บทที่ 400 หลายการเปลี่ยนแปลงเหนือความคาดหมาย

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

หลังตอนนี้ไปจะเหลือวันละ2ตอนนะคะ เหตุผลเดิมๆเลย

บทที่ 400 หลายการเปลี่ยนแปลงเหนือความคาดหมาย
ลูเซียนไม่ได้รู้สึกรู้สากับการประณามของพวกเขาเท่าไรนัก เนื่องจากเขาคาดการณ์ทุกอย่างไว้แล้ว นอกจากนี้ เขารู้ตัวดีว่าเขามีพละกำลังมากกว่าทุกคนมากมายนัก

ด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง ลูเซียนยังคงสงบสติอารมณ์อยู่ได้

อย่างไรก็ตาม โซเฟียโกรธมากจนกระทั่งหน้าของนางซีดลง “ไร้สาระสิ้นดี! ตอนที่วงเวทเริ่มเปลี่ยน โบลัคกับข้ายังคงหาเส้นทางที่ถูกต้องอยู่เลย! เราไม่มีเวลาไปทำเรื่องนี้หรอก!”

“ไม่มีพยาน มีเพียงฝ่าบาทกับโบลัค!” อาร์เธนพูดจาถากถางอย่างเยือกเย็น พวกขุนนางคนที่เหลือรวมถึงเรล์ฟและแคลร์ต่างก็ถลึงตาตามองทั้งสองอย่างไม่ไว้วางใจ

เมื่อเห็นอาการเป็นเช่นนั้น โซเฟียก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจมากขึ้นจนร่างของนางสั่นไปทั้งตัว “ที่นี่เป็นปราสาทใต้ดินของนักเวทระดับตำนาน ไม่มีทางที่ข้าจะเปลี่ยนวงเวทของที่นี่ได้!”

“จริงหรือ? กระหม่อมจำได้ว่าองค์จักรพรรดิเคยเข้ารับการทดสอบที่นี่เช่นกัน ฉะนั้น องค์จักรพรรดิคงรู้แผนผังของที่นี่เป็นอย่างดี แล้วตอนนี้ ฝ่าพระบาทก็ขึ้นเป็นระดับตำนานแล้ว มีพลังมากพอจะแทรกแซงวงเวทของที่นี่ บางที… บางที เจ้าหญิงเองก็อาจบังเอิญรู้วิธีมา และพระองค์หญิงกระหม่อมเชื่อว่าจะสามารถควบคุมการทดสอบและวางกับดักท่านเมทาทรอนได้ พระองค์เลือกโบลัค เจ้าขยะไร้ความสามารถผู้นี้ เป็นเครื่องมือของพระองค์ พระองค์จะได้ควบคุมตระกูลกอร์ส! มิฉะนั้นทำไมเจ้าหญิงผู้เอาแต่ใจจึงประสงค์จะลงมาที่นี่?!” คำกล่าวหาของอาร์เธนดังก้องไปทั่วโถง

เมื่อได้ยินสิ่งที่อาร์เธนกล่าวหา ขุนนางทุกคนก็จ้องโซเฟียเป็นตาเดียว เรากลับว่านางเป็นปีศาจซัคคิวบัสที่งดงามแต่ร้ายลึก สายตาที่ทุกคนต้องมองนางเต็มไปด้วยความระวังตัวและความเกลียด ทุกคนพร้อมวิ่งเข้าใส่และสังหารเจ้าหญิงได้ตลอดเวลา!

อันที่จริงแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของอาร์เธน ลูเซียนเองก็เริ่มสงสัยในวัตถุประสงค์ของโซเฟียที่ลงมาที่นี่ แม้ว่าอาร์เธนจะไม่มีหลักฐาน แต่คำอธิบายของเขาก็สมเหตุสมผล ลูเซียนเองก็มีคำถามมากมายอยู่ในหัว

อย่างไรก็ตาม แล้วอาร์เธนเข้าใจเรื่องนี้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ตั้งแต่เมื่อไร? ตามที่ลูเซียนรู้มาจากโบลัค การพูดอะไรยืดยาวแบบนี้ไม่ใช่จุดแข็งของอาร์เธน หรือว่าอาร์เธนแกล้งเล่นบทอัศวินผู้แข็งแกร่งแต่ไร้ปัญญามาโดยตลอด?

นอกจากนี้ โซเฟียก็ไม่เคยห่างตัวลูเซียน ตั้งแต่ทั้งคู่พบกันในปราสาทใต้ดินแห่งนี้ ฉะนั้น นางแทบไม่มีโอกาสเข้าแทรกแซงวงเวท หากนางวางกับดักทั้งหมดนี้ล่วงหน้า แล้วโซเฟียจะตามหาโบลัคให้ทันเวลาได้อย่างไร? และอีกอย่าง ก็ไม่มีความจำเป็นที่โซเฟียต้องซ่อนวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนางจากโบลัค เนื่องจากมีข้ออ้างให้นางเลือกใช้มากมาย หากโบลัคได้รู้ว่าเจ้าหญิงประสงค์จะสนับสนุนเขามากมายถึงเพียงนี้ เขาก็ย่อมจะสวามิภักดิ์แด่เจ้าหญิงและปกป้องนางด้วยชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เมื่อโบลัคได้ยินคำกล่าวหาของคนอื่นๆ จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกสงสัยขึ้นมา

โซเฟียกระทืบเท้าลงบนพื้นด้วยความโกรธ แล้วนางก็หันไปหาลูเซียนพร้อมน้ำตานองหน้า “ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”

“กระหม่อมเชื่อฝ่าบาทเต็มหัวใจ” ลูเซียนมองหน้าโซเฟียเพื่อปลอบขวัญนาง แต่ขณะเดียวกัน เขาก็กำลังคิดคำนวณระยะทางของห้องลับว่าไกลจากห้องโถงใหญ่ขนาดไหน

รอยยิ้มทรงเสน่ห์ปรากฏบนหน้าโซเฟียราวกับดอกทิวลิปกำลังเบ่งบาน “ตราบใดที่ท่านเชื่อใจข้า ข้าก็ไม่แยแสคำกล่าวหาของพวกเขา”

เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงและโบลัคใกล้ชิดสนิทสนมกันเพียงไหน ขุนนางหนุ่มมากมายที่แอบตกหลุมรักเจ้าหญิงต่างรู้สึกหงุดหงิดเป็นอันมาก ด้วยความโกรธเกรี้ยวของพวกเขา ทุกคนอยากจับทั้งคู่ไปเผาทั้งเป็นบนตะแลงแกงเสียตอนนี้เลย

อาร์เธนรู้ว่าพวกขุนนางหนุ่มๆ ทั้งหมดต่างก็โมโหสุดขีด เขาจึงยกดาบในมือขวาขึ้นแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “เรล์ฟ แคลร์ อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือไม่? ถ้าไม่อยากตาย เราต้องร่วมกันฆ่าพวกมันเสียก่อน!”

สีหน้าของเรล์ฟดูสับสน แต่ในที่สุด เขาก็ตอบออกมาเสียงดัง “อาร์เธน ข้าอยู่กับเจ้า!”

เขาเชื่อในคำพูดของอาร์เธน

“ดี แล้วเจ้าล่ะ แคลร์?” อาร์เธนถาม ขณะเดียวกัน เขาก็ยกโล่สีดำที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์ขึ้น เพื่อป้องกันเผื่อว่าโซเฟียอาจจะร่ายเวทมนตร์ออกมาตอนไหนก็ได้

โซเฟียอาจรู้สึกตกตะลึงกับสถานการณ์มากเกินไป และก็ไม่มีสัญญาณว่านางจะเปิดฉากการโจมตีก่อนขุนนางคนอื่นๆ ที่รวมตัวกัน ขณะที่ลูเซียนตัดสินใจรอดูว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรอีก พร้อมกันนั้น เขาก็ยังคงคำนวณตำแหน่งที่ห้องลับน่าจะตั้งอยู่

แคลร์ก็สวมใส่เสื้อเกราะโซ่ถักขนาดพอดีตัวเหมือนโจเซลีน ซึ่งเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของนางอย่างชัดเจน แต่เสื้อเกราะโซ่ถักของแคลร์เป็นสีดำ

“ข้าหรือ?” แคลร์หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วนางก็ยิ้มออกมา “ข้าจะสู้ร่วมกับองค์หญิงและโบลัค”

“อะไรนะ?!”

ขุนนางคนอื่นๆ ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

อาร์เธนพูดออกมาอย่างใจเย็น “เจ้าเป็นพวกมันอย่างนั้นหรือ แคลร์?”

“หยุดไร้สาระได้แล้ว อาร์เธน” แคลร์เลิกคิ้วสีทองของนาง “ข้าทำอย่างนี้ก็เพราะข้าคิดว่าเจ้านั่นแหละเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้! ในสถานการณ์อย่างนี้ เราควรหยุดสู้กันเอง แล้วรอให้ท่านลุงอุลริชส่งคนมาช่วย มีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่อยากยุแย่งให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อเขาจะได้ฆ่าทุกคนที่ต้องการก่อนคนอื่นมาถึง! อาร์เธน สารภาพมา! เจ้าต้องการอะไร?!”

ขณะที่นางตั้งคำถามใส่อาร์เธน แคลร์และขุนนางส่วนที่สนับสนุนนางก็ออกเดินมาหาฝ่ายโซเฟีย

โซเฟียประหลาดใจมาก “ขอบใจมาก แคลร์! ท่านสมควรได้รับนามว่า ‘กอร์สผู้ปราดเปรื่อง!’” ตอนนั้นเอง นางสังเกตว่าโบลัคกำลังมองไปทางอื่น “ท่านมองอะไรกัน โบลัค?”

ลูเซียนจดจำแผนผังของสถานที่นี้ได้แล้ว เขาหันกลับมาแล้วก็ยิ้มมุมปาก “กระหม่อม… อืม… กระหม่อมกำลังมองหาเด็กที่ชื่อว่าโคนัน เอโดงาวะ โคนัน”

ฆาตกร ห้องลับ และศพคนตาย… ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ‘ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน’

“อะไรนะ…. โคนัน? ไม่เคยได้ยินชื่อแปลกแบบนี้มาก่อนเลย เด็กงั้นหรือ? แล้วเด็กจะลงมาทำอะไรที่นี่? ท่านรู้จักเด็กคนนี้ได้อย่างไร?” โซเฟียสับสนมาก

“ขออภัยพะยะค่ะ กระหม่อมพูดเล่น เขา… อืม… เขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่กระหม่อมรู้จัก ทุกครั้งที่กระหม่อมเจอเขา จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น กระหม่อม… พูดเล่นจริงพะยะค่ะ” ลูเซียนรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมอารมณ์ขันของเขาถึงเกิดขึ้นในสถานการณ์อย่างนี้

แต่ที่น่าประหลาดใจ โซเฟียกับเข้าใจท่าทีแปลกๆ ของลูเซียนแล้วก็พยักหน้าให้เขา แล้วนางก็หันไปพูดกับแคลร์อย่างจริงใจ “ข้าต้องบอกว่าข้าเคยไม่ชอบเจ้ามากๆ มาก่อน แคลร์ แต่ตอนนี้ข้าต้องขออภัย ข้าไม่เคยสังเกตถึงปัญญาและความงามของเจ้ามาก่อน ได้โปรดอภัยให้ข้า แคลร์”

“ไม่ต้องกังวลเพคะ” แคลร์ยิ้ม “ภายใต้รัศมีของพระองค์ หม่อมฉันไม่มีทางเป็นที่สะดุดตา”

เมื่อแคลร์หันไปเผชิญหน้ากับอาร์เธน นางกระพริบตาให้ลูเซียนเพื่อเตือนเขาว่าข้อตกลงระหว่างทั้งคู่ยังคงเหมือนเดิม

สีหน้าของอาร์เธนไม่สู้ดีนัก “แคลร์ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน โบลัคกับเจ้าหญิงจะไม่ปล่อยให้เรามีโอกาส การประนีประนอมยอมแพ้ไม่ได้ทำให้เราปลอดภัยหรอกนะ!”

“ถูกแล้ว!” เรล์ฟและขุนนางคนอื่นๆ ตะโกนเสียงดัง

ลูเซียนเองก็ได้สังเกตปฏิกิริยาของพวกขุนนาง และด้วยความรู้เชิงจิตวิทยาที่เขาร่ำเรียนมา เขาก็เห็นว่าทุกคนมีน้ำเสียงไปทางเดียวกันโดยไม่ต้องสงสัย

“สู้! เราต้องสู้ถึงจะรอด! เราต้องสู้ถึงจะไม่ตาย!” อาร์เธนใช้ดาบตบลงบนโล่ของเขาและตะโกนออกมาเสียงดัง ราวกับว่าพลังและทัศนคติของอาร์เธนส่งผลต่อขุนนางที่ถือหางเขา กำลังใจของทุกคนพุ่งขึ้นสูงสุด

ร่างของอาร์เธนมีแสงปกคลุมเป็นประกาย แล้วเขาก็นำขบวนวิ่งเข้าใส่ลูเซียน โซเฟีย และแคลร์ ห้องโถงทั้งห้องสั่นสะเทือนเล็กน้อยด้วยน้ำหนักเท้าที่ย่ำลงอย่างหนักหลวง

ในฐานะอัศวิน ลูเซียนถือ ‘ดาบน้ำแข็ง’ กระชับด้วยสองมือและวิ่งเข้าตรงใส่อาร์เธน แคลร์ก็วิ่งตามเขามาติดๆ

ในฝั่งของอาร์เธน พายุทอร์นาโดสีดำถูกเรียกออกมา ขุนนางหลายคนถูกลมหอบขึ้นกลางอากาศและเหวี่ยงลงสู่พื้นอย่างรุนแรงในวินาทีต่อมา พวกเขาสลบไสลไปในทันที

ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของผู้ร่ายเวทมนตร์พลังโลหิตระดับห้าได้ หากไม่มีความแข็งแกร่งระดับอัศวินหลวงหรือมีอุปกรณ์เวทมนตร์หรืออุปกรณ์เทพพิเศษระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม โซเฟียยังยั้งมือไว้ เนื่องจากนางไม่อยากสังหารพวกเขา มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมา ตอนที่นางออกไปได้

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางพายุทอร์นาโด อาร์เธนกลับนิ่งสงบราวกับหินก้อนใหญ่ และในวินาทีต่อมา เขาก็มาอยู่ตรงหน้าลูเซียนและเริ่มการโจมตี!

ลูเซียนก็ตวัดดาบจากล่างขึ้นบน และดาบน้ำแข็งของเขาก็ปะทะเข้ากับดาบเวทมนตร์ระดับห้าของอาร์เธนเข้าอย่างจัง

เปรี้ยง!

ลูเซียนต้องประหลาดใจเป็นที่สุด เขาไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งในดาบของอาร์เธนเลย

เพียงแค่ดาบเดียว อาร์เธนก็ถูกซัดกระเด็นถอยหลัง ราวกับว่ามีกระแสลมรุนแรง และทันทีที่เขาตกกระแทกพื้น เขายังคงขยับตัวถอยหลัง

ตอนนั้นเอง ลูเซียนก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากด้านหลัง และในวินาทีต่อมา ร่างของหญิงสาวผู้บอบบางก็วิ่งตรงเข้าใส่เขา ด้วยคลื่นพลังเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่แผ่มา กำแพงโปร่งใสสี่ด้านก็ล้อมรอบพวกเขาไว้!

“แคลร์… เจ้าทำอะไร?!” โซเฟียถามแคลร์อย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่แคลร์ยืนอยู่ด้านนอกของกำแพง เป็นโซเฟียนั้นเองที่วิ่งพุ่งใส่ลูเซียน และโล่ลมของนางก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมากมาย

แคลร์ยิ้มอย่างเลือดเย็น “ฝ่าบาท ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับอาร์เธนเสมอ”

“แคลร์ เจ้า…!” โซเฟียโกรธจัดถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ลูเซียนสังเกตว่าเรล์ฟก็ติดอยู่ในกับดักกำแพง ตอนที่เรล์ฟถามแคลร์ด้วยความเกรี้ยวกราด “เจ้าอยู่ฝ่ายราชวงศ์ไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าถึงช่วยอาร์เธน?”

ลูเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจ้องมองกำแพงโปร่งใสที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา สำหรับเขาแล้ว รูปแบบที่พลังไหลภายในกำแพงและรูปแบบสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่เปลี่ยนแปลงมีลักษณะแปลกมาก

ตอนนั้นเอง นอกจากอาร์เธน แคลร์ และขุนนางคนอื่นๆ ที่หมดสติอยู่บนพื้น พวกขุนนางที่เหลือต่างติดอยู่ในกับดักกำแพง

ในที่สุด พวกเขาก็ได้รู้ความจริง ขุนนางหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมา “เจ้าเป็นคนที่เปลี่ยนวงเวท เจ้านั้นเอง!”

“ฮ่าๆๆๆๆ…” อาร์เธนหัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่มีอะไรต้องกังวลตอนพวกเจ้าตายกันหมดแล้ว! ไม่มีทางที่แคลร์จะอยากสู้กับข้าเพื่อตำแหน่งดยุก! อีกไม่นาน นางก็จะเข้าพิธีอภิเษกกับเจ้าชาย!”

“ท่าน ท่านพี่หรือนี่?” โซเฟียเข้าใจทุกอย่างในที่สุด และนางก็หันไปอีกทางพร้อมกับรอยยิ้ม

“โซเฟีย เจ้าไม่ใช่เป้าหมายของข้า ข้าเพียงอยากรู้ว่าท่านพ่อพัฒนาและขึ้นสู่ระดับตำนานได้อย่างไร แต่ว่า ถ้าข้าใช้โอกาสนี้สังหารเจ้า น้องหญิง ก็ไม่เลวทีเดียวนะ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไร โซเฟีย” จากทางเข้าอีกทางหนึ่ง เจ้าชายเบเยอร์เดินเข้ามาอย่างใจเย็น

แคลร์รีบเดินเข้าไปหาเจ้าชาย พร้อมแววตาชื่นชมบนใบหน้าอันเฉิดฉายของนาง เห็นได้ชัดว่านางกำลังมีความรัก

อาร์เธนกล่าวกับเจ้าชายด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท ท่านเมทาทรอนสัญญาว่าจะให้เวลาเราห้านาทีเท่านั้น เราต้องลงมือตอนนี้เลย”

“เปิดวงแหวนต้านเวท ปล่อยก๊าซพิษ และโกเลม โซเฟียมีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้าเป็นห่วง ตามหาตัวเดนิซและจัดการเขาเสีย” เบเยอร์สั่งการราวกับว่าเขากำลังจัดการเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่สำคัญ

อาร์เธนตราประทับหลากสีขนาดเท่ากำปั้นออกมาและเดินเข้าไปหาเบเยอร์ เขาพร้อมจะจบชีวิตขุนนางพวกนี้แล้ว

ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้น

สีหน้าของอาร์เธนตะลึงงัน และในวินาทีต่อมา เขาก็ม้วนตัวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น กองเลือดทะลักออกมาจากร่างของอาร์เธน

ทุกคนที่ติดอยู่ในกำแพงโปร่งใสต่างเห็นเจ้าชายใช้ดาบแทงทะลุอกของอาร์เธนอย่างเลือดเย็น

“ทำไม… ทำไม?” อาร์เธนยังไม่ตายในทันทีเนื่องจากพลังของเขาในระดับอัศวินหลวง อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงที ความตายของเขาก็ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น

เบเยอร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ “คงจะดีกว่าหากสุดที่รักของข้าก็ได้เป็นดัชเชสแห่งตระกูลกอร์สด้วย”

แคลร์ยิ้มกว้างออกมา นางกำลังมองเบเยอร์ราวกับว่าเขาเป็นบุคคลที่นางเทิดทูนเหนือหัว

เบเยอร์ก้าวออกมาข้างหน้า เขากำลังจัดบั่นคอตัดหัวจบชีวิตอาร์เธน

ทันใดนั้น สายฟ้าฟาดขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงลงมาจากเพดาน ปะทะเข้าที่ดาบของเขาก่อนที่จะได้ฟันคออาร์เธน!

“เดนิซ!” แคลร์ตกตะลึงพรึงเพริด นางไม่รู้ว่าเดนิซซ่อนตัวอยู่นานแค่ไหน แล้วทำไมเขาถึงยังไม่ลงมือตั้งแต่ก่อนหน้านี้

สีหน้าของเบเยอร์ก็เปลี่ยนไปในทันที เมื่อเชือกลมสีเขียวพันธนาการข้อมือและข้อเท้าเขาไว้แน่น

โซเฟียยิ้มออกมาขณะหรือไม้เท้าเวทมนตร์ นางเดินออกมาจากกำแพงโปร่งใสอย่างไม่ยากเย็น

ขณะเดียวกัน แสงจากเวทมนตร์ ‘สายลมเยียวยา’ ก็ส่องลงบนหน้าอกของอาร์เธนอย่างนุ่มนวล

คนของเรล์ฟกำลังพยายามคุมตัวลูเซียน บางส่วนก็เข้าล้อมแคลร์ไว้ ส่วนคนอื่นกำลังช่วยเดนิซ

“เจ้า…?!” แม้จะถูกพันธนาการไว้ แต่ในฐานะของบุรุษที่ใกล้จะขึ้นเป็นอัศวินอาภา เบเยอร์ยังสามารถป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเดนิซ

อาร์เธนกระอักเลือด “พระองค์หญิง พวกเราทุกคนต่างเป็นอัศวินของพระองค์”

ปีกสีขาวสยายออกจากหลังของโซเฟีย มีจุดแสงสีเขียวปกคลุมไปทั่วเรากับว่าเอลฟ์สายลมกำลังบินอยู่รอบตัวนาง

ดูด้าที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดหายใจหอบอย่างหนักขณะนั่งคุดคู้ ทันใดนั้น เขาก็เห็นรองเท้าบูทใหม่คู่หนึ่งเดินเข้ามาหาเขา

…………………………………………