บทที่ 1049 อันดับหนึ่ง โดย Ink Stone_Fantasy
ทว่าพอตรงนี้เพิ่งจะไล่ส่งไปอีกคน ก็มีอีกท่านถลันตัวเหาะเข้ามาแล้ว กลิ่นหออมโผเข้าจมูก ลักษณะท่าทางเย้ายวนใจ เรือนร่างอวบอัดกลมกลึง กระโปรงปลิวพลิ้ว นอกจากปี้เยว่ฮูหยินแล้วจะเป็นใครไปได้
เหมียวอี้กับโค่วเหวินหลานคำนับพร้อมกัน ปี้เยว่ฮูหยินยิ้มให้อย่างสนิทสนม พลางพยักหน้าบอกว่า “ผู้บัญชาการหนิว ลำบากเจ้าแล้ว! ได้ยินว่าเจ้าจับสัตว์เลี้ยงวิญญาณของข้าได้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า?”
ถ้านางไม่ถามถึง เหมียวอี้ก็เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว หลังจากปีศาจจิ้งจอกพันหน้าโดนเขาจับตัวไป ผ่านไปหลายไปก็ไม่เคยได้ออกมาสูดอากาศเลย เรียกได้ว่าโดนขังหนึ่งร้อยปีโดยไม่ได้เห็นฟ้าเห็นตะวัน เขาจึงรีบหยิบกระเป๋าสัตว์ใบหนึ่งออกมา แล้วใช้สองมือยื่นให้นาง
เมื่อกระเป๋าสัตว์มาอยู่ในมือ ปี้เยว่ฮูหยินก็เรียกปีศาจจิ้งจอกพันหน้าออกมาทันที นางแก้มัดออก แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ปลุกให้ตื่น
พอลืมตามาเป็นปี้เยว่ฮูหยิน ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าก็ห่อเหี่ยวทันที แล้วก็เอียงหน้ามองไปที่เหมียวอี้อีก นางแค้นจนกัดฟันกรอด แล้วก็ฟ้องทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง กล่าวอย่างได้รับความไม่เป็นธรรมว่า “ฮูหยิน หนิวโหย่วเต๋อตีข้า ตีข้าจนเกือบตายแล้ว ฮูหยินต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะ!”
เหมียวอี้ตกใจทันที ใครจะไปคิดว่าปี้เยว่ฮูหยินจะทำเสียงฮึดฮัด แล้วบอกว่า “ตีก็ดีแล้ว! ถ้ากล้าหนีไปอีก ครั้งหน้าก็จะไม่ได้แค่ตีแล้ว! ยังไม่รีบกลับร่างเดิมแล้วกลับไปกับข้าอีก?”
โค่วเหวินหลานยิ้มบางๆ ในเวลานี้หนิวโหย่วเต๋อคือผู้ที่สร้างผลงานใหญ่ ไม่ว่าเทพหรือผีก็ไม่กล้าทำร้าย การนำ ‘เรื่องเล็กๆ’ มาฟ้องแบบนี้ถือเป็นเรื่องล้อเล่น ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก ใครมาฟ้องก็จะโดนเมินใส่ ผลงานการสู้รบที่ยอดเยี่ยมก็เห็นๆ กันอยู่!
ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าไม่รู้สถานการณ์ ได้แต่อึ้งพูดไม่ออก ก้มหน้าอย่างน้อยใจ จากนั้นร่างกายก็กะพริบแสงสีม่วง กลายร่างเป็นจิ้งจอกแสนสวยสีชมพูตัวหนึ่งและตกเข้าไปในอ้อมอกปี้เยว่ฮูหยิน ปี้เยว่ฮูหยินลูบขนของจิ้งจอก ส่งยิ้มเบาๆ ให้ทั้งสอง แล้วหันตัวเดินจากไป
ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้โล่งใจ กุมหมัดคารวะส่งโค่วเหวินหลานเดินออกไปอีกครั้ง จากนั้นถึงได้กลับเข้ามาในห้องถ้ำ
พอเห็นสวีถังหรานกำลังนอนอยู่บนเตียงหินและหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่งยัดใส่ปาก เหมียวอี้ก็นั่งลงข้างๆ แล้วพูดจิกกัดว่า “สวีถังหราน ทักษะการแสดงไม่ธรรมดาเลยนะ”
มู่หรงซิงหัวที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วหัวเราะ แอบส่ายหน้าพลางคิดในใจว่า เจ้าเองก็แสดงได้ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
สวีถังหรานกลับตกอกตกใจ รีบร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดมองนอกถ้ำ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ถึงได้ยิ้มสู้พร้อมอธิบายว่า “น้องหนิว ข้าก็มีเจตนาดีเหมือนกันนะ ข้ายอมเสียหน้าก็เพื่อทุกคนไงล่ะ ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าในมือน้องหนิวจะมีนักโทษเยอะขนาดนั้น ถ้าข้ารู้แต่แรกนะ ข้าก็คงไม่ทำให้ตัวเองลำบากแบบนี้หรอก ผลงานอันยอดเยี่ยมก็มีให้เห็น ใครจะกล้าว่าอะไรล่ะ? แน่นอน ข้าเองก็อาศัยยารมีน้องหนิวเหมือนกัน…นี่คือของที่เก็บได้นิดหน่อยก่อนหน้านี้ พวกเราแบ่งเป็นสามส่วนเท่าๆ กันเถอะ”
เขานำเกราะรบผลึกแดงสองชุดที่ชุบมือเปิบไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เหมือนอยากจะอุดปากเหมียวอี้กับมู่หรงซิงหัว
เหมียวอี้เหลือบมองแวบหนึ่ง พ่นเสียงทางจมูกแล้วบอกว่า “เจ้าเก็บไว้ใช้เองดีกว่า!” แล้วก็ดีดแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งให้มู่หรงซิงหัว
มู่หรงซิงหัวรับมาดูในมือ ข้างในมีเกราะรบผลึกแดงของผู้หญิงสองชุด ทั้งยังมีสมุนไพรเซียนซิงหัวสิบต้น รวมทั้งยาแก่นเซียนหนึ่งล้านเม็ด
นางเงยหน้ามองเหมียวอี้แวบหนึ่ง เดาว่าเหมียวอี้คงจะเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย การได้นักโทษมาสามสิบห้าคนก็คือเครื่องพิสูจน์แล้ว แต่นางก็ไม่ได้ถามว่าเหมียวอี้ได้มาเท่าไร รู้ว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่ให้ตนก็โวยวายไม่ได้อยู่ดี ถามไปก็ยิ่งไม่มีความหมาย นางไม่ได้ทำตัวอิดออดอะไร เพียงรับมาเก็บเอาไว้เงียบๆ
เดิมทีเหมียวอี้เตรียมจะแบ่งแหวนเก็บสมบัติให้สวีถังหรานวงหนึ่งอย่างเท่าเทียมกัน แต่เห็นว่าในเมื่อสวีถังหรานก็เก็บเกี่ยวมาได้บ้างนิดหน่อย งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องมอบให้คนต่ำช้าคนนี้อีก
พอพูดถึงคนต่ำช้า ขนาดเหมียวอี้เองก็ยังรู้สึกขำ ตอนแรกที่อยู่ยอดเขาโอนเอนรวมทั้งตอนที่กลับมาแล้ว ตัวเองก็คิดที่จะเล่นงานคนต่ำช้าอย่างสวีถังหรานให้ตายมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าทั้งสองยังจะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจนถึงวันนี้ได้ แต่จะว่าไปแล้ว สวีถังหรานคนนี้ เวลาที่ควรจะอ่อนก็ยอมอ่อนแบบไม่เกรงใจเลยสักนิด มีวิธีการเฉพาะของตัวเองในการเอาตัวรอด ขายชาตรีคนหนึ่งบทจะร้องก็ร้องเลย บทจะคุกเข่าก็คุกเข่าเลย ช่างน่าไม่อายจริงๆ ทำให้เจ้าไม่มีโอกาสเกิดความคิดที่จะสังหารเขาเลย
เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่ต้องการของของตน สวีถังหรานก็อึ้งนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจดีมาก ว่าอีกฝ่ายคงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ไม่น้อยกว่าตนแน่นอน เขาอยู่เป็นมาโดยตลอด ไม่เหมือนตอนแรกที่กลับมาจากยอดเขาโอนเอนแล้วขอแบ่งสมบัติ ครั้งนี้เขาหุบปากแล้ว เก็บสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้ก็พอ อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า
เหมียวอี้นั่งขัดสมาธิลงข้างๆ ร่ายอิทธิฤทธิ์เร่งสรรพคุณยาของสมุนไพรเซียนซิงหัวในท้อง อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่หายดีเหมือนกัน ส่วนข้างนอกก็ยังต่อสู้เข่นฆ่ากันต่อไป เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว นับว่าผ่านความทรมานของการทดสอบหนึ่งร้อยปีนี้มาแล้ว ต่อไปก็เหลือแค่กลับไปเสพสุขเกียรติยศความร่ำรวย
มู่หรงซิงหัวกลับเหลือบมองเขาหลายรอบ ในใจรู้สึกปลงมาก รู้สึกโชคดีกับการตัดสินใจในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงจะรอดชีวิตกลับมาไม่ได้แล้วจริงๆ…
ท่ามกลางกลุ่มคนที่มุงดูการรายงานผลคะแนนด้านนอก ในใจโค่วเหวินหลานเรียกได้ว่าร่าเริง นอกจากพวกโฉวตั้งไห่ที่ยังต่อสู้เข่นฆ่าอยู่บนท้องฟ้า คนอื่นๆ ที่สามารถฝ่าวงล้อมกลับมาได้ก็กลับมากันหมดแล้ว กลับมาประมาณหนึ่งร้อยกว่าคน รวมๆ แล้วพวกเขานำนักโทษกลับมารายงานผลได้แค่สิบสามคนเท่านั้น ไม่ได้ครึ่งโค่วเหวินหลายด้วยซ้ำ
โค่วเหวินหลานคำนวณนับในใจ บวกจำนวนนักโทษที่ตัวเองส่งมอบไปสามสิบห้าคน ตอนนี้นักโทษก็ถูกจับไปแล้วสี่สิบแปดคน ไม่รู้เหมือนกันว่าในมือของคนสี่กลุ่มที่เข่นฆ่ากันอยู่บนฟ้ามีนักโทษอยู่เท่าไร ดูท่าแล้วมีหวังมากจริงๆ ที่ตัวเองจะได้อันดับหนึ่ง!
ตอนนี้เขาหวังให้คนสี่กลุ่มนั้นรีบหยุดต่อสู้กัน ขอเพียงนักโทษที่เหลืออยู่ไม่ไปรวมอยู่ในมือคนคนเดียว อันดับหนึ่งของเขาก็แทบจะเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว!
ที่จริงเขาก็ดวงเฮงมาก ผลลัพธ์ของเรื่องนี้เกิดขึ้นตามที่เขาเฝ้าหวังแล้ว
เมื่อไม่มีคนอื่นให้ล่าแล้ว ฮุยชิงเหยียนก็เลิกสู้กับฝานอวี้เฟยทันที รีบหนีเอาชีวิตรอดอย่างเร็วที่สุด พยายามอาศัยวรยุทธ์เร่งกลับสู่จุดหมายสุดท้าย
ก็ช่วยไม่ได้ เพราะคนในกลุ่มของนางโดนอีกสามฝ่ายร่วมมือกันสังหารทิ้งหมดแล้ว เหลือแค่นางคนเดียวที่พัวพันกับฝานอวี้เฟยไม่เลิก ทั้งยังไม่มีสัตว์พาหนะ แถมโฉวตั้งไห่กับผังลิ่งกงก็มองมาทางนี้ด้วยแววตาเหมือนหมาป่า รู้สึกได้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงรีบหนีเอาชีวิตรอด!
ในที่สุดฝานอวี้เฟยก็รอดตัวแล้ว นางอยากจะฆ่าฮุยชิงเหยียนทิ้งใจจะขาด แต่ตอนนี้นางไม่มีสัตว์พาหนะ เพื่อนร่วมงานก็ตายจนเหลือแค่สามคน สัตว์พาหนะก็ตายด้วยน้ำมือเหมียวอี้หมด กอปรกับในมือพวกโฉวตั้งไห่และผังลิ่งกงต่างก็มีอาวุธชั้นดี เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี มีความเป็นไปได้สูงว่าโฉวตั้งไห่กับผังลิ่งกงจะลงมือกับนาง จึงไล่ตามหลังฮุยชิงเหยียนไปทันที
เป็นอย่างที่คาดไว้ โฉวตั้งไห่กับผังลิ่งกงโจมตีตามมาติดๆ
ความเร็วสู้ทั้งสองไม่ได้ ภายใต้สภาวะคับขัน ฝานอวี้เฟยกัดฟันถ่ายทอดเสียงบอกตามหลังฮุยชิงเหยียนทันที “นางตัวดี! เจ้ากับข้ามาร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะรอดกลับไป!”
ฮุยชิงเหยียนหันกลับมามองแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบทันที “ก็ได้!”
นางรู้ว่าในตอนนี้ฝานอวี้เฟยก็ไม่กล้าทำร้ายนางเช่นกัน ดังนั้นแล้ว สองคนที่เพิ่งจะสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายจึงร่วมมือกันทันที
ผู้หญิงสองคนนำลูกน้องที่เหลือพียงสามคนของฝานอวี้เฟยทั้งรุกทั้งถอยมาตลอดทาง ภายใต้การร่วมมือกัน แส้หนามของฝานอวี้เฟยคอยปกป้องพวกเขา ส่วนกระสวยสามมุมหนึ่งร้อยแปดอันของฮุยชิงเหยียนก็รับหน้าที่โจมตีศัตรูในระยะไกล ภายใต้การร่วมมือกันด้วยน้ำใสใจจริง ถ้าโฉวตั้งไห่กับผังลิ่งกงอยากจะจัดการทั้งสองให้ได้ไวๆ ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
คนกลุ่มหนึ่งโจมตีกลับมาตลอดทาง เมื่อคนที่ถูกห่อด้วยแส้หนามเหยียบลงพื้นตรงจุดหมายสุดท้าย ก็เก็บของวิเศษเอาไว้ ฝานอวี้เฟยที่เก็บแส้สบตากับฮุยชิงเหยียนแวบหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็เบนหน้าหนีและพ่นเสียงทางจมูกพร้อมกัน แตกคอกันอีกแล้ว!
โฉวตั้งไห่กับผังลิ่งกงที่ยังอยู่บนท้องฟ้าและยังไม่อยากเหยียบลงพื้นสบตากันแวบหนึ่ง แทบจะไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย เมื่อครู่ยังร่วมมือกันไล่สังหารอยู่แท้ๆ ตอนนี้เริ่มเข่นฆ่ากันเองทันที ต่อสู้กันขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง อยากจะคว้าโอกาสสุดท้ายเพื่อแย่งคะแนนในมืออีกฝ่ายมามาไว้ในมือตัวเอง
ลูกน้องของทั้งสองมีจำนวนพอๆ กัน ตอนที่กลับมาฝ่ายโฉวตั้งไห่มีเก้าคน ปรากฎว่าโดนลุกน้องของฮุยชิงเหยียนลอบจู่โจมตายไปสองคน ตอนหลังโดนเหมียวอี้ฆ่าไปอีกสองคน ตอนนี้เหลืออยู่เพียงห้าคน เนื่องจากหนึ่งในนั้นมอบสัตว์พาหนะให้โฉวตั้งไห่ ตอนนี้จึงมีสองคนที่นั่งบนสัตว์พาหนะตัวเดียวกัน
ส่วนลูกน้องของผังลิ่งกงก็ค่อนข้างห้าวหาญ ต่างก็มีชีวิตรอดกลับมาจากศึกเลือดก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่ามีศักยภาพไม่ธรรมดา ดังนั้นตอนกลับมามีสี่คน ตอนนี้ก็ยังเหลือสี่คน ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น
ทั้งสี่คนสู้กับพวกโฉวตั้งไห่ที่มีห้าคนแบบฝีมือไม่ตกเลยสักนิด โฉวตั้งไห่กับผังลิ่งกงสู้กันแบบไม่รู้จักแพ้ไม่รู้จักชนะ ลูกน้องของทั้งสองก็กินกันไม่ลงเช่นกัน
แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจผลลัพธ์ของทั้งสอง ทุกคนสนใจแค่คะแนนของฮุยชิงเหยียนกับฝานอวี้เฟยเท่านั้น ขอแค่นับคะแนนของทั้งสองออกมา ก็จะตัดสินได้แล้วว่าอันดับหนึ่งเป็นของฝ่ายไหน จากสถานการณ์ในตอนนี้ โค่วเหวินหวงกับก่วงจี๋ไม่สะดวกจะรบกวนลูกน้องที่กำลังต่อสู้เพื่อถามว่าในมือมีนักโทษอยู่กี่คน พวกเขาต่างจ้องมาที่ผู้หญิงสองคนนี้
ผ่านไปไม่นาน ผลคะแนนที่ผู้หญิงสองคนนี้รายงานก็ออกมาแล้ว
ในมือฝานอวี้เฟยมีนักโทษสิบสองคน ถ้าไม่ใช่เพราะเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นถูกเหมียวอี้ฆ่าตาย อาศัยพลังอภินิหารของเดรัจฉานเสียงสวรรค์ ก็เป็นไปได้สูงว่าจะไม่ได้จำนวนนักโทษแค่เท่านี้แน่
ในมือฮุยชิงเหยียนมีเพียงเก้าคน!
คำนวณได้ไม่ยากแล้วว่าดอกไม้ดอกแรกจะตกใส่บ้านใคร ในมือทั้งสองรวมกันแล้วได้ยี่สิบเอ็ดคน จำนวนรวมก่อนหน้านี้สี่สิบแปดคน เมื่อบวกกันแล้วได้หกสิบเก้าคน ด้านนอกอย่างมากก็มีแค่สามสิบเอ็ดคน เป็นไปไม่ได้ที่จะเยอะกว่าจำนวนสามสิบห้าของโค่วเหวินหลาน
“เจ้าหก! ยินดีด้วยนะ!” โค่วเหวินชิงมาโผล่อยู่ข้างกายโค่วเหวินหลานตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ นางถ่ายทอดเสียงแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ
โค่วเหวินหลานอยากจะกลั้นยิ้มแต่กลั้นไม่ไหว กุมหมัดคารวะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในใจกลับโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ที่หนึ่ง! ข้าได้ที่หนึ่งโว้ย!
นี่คือผลลัพธ์ที่เขาไม่ได้นึกถึงตอนที่ส่งคนมาทดสอบในปีนั้น ในปีนั้นถูกเรียกไปจึงไม่มีทางเลือก การทดสอบของตำหนักสวรรค์ที่มาเยือนอย่างกะทันหัน รายชื่อก็ถูกร่างไว้ก่อนแล้ว เจ้าอยากจะรีบเปลี่ยนคนก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงแข็งใจส่งพวกเหมียวอี้ไปเดิมพันสักตั้ง ขอแค่ให้จับนักโทษได้สักสองสามคนเพื่อผ่านด่านและรักษาตำแหน่งตัวเองไว้ได้ก็พอ ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าจะช่วงชิงอันหนึ่ง แต่ตอนนี้อันดับหนึ่งดันตกเป็นของเขาแล้ว!
ขณะที่กำลังดีใจจนแทบบ้า ก็รู้สึกโชคดีที่ในปีนั้นรับหนิวโหย่วเต๋อไว้ใต้บังคับบัญชา!
หลังจากแสดงความยินดีกับโค่วเหวินหลานแล้ว โค่วเหวินชิงก็มองไปทางโค่วเหวินหวงที่กำลังหน้าซีด นางพูดในใจว่าช่วยไม่ได้ แรงสนับสนุนที่พี่สามได้รับจากตระกูล เกรงว่าจะต้องหลีกทางให้เจ้าหกแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของโค่วเหวินหวง ในใจนางก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นกัน ถึงอย่างไรก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาง
“ยินดีด้วยๆ!”
บรรดาผู้บัญชาการใหญ่กลุ่มหนึ่ง มีบางคนทำตัวใจกว้างแสดงความยินดีกับโค่วเหวินหลาน บางคนก็หันหน้าหนีด้วยความอิจฉา นอกจากจะไม่อยากหันมองแล้ว ลับหลังยังถ่ายทอดเสียงนินทาด้วยว่า “ทำบุญมาดีนี่ ขนาดเป็นไอ้ตุ้งติ้งก็ยังคู่ควรที่จะได้อันดับหนึ่งเลย!”
“เพราะโชคดีน่ะ! เพราะโชคดี!” โค่วเหวินหลานตอบกลับทุกคนที่มาแสดงความยินดีกับเขาอย่างสุภาพ เขาไม่สนว่าคนอื่นจะดีใจหรือไม่ดีใจ เพราะว่าเขาดีใจมากจริงๆ
ปี้เยว่ฮูหยินที่กำลังอุ้มจิ้งจอกสีชมพูมองมาจากที่ไกลๆ ด้วยแววตาครุ่นคิด นางพึมพำว่า “ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ที่หนึ่งจริงๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด สงสัยตระกูลโค่วคงจะผลักดันให้เจ้าตุ้งติ้งขึ้นไปแสดงความสามารถในตำแหน่งหัวหน้าภาคเข้าสักวัน…”
จู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาข้างกายโค่วเหวินหวงที่กำลังใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกฝ่ายตบบ่าเขาพร้อมบอกว่า “อันดับหนึ่งไม่มีแล้ว ต่อสู้กันต่อไปก็ไม่มีความหมาย ไม่สู้ถามพวกเขาดีกว่าว่าในมือมีนักโทษอยู่เท่าไร”
โค่วเหวินหวงหันกลับมามองแวบหนึ่ง เป็นก่วงจี๋นั่นเอง เขาพยักหน้ารับ แล้วทั้งสองก็เดินแยกตัวออกจากกลุ่มคน ต่างคนต่างนำระฆังดาราออกมา
ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอย่างสูสี ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับข้อความ ก็เกรงว่าจะไม่สะดวกหยุดมือ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายได้รับข้อความพร้อมกัน ก็จะแบ่งคนมาเฝ้าระวังฝ่ายตรงข้าม แล้วต่างคนต่างหยิบระฆังดาราออกมาตอบ
โฉวตั้งไห่แจ้งว่า ในมือมีนักโทษสิบเก้าคน ส่วนผังลิ่งกงอนาถหน่อย มีแค่เจ็ดคน
เดิมทีโฉวตั้งไห่มีแค่สิบเอ็ดคน พอได้จากมือเหมียวอี้มาสี่คน บวกกับดักฆ่าก่อนหน้านี้อีกสี่คน ถึงได้มีนักโทษสิบเก้าคน ผังลิ่งกงอนาถยิ่งกว่า หลายปีก่อนโดนอวี้ชิงหลางกับฮุยชิงเหยียนร่วมมือกันวางกับดัก เดิมทีในมือมีแค่สามคน เพิ่งได้มาเพิ่มสี่คนตอนที่ดักฆ่าก่อนหน้านี้
โค่วเหวินหวงบอกว่า : ไม่ต้องสู้กันแล้ว กลับมาเถอะ พวกเจ้าได้ที่สอง!
ก่วงจี๋กลับบอกว่า : ถ้าแย่งคนมาจากมือพวกเขาได้ พวกเจ้าก็จะได้ที่สอง!
โฉวตั้งไห่ที่รู้ถึงสถานการณ์โดยรวมตัดสินใจว่าจะถอยแล้ว ผังลิ่งกงอยากจะสู้สุดชีวิตก็ไร้ประโยชน์ ถ้าแย่งได้จริงๆ ก็คงแย่งไปนานแล้ว
ขณะกำลังเข่นฆ่ากัน โฉวตั้งไห่ก็นำคนถอยกลับไปที่จุดหมายสุดท้าย ผังลิ่งกงเองก็ทำได้เพียงกลับมาพร้อมความเสียดาย มองฮุยชิงเหยียนด้วยแววตาเหมือนอยากจะถลกหนังนางทั้งเป็น อวี้ชิงหลางตายไปแล้ว อยากจะแค้นก็ไม่มีที่ให้แค้น
ผลคะแนนสุดท้ายออกมาแล้ว อันดับหนึ่งและอันดับสองถูกตระกูลโค่วเหมาไป ฝานอวี้เฟยจากตระกูลเซี่ยโห้วได้อันดับสาม ฮุยชิงเหยียนจากตระกูลฮ่าวได้อันดับสี่ ผังลิ่งกงจากตระกูลก่วงได้อันดับห้า ส่วนตระกูลอิ๋งคนตายไปหมดแล้ว มีอันดับเป็นศูนย์
สามารถมองออกจากสิ่งนี้ ว่าอันดับบนๆ ล้วนถูกตระกูลใหญ่ผูกขาด เมื่อดูจากสถานการณ์โดยรวม นี่คือสิ่งที่ทุกคนคาดเดาไว้แล้ว เพียงแต่ว่า ถ้าไม่มีตัวแปรอย่างเหมียวอี้โผล่มา อันดับจะต้องไม่เป็นแบบนี้แน่นอน ใครจะอยู่หน้าใครจะอยู่หลังก็ยังไม่แน่
เมื่อได้ผลลัพธ์มา หลังจากพ่อบ้านจุยหย่วนตรวจดูจานอิทธิฤทธิ์แล้ว ก็กุมหมัดรายงานเกาก้วนที่อยู่บนบันไดหน้าตำหนักว่า “รายงานนายท่าน จำนวนผู้รอดชีวิตของการทดสอบรวมแล้วสองร้อยเก้าคน ทุกคนกลับมาหมด จับนักโทษได้ทั้งหมดเก้าสิบห้าคน ยังเหลืออีกห้าคนที่รอดไปได้!”
ผลลัพธ์นี้ทำให้คนบางคนทอดถอนใจ เพื่อที่จะจับคนหนึ่งร้อยคน ต้องมีคนตายไปแล้วเจ็ดร้อยกว่าคน ที่จริงในใจทุกคนต่างก็รู้ชัด ว่าคนที่ตายไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของนักโทษ โดยส่วนใหญ่ตายเพราะน้ำมือคนของตำหนักสวรรค์ด้วยกันเอง คือผลลัพธ์ของการเข่นฆ่ากันเอง แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลต่างๆ คำนึงถึง สิ่งที่คำนึงถึงก็คือได้อะไรกลับมาจากสิ่งที่จ่ายไป?
เมื่อได้ยินผลลัพธ์นี้ เกาก้วนที่สีหน้าเรียบเฉยก็สะบัดเสื้อคลุม หันตัวเดินกลับเข้าตำหนักไปแล้ว บรรดาคนที่รักษาชีวิตไว้ได้แต่กลับมามือเปล่าเริ่มกังวลถึงจุดจบของตัวเองแล้ว…
ผ่านไปไม่นาน โค่วเหวินหลานก็วิ่งเข้าไปในห้องถ้ำที่พวกเหมียวอี้อยู่อย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วตะโกนบอกเสียงดังว่า “ลุกขึ้นมาให้หมด ลุกขึ้นมา เร็วๆๆ!”
ทั้งสามได้ยินแล้วลุกพรวดขึ้นมาทันที สองคนนั้นขาดแขนและขาไปข้างหนึ่ง มีเพียงเหมียวอี้ที่ร่างกายครบสมบูรณ์ เหมียวอี้กุมหมัดคารวะถามว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือ?”
โค่วเหวินหลานกล่าวด้วยใบหน้าสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิว่า “นายท่านผู้คุมรายงานการทดสอบไปที่ตำหนักสวรรค์แล้ว ตอนนี้ได้รับคำสั่งจากตำหนักสวรรค์ กำลังจะเป็นแทนตำหนักสวรรค์เพื่อมอบรางวัล จะตบรางวัลให้พวกเจ้าตามผลงานแล้ว! สั่งให้ทุกคนที่รอดชีวิตจากการทดสอบไปรวมตัวกันหน้าตำหนัก!”
“ผู้บัญชาการใหญ่ ไม่ทราบว่าคะแนนของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง?” สวีถังหรานถามหยั่งเชิง
โค่วเหวินหลานมองสวีถังหรานที่ขาขาดแวบหนึ่งแล้วก็ยิ้ม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกลั้นขำ แต่สุดท้ายก็หัวเราะลั่นออกมา พร้อมยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง ตอบอย่างมีพลังว่า “อันดับหนึ่ง! พวกเราได้อันดับหนึ่ง!”
…………………………