ตอนที่ 406

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 406: สายลับ

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมาของราชครูทำให้พลังของฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งขึ้นจนถึงขั้นน่าสะพรึง พูดได้ว่าหากเทียบกันแล้ว พวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่า

 

ยังไงก็ตาม ทางฝ่ายเขายังมีสมบัติลับเทียนหลง ยังสามารถสะกดฝั่งตรงข้ามได้ ต่อให้ต้องตกไปอยู่ท่ามกลางทัพศัตรู ก็ยังสามารถสังหารพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมได้ระลอกหนึ่ง อี้เทียนหยุนไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ เห็นศัตรูจำนวนมากดาหน้ากันเข้ามา สำหรับเขาแล้ว พวกนั้นก็เป็นได้แค่ค่าประสบการณ์กองใหญ่เท่านั้น

 

หากว่าพวกนั้นถูกเขาสังหาร ค่าประสบการณ์ที่ได้จะต้องพุ่งพรวดเป็นเส้นตรงอย่างแน่นอน และตราบเท่าที่ระดับของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อให้ราชครูเขาก็ไม่กลัว!

 

“ใช่ พูดแบบนี้ยังเร็วไป มาทำให้พวกมันรู้ ว่าอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา แม้ว่าจะตกต่ำลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการด้วยได้ง่ายๆ!” ระดับของเริ่นหลงนั้นได้ตกลง แม้ว่าจะได้หยกโลหิตของอี้เทียนหยุนช่วยเพิ่มเลือดฉีในร่าง แต่ก็ยังไม่มีเวลาที่จะเพิ่มระดับกลับคืนเหมือนเดิม

 

นี่เป็นเพราะเรื่องหลายปีมานี้ ทำให้ระดับของเขาตกลง หากอยากจะให้ระดับของเขากลับมายังจุดสูงสุด จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยหลายปี ถึงจะฟื้นคืนกลับมาจนหมด

 

ณ ปัจจุบัน ดูแล้วพลังรบของพวกเขาค่อนข้างธรรมดา พูดได้ว่าไม่มีระดับวิญญาณเที่ยงแท้เลยสักคน ช่างน่าเวทนายิ่งนัก คนส่วนมากล้วนแต่มีระดับผันแปรวิญญาณ ทำให้ระดับผันแปรวิญญาณมีเป็นจำนวนมาก ส่วนระดับวิญญาณเที่ยงแท้นั้นยากที่จะทะลวงผ่าน นี่ไม่ใช่หัวผักกาด กระทั่งอาณาจักรใต้พิภพเองยังมีคนระดับนี้แค่ไม่กี่คน

 

ระดับผันแปรวิญญาณของพวกเขามีน้อย ทั้งส่วนใหญ่ยังอยู่ข้างอัครเสนาบดีหลง ถือเป็นการเย้ยหยันกันอย่างยิ่งยวด

 

อัครเสนาบดีหลงก็เป็นคนหนึ่ง อีกคนก็คือแม่ทัพเทพหลงเทียน ทั้งสองคนนี้ล้วนแต่เป็นศัตรู ทั้งผู้เชี่ยวชาญที่อยู่รอบๆ พวกเขายังแข็งแกร่ง ทำให้ฝั่งของอัครเสนาบดีหลงแข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่ง

 

ตอนนี้ยังมีราชครูมาร่วมด้วย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ของฝั่งนั้นรวมเป็นสามคน นับเป็นกองกำลังที่หรูหรายิ่งนัก สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้จริงๆ

 

อย่างรวดเร็ว พวกของอัครเสนาบดีหลงก็ได้บินมาถึง สามผู้นำอันได้แก่ อัครเสนาบดีหลง, ราชครู และแม่ทัพเทพหลงเทียน ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้

 

อี้เทียนหยุนมองไปยังคนทั้งสาม ทำให้ข้อมูลของพวกเขาปรากฏขึ้น

 

อัครเสนาบดีหลง : ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 4, สวมใส่ชุดเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง, พลังรบ 21 ล้าน(สภาวะปกติ), จุดอ่อน : ไม่มี, วิชายุทธ์ มังกรสวรรค์คำราม, เคล็ดวิชามังกรสวรรค์, ฝ่ามือใต้พิภพ, เคล็ดวิชาใต้พิภพ, เมื่อสังหารจะได้รับ วิชามังกรสวรรค์คำราม, เคล็ดวิชามังกรสวรรค์, สายเลือดเทพมังกร, บัตรค่าประสบการณ์ 30 เท่า

 

ราชครู : ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 6, สวมใส่ชุดเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง, รอบๆ ล้อมไปด้วยธวัชสายโลหิตมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง, พลังรบ 32 ล้าน(สภาวะปกติ), จุดอ่อน : ไม่มี, วิชายุทธ์ เคล็ดวิชาทำลายค่ายกล, ฝ่ามือใต้พิภพ, เมื่อสังหารจะได้รับ ฝ่ามือใต้พิภพ, เคล็ดวิชาทำลายค่ายกล, กระดาษยันต์ทรราช

 

แม่ทัพเทพหลงเทียน : ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 2, สวมใส่ชุดเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง, กระบี่อาคมระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง, พลังรบ 18 ล้าน(สภาวะปกติ), จุดอ่อน : ไม่มี, วิชายุทธ์ เคล็ดวิชากระบี่สายเลือดอสูร, พันกระบี่ทะลวงสวรรค์, เมื่อสังหารจะได้รับ เคล็ดวิชากระบี่สายเลือดอสูร, สายเลือดเทพมังกร, กระบี่มังกรเทวะ

 

ระดับของแต่ละคนแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะราชครูที่มีระดับน่าสะพรึงที่สุด ขนาดตอนนี้ยังไม่ได้ใช้พลังอะไร ราชครูก็มีพลังรบมากถึง 32 ล้าน ช่างท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก แล้วยังจะอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงพวกนี้อีก แล้วยังจะแม่ทัพเทพหลงเทียนที่ระดับอ่อนแอกว่าอัครเสนาบดีหลงที่เป็นอันดับที่สองอยู่ไม่มาก แต่นี่ก็เพราะอาวุธที่เขาถืออยู่ในมือ ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านในพริบตา นี่คือความแข็งแกร่งของอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง หากเป็นอุปกรณ์ระดับเทวะล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมสามารถเพิ่มพลังให้เขาขึ้นอีกหลายขั้นอย่างแน่นอน

 

นอกจากพวกเขาแล้ว ด้านหลังยังมีเหล่าแม่ทัพและขุนนางอีกกลุ่มหนึ่งที่มีระดับผันแปรวิญญาณ จากนั้นจึงเป็นระดับก่อแกนวิญญาณและลดหลั่นกันลงไป จนสุดท้ายเป็นพวกที่มีฐานะต่ำสุด นั่นก็คือเหล่าทหาร แต่ว่าระดับพวกนั้นก็ไม่ใช่จะอ่อนแอ พวกนั้นต่างก็มีระดับปรับแต่งวิญญาณไปจนถึงระดับหลอมรวม

 

แม้ว่าระดับของทหารพวกนี้จะต่ำมาก แต่จำนวนพวกเขาก็มากเช่นกัน หากถูกทหารพวกนี้โจมตีอัดเข้ามาจากทั้งสี่ทิศแปดทาง ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมน่าดูชมอย่างแน่นอน

 

อี้เทียนหยุนอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับเหล่าขุนนางที่นำทหารอยู่บนกำแพงเมือง หรือไม่คอยป้องกันอยู่หน้าประตู เตรียมเผชิญกับสงครามเพื่อป้องกันอาณาจักร

 

พวกของอัครเสนาบดีหลงเมื่อมาถึงระยะห่างจากประตูเมืองประมาณ 1 ลี้ก็ได้หยุดลง คนที่เหลือก็เช่นกัน

 

“หลานของข้า ไม่เจอกันนานจริงๆ ข้าก็คิดว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก!” อัครเสนาบดีหลงผู้มีหล่อเหลาเป็นอย่างมาก มีท่วงท่าของราชาเผยออกมา แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้น น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับการยอมรับจากสมบัติลับเทียนหลง ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นเขาที่ปกครองอาณาจักรเทียนหลงแห่งนี้

 

“วางใจเถอะ เจ้ายังไม่ตายแล้วข้าจะตายได้ยังไง” เริ่นหลงตอบกลับอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นขุนนางของอาณาจักรเทียนหลง แต่กลับสมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักรใต้พิภพ นอกจากจะทำให้ข้าเจ็บปวดใจแล้ว ยังเป็นกบฏตัวใหญ่ เจ้าคิดว่าอย่างนี้ถูกต้องกับอาณาจักรเทียนหลงแล้วอย่างงั้นเหรอ!”

 

“ข้าน่ะเหรอทำไม่ถูกต่ออาณาจักรเทียนหลง?” อัครเสนาบดีหลงหัวเราะออกมา จากนั้นก็ทำสีหน้าอึมครึมแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นอาณาจักรเทียนหลงต่างหากที่ทำไม่ถูกต่อข้า! ข้าเทียบเจ้าไม่ได้ตรงไหน? ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือความภักดีต่ออาณาจักร ข้าล้วนไม่ด้อยกว่าเจ้า! แต่เพราะเรื่องเล็กน้อยอย่างสายเลือด ทำให้ข้าไม่ได้รับการยอมรับจากสมบัติลับเทียนหลง ทำให้ข้าไม่ได้เป็นจักรพรรดิ ช่างน่าหัวเราะยิ่งนัก!”

 

คำพูดนี้ของอัครเสนาบดีหลงถือเป็นการเหน็บแนม ต่อให้เจ้าจะโดดเด่นแล้วยังไง แต่ตราบเท่าที่สายเลือดของเจ้าคู่ควร งั้นก็ได้แต่ต้องไสหัวออกไปอยู่ดี

 

“นี่ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมจริงๆ แต่ก็ได้ให้เจ้าเป็นอัครเสนาบดีแล้วไง นี่ก็น่าจะตอบแทนกันได้ ทั้งขุมอำนาจส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่อยู่ในมือเจ้า” เริ่นหลงพูดอย่างจริงจัง “แต่เจ้าก็ยังเลือกที่จะทรยศ ทั้งยังต้องการสังหารข้าเพื่อดูดกลืนแก่นโลหิต เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสมบัติลับเทียนหลง นี่มันทำเกินไปแล้ว! ต่อให้จะเป็นพระบิดาหรือพระมารดา พวกท่านก็ไม่มีทางที่จะยกโทษให้เจ้าอย่างแน่นอน!”

 

“ฮ่าๆๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ราชาอยู่ดี!” อัครเสนาบดีหลงหัวเราะเยาะ “เพื่อที่จะสามารถควบคุมสมบัติลับเทียนหลงได้ ไม่มีทางอื่นนอกจากดูดกลืนแกนโลหิตมังกรสวรรค์ เป็นเพราะข้าไม่ได้ดูดกลืนให้มากพอ จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ หากว่าข้าดูดกลืนมากอีกหน่อย ข้าก็ยังจะได้รับการยอมรับอยู่ดี!”

 

“ไม่จำเป็นต้องดูดกลืนมากไปกว่านี้หรอก” อี้เทียนหยุนพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่แยแส “ต่อให้แกนโลหิตของเจ้าบริสุทธิ์ สมบัติลับเทียนหลงก็ยังจะไม่ยอมรับเจ้าอยู่ดี อุปกรณ์ระดับเทวะอย่างสมบัติลับเทียนหลงล้วนแต่มีจิตวิญญาณ การที่มันไม่ยอมรับเจ้า ไม่ใช่เพราะสายเลือดมังกรสวรรค์ของเจ้าไม่บริสุทธิ์พอ แต่เป็นเพราะจิตใจที่ชั่วร้ายของเจ้าต่างหาก หากว่าก่อนหน้านี้เจ้าได้กลายเป็นจักรพรรดิ ข้าคิดว่าเจ้าคงต้องมอบอาณาจักรเทียนหลงให้อาณาจักรใต้พิภพอยู่ดี ข้าพูดถูกไหม?”

 

ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ก็ทำให้คนทั้งหลายพากันตกใจ จากคำพูดที่อี้เทียนหยุนพูดออกมา อัครเสนาบดีหลงผู้นี้คือคนของอาณาจักรใต้พิภพ เป็นสายลับที่อาณาจักรใต้พิภพส่งมาอย่างงั้นเหรอ?

 

ในตอนนี้ ทำให้พวกเขาต่างก็พากันเปลี่ยนความคิด หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาคงคิดเพราะการตอบแทนอย่างเย็นชาทำให้เขาต้องกลายเป็นกบฏ แต่ถ้าหากเป็นตามที่อี้เทียนหยุนพูดจริงๆ งั้นเขาก็เป็นคนของอาณาจักรใต้พิภพมาตั้งแต่เริ่ม อย่างนี้ความหมายที่ได้ก็ต่างกันแล้ว

 

การทรยศเพราะเหตุการณ์บังคับกับเป็นสายลับ ทั้งสองอย่างนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง หากทรยศเพราะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม อย่างนี้ยังใช้เป็นข้ออ้างได้ แต่หากเป็นสายลับนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง จากตอนแรกที่เป็นการกระทำโดยบริสุทธิ์ ตอนนี้ได้กลายเป็นแผนการลับไปเรียบร้อยแล้ว