นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 641 คุณเฉินเข้าทำงาน
คนคนนั้นแอบถ่ายรูปที่กวนจิ่งสิงเมามายเอาไว้ แล้วส่งให้กับซูฉิง
ซูฉิงเป็นห่วงว่ากวนจิ่งสิงจะทำเรื่องที่ส่งผลไม่ดีกับเย่ซี เลยส่งคนติดตามกวนจิ่งสิง ถ้าหากพบเข้าก็จะได้จัดการห้ามได้ทันท่วงที
ซูฉิงดูคลิปกวนจิ่งสิงที่อยู่ในสภาพเมามายก็เผยสายตาไม่แยแส เธอไม่รู้สึกสงสารกวนจิ่งสิงที่ไม่รู้จักรักษาคนรักเอาไว้หรอก
และเขายังทำร้ายเย่ซี ไม่จำเป็นต้องสงสาร
ซูฉิงค่อยๆ เปิดเปลือกตาลงพร้อมกับปิดหน้าจอ
“ดูอะไรหรอ ทำไมถึงทำหน้าอย่างนี้”
และเย่ซีที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถามขึ้น ตอนนี้เธอถึงแม้ว่าจะยังนั่งอยู่บนเตียง แต่ก็หยิบปากกาขึ้นมานั่งแต่งเพลงแล้ว
หลายวันมานี้เย่ซีพักฟื้นอาการดีขึ้นมาก ซูฉิงเลยแนะนำให้เธอชดเชยโอกาสที่เสียไปก่อนหน้านี้ โดยการแต่งเพลงใหม่ขึ้นมา
“เป็นเรื่องของกวนจิ่งสิง”
ซูฉิงพูดอย่างเนือยๆ เย่ซีมีท่าทีอึ้งเล็กน้อย และไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา
“อ้อ……..”
เย่ซีขานรับสั้นๆ สำหรับเรื่องของกวนจิ่งสิงแล้ว เธอไม่รู้สึกเฉยชาแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังเรื่องที่กวนจิ่งสิงไปหาซูฉิง ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ไม่แน่เย่ซีอาจจะรู้สึกดีใจมาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรแล้ว
เห็นเย่ซีไม่พูดอะไร ซูฉิงก็ถอนหายใจออกมา
เธอรู้ว่า กวนจิ่งสิงมีผลกระทบกับเย่ซีไม่น้อย ถ้าหากเพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดเรื่องใหม่ สำหรับเย่ซีแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“แต่งเพลงไปถึงไหนแล้ว”
ซูฉิงเดินเข้ามาดู สักพักก็เอ่ยชมออกมาไม่หยุด:”ไม่เลวๆ ถ้าหากเธอยังแต่งได้อยู่แบบนี้ต่อไป เพลงนี้ก็อาจจะเป็นเพลงที่ทำให้เธอมีโอกาสโด่งดังได้”
พอพูดมาถึงตอนนี้ เย่ซีก็ตาวาวขึ้นมา พร้อมกับพยักหน้า:”ค่ะ! ฉันจะพยายามต่อไป”
“แต่ว่าที่นี่……”
ซูฉิงคิ้วขมวดแล้วชี้ไปหน้ากระดาษของเย่ซี :”ตรงหนี้อาจจะต้องแก้สักหน่อย ไม่งั้นจะทำให้รู้สึกรุนแรงเกินไป”
ซูฉิงลองอ่านดู หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ก็ไม่ไอเดียขึ้นมาทันที
เธอยิ้มให้กับซูฉิง หลายวันมานี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากซูฉิง เกรงว่าเธอคงไม่มีวันนี้
ฮ่อหยุนเฉิงมาที่บริษัท ก็เห็นพวกพนักงานกำลังพูดซุบซิบนินทาอะไรกันอยู่
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปกติสิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือพวกพนักงานที่ไม่ตั้งใจทำงานเอาแต่ซุบซิบนินทาไปทั่ว
พนักงานโดยรอบสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของฮ่อหยุนเฉิงก็พากันหยุดซุบซิบไม่นินทากันต่อ
“พี่เฉินสวัสดีตอนเช้า”
และทันใดนั้นเองก็มีพนักงานคนหนึ่งยืนกอดเอวเอ่ยทักทายใครก็ไม่รู้
ฮ่อหยุนเฉิงหันไปมอง เพราะฮ่อหยุนเฉิงจำได้ว่าในบริษัทไม่พนักงานแซ่เฉิน
“สวัสดี”
ฮ่อหยุนเฉินเหมือนได้ยินเสียงของเฉินเจียว เขาเลิกคิ้วขึ้น เฉินเจียว หล่อนมาที่บริษัทงั้นหรอ?
และเป็นอย่างที่คาดคิด ตอนที่ฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะขึ้นไปยังห้องทำงานแล้วก็ได้เจอกับเฉินเจียว
และก็เห็นเฉินเจียวสวมชุดทำงานสีดำขาว ผมยาวประบ่าก็ถูกรัดรวบสูงทำให้ดูสุขุมขึ้น
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
ฮ่อหยุนเฉิงเอ่ยถามด้วยหน้ายังคงเรียบเฉย
“ก็มาทำงานที่นี่สิ”
เฉินเจียวยิ้ม พร้อมกับยื่นป้ายที่ติดอยู่หน้าอกให้ฮ่อหยุนเฉิงดู
“ผู้จัดการ”ป้ายตำแหน่งก็ปรากฏตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิง ซึ่งเป็นของตระกูลฮ่อกรุ๊ป
ฮ่อหยุนเฉิงไม่พอใจที่เฉินเจียวเข้ามาทำงานในบริษัท และตนก็ไม่รู้เรื่อง
“ไปทำงานเถอะ”
ฮ่อหยุนเฉิงโบกมือให้ และกำลังจะเดินไป แต่ก็ถูกเฉินเจียวเรียกไว้
“เห็นฉันแล้ว คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ”
เฉินเจียวรู้สึกไม่พอใจ อยากจะแสดงตัวต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง
“ทำหน้าที่ของตัวเองไปเถอะ”
ฮ่อหยุนเฉิงแค่พูดออกมาประโยคเดียวแล้วเดินจากไป
เฉินเจียวได้แต่มองตามหลังฮ่อหยุนเฉิง โดยไม่แคร์
ฮ่อหยุนเฉิงที่กลับเข้ามาในห้องทำงานก็โทรหาคุณปู่ฮ่อ
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมเฉินเจียวถึงได้กลายมาเป็นผู้จัดการ”
ฮ่อหยุนเฉิงที่พอต่อสายติดก็เอ่ยถามไปตามสาย
“ตระกูลเฉินมีส่วนเกี่ยวข้องกับปู่ นายก็รู้นี่ ตระกูลเฉินเอ่ยขอกับปู่มากเอง ปู่เลยต้องให้เธอเข้ามาทำงานในบริษัท ปู่ก็จนปัญญา”
คุณปู่ฮ่อก็รู้ว่าอย่างนี้ไม่ดี แต่ทางตระกูลเฉินที่ขอมาเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
“เพื่อความสัมพันธ์ที่ดี คุณปู่ก็ยอมให้เธอเข้ามางั้นหรอ”
ฮ่อหยุนเฉิงที่รู้สึกไม่พอใจ เฉินเจียวจะมีความสามารถมั้ยนั้นก็ส่วนหนึ่ง ถ้าหากทำให้ซูฉิงถูกนินทาในทางไม่ดี ก็ถือว่าไม่ดีแล้ว”
“รอให้นายมีอายุเท่าปู่ แล้วนายจะเข้าใจว่าความสัมพันธ์มันยากอธิบาย”
คุณปู่ฮ่อตอบ เขารู้แต่แรกแล้วว่าฮ่อหยุนเฉิงจะต้องโทรหาตน และเขาก็กำลังรออยู่เหมือนกัน
ฮ่อหยุนเฉิงจนปัญญา ทำได้เพียงหยุดพูดเรื่องนี้เอาไว้ ในเมื่อเฉินเจียวเข้ามาทำงานในบริษัท งั้นก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปเลยตามเลย
มิน่าวันนี้ตอนเช้าบริษัทถึงได้ซุบซิบนินทากัน ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง
อีกฝั่ง ซูฉิงที่มาถึงใต้ตึกบริษัทตระกูลฮ่อกรุ๊ปแล้ว
เธอได้ยินเรื่องที่เฉินเจียวทาทำงานก็นึกถึงวันนั้นที่เธออยู่กับเฟิงรั่วเหยียน ก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา
ฮ่อหยุนเฉิงได้รับแจ้งจากพนักงานประชาสัมพันธ์ ก็รีบลงมา เพื่อดูเห็นซูฉิงที่อยู่ตรงกลางเหล่านักข่าวที่ยืนล้อมวงอยู่
“คุณซู เรื่องที่คุณเฉินเข้าทำงานจะทำให้คุณเข้าใจผิดมั้ยคะ”
พวกนักข่าวต่างก็รุมถามคำถามซูฉิง ซูฉิงก็จำต้องตอบ
“เรื่องที่คุณเฉินเข้ามาทำงานในตระกูลฮ่อกรุ๊ปเป็นเรื่องความสามารถของเธอ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณจะมีเรื่องบาดหมางกับประธานฮ่อมั้ยคะ”
“คุณคิดว่าเป็นเรื่องความสามารถ หรือมีคนตั้งใจทำให้เป็นอย่างนี้”
ซูฉิงที่ถูกพวกนักข่าวรุมล้อม คำถามรั่วๆ เข้ามาในหูของเธอ ทำให้ซูฉิงรู้สึกมึน
“เกิดอะไรขึ้น”
ฮ่อหยุนเฉิงเดินบียดนักข่าวเข้ามาอยู่ในวงล้อมข้างๆ ซูฉิง
“ฉัน ฉันก็แค่เป็นห่วงนาย”
ซูฉิงพูด ถูกพวกนักข่าวมารุมล้อมกะทันหันทำให้รู้สึกตกใจ
“ประธานฮ่อ คุณมาแล้ว”
พวกนักข่าวที่เห็นฮ่อหยุนเฉิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ต่างก็หันกล้องไปทางฮ่อหยุนเฉิง
“ประธานฮ่อ ขอถามหน่อยว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องที่คุณเฉินเข้ามาทำงานที่นี่”
“ความต้องการพนักงานของตระกูลฮ่อกรุ๊ปที่ค่อนข้างสูง ขอถามหน่อยคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
คิดไม่ถึงว่าแค่พริบตาทุกคนต่างก็พุ่งเป้ามาที่ฮ่อหยุนเฉิง
“ทุกคนอย่าพึ่งรีบร้อน ทีละคำถาม”
ซูฉิงที่เห็นฮ่อหยุนเฉิงไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน ก็รีบเปลี่ยนเรื่องมาที่ตนเอง
พวกนักข่าวพวกนี้สามารถที่จะไม่สนใจก็ได้ แต่เพราะเรื่องของเฉินเจียว ถ้าหากมีคนตั้งใจกุเรื่องขึ้นมา เกรงว่าเรื่องจะไปกันใหญ่
“ก่อนอื่น เรื่องที่คุณเฉินเข้ามาทำงานที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปเพราะผ่านการสัมภาษณ์จากฝ่ายบุคคล ไม่เกี่ยวกับพวกเราสองคน”
ซูฉิงคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่แล้วตอบคำถามนักข่าว
ส่วนฮ่อหยุนเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอาแต่เงียบ และเห็นพวกนักข่าวที่ขยับเข้ามาใกล้อย่างตื่นเต้นเลยยื่นแขนออกไปขวางไม่ให้เข้าใกล้ซูฉิง