพียงแต่เธอปากแข็ง ไม่ยอมขอโทษลั่วเซ่าเชิน 

 

 

ในขณะที่ฟังหยวนกับหลินเหยาก็ยืนมองบรรยากาศอันน่าตึงเครียดของพวกเขาอยู่ด้านข้าง สายตาพากันแสร้งเบนออกไปคนละทาง เพื่อเปิดพื้นที่ว่างให้กับคนอีกสองคน 

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้สึกขำที่เห็นว่าถังโจวโจวกางหนามรอบๆ ตัว “เอาละๆ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย คุณจะทำตัวเป็นเม่นทำไม!” 

 

 

เป็นลั่วเซ่าเชินที่ยอมหาทางลงให้ถังโจวโจวก่อน ถังโจวโจวหันไปเห็นสายตาล้อเลียนของลั่วเซ่าเชิน แม้ว่าจะยังมีความโกรธที่ระบายออกมาไม่ได้อยู่ แต่เมื่อผ่านไปสักพัก พวกเขาสองคนต่างก็มองท่าทางของกันและกัน ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันในทันที “ฮ่าๆ…” 

 

 

“เอาละ ทีนี้คงจะมีความสุขแล้วสินะ” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกเบาใจ เมื่อได้เห็นถังโจวโจวกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง เขารู้สึกไม่สบายใจถ้าต้องเห็นว่าถังโจวโจวไม่มีความสุข เขาแค่อยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เธอถูกรบกวนจิตใจจากเรื่องต่างๆ 

 

 

ถังโจวโจวฉีกยิ้มอยู่อย่างนั้น และเมื่อเธอเห็นแววตาลึกซึ้งของลั่วเซ่าเชิน ทันใดนั้นเธอก็พูดว่า “เซ่าเชิน ขอโทษนะคะ เมื่อครู่นี้ฉันผิดเอง” ถังโจวโจวเป็นเด็กดีที่รู้จักผิดชอบชั่วดี เมื่อครู่นี้เธออดใจไม่ตอบโต้เมิ่งชิงซีไม่ไหวจริงๆ 

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ตำหนิเธอ แต่เป็นเธอที่คิดมากเกินไป ดังนั้น เธอจึงใช้คำพูดในแง่ลบเหล่านั้น จริงๆ แล้วหลังจากที่ถังโจวโจวพูดจบ เธอก็เสียใจ แล้วเธอก็รู้สึกผิด รู้สึกขอโทษที่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษกับลั่วเซ่าเชิน 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องเมื่อครู่นี้แล้ว เขาก็ได้แต่ลูบศีรษะของเธอ “เอาน่า คิดว่าผมไม่รู้จักคุณหรือไง ถ้าเธอไม่ได้พูดถึงคุณแม่ขึ้นมา คุณก็คงจะไม่เป็นแบบนี้” 

 

 

แน่นอนว่าลั่วเซ่าเชินดูออกว่าเมิ่งชิงซีต้องการโอ้อวด เพียงแต่น่าเสียดายที่สายตาของคุณพ่อเมิ่งเอาแต่จับจ้องไปที่ถังโจวโจว เขาจึงไม่เห็นความหมายแท้จริงที่เมิ่งชิงซีอยากจะสื่อ แล้วก็ยังพานคิดไปว่าถังโจวโจวจงใจพูดเล่นงานเมิ่งชิงซี