บทที่ 262 ตกใจกลางดึก

รักหวานอมเปรี้ยว

ท่านย่ายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ

เป็นอย่างนั้นตระกูลภักดีพิสุทธิ์ไม่มีคนดีเลยสักคน!

เปปเปอร์มองต่ำลงไป เก็บซ่อนการแสดงออกทางสายตาเอาไว้ “เป็นความผิดของเอง ผมไม่รู้ตัวเอง”

เขาไม่คิดจะบอกท่านย่า เรื่องที่เขาถูกสะกดจิต

อายุมากขนาดนี้แล้ว จะเกิดเรื่องเอาได้

“ไอ๊……” ท่านย่าถอนหายใจ มองเปปเปอร์ด้วยสายตาจริงจัง “ดังนั้นตอนนี้แกแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะตามง้อมิ้นกลับมา?”

“ใช่ครับ!” เปปเปอร์หรี่ตา พยักหน้า “ผมรักเธอมาสิบกว่าปีแล้ว ผมจะเต็มใจปล่อยมือได้อย่างไร เธอเป็นได้แค่ของผมเท่านั้น!”

‘เป็นได้แค่’ คำนี้ ถูกเขาย้ำเสียงหนักเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า เขามุ่งมั่นที่จะทำสำเร็จให้ได้

ท่านย่าเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยืนอยู่ข้างเปปเปอร์

ถึงอย่างไรก็เป็นหลานชายแท้ๆ

เธอก็ต้องหวังให้หลานชายแท้ๆของตัวเองมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว

“ในเมื่อแกตัดสินใจแล้ว แกก็ต้องเอาความจริงใจทั้งหมดของแกทำให้มิ้นเกิดความเห็นใจ ให้มิ้นอภัยให้กับแก แน่นอนว่า แกจะไปบีบบังคับมิ้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นย่าคนนี้ก็จะไม่เห็นแก่ที่แกเป็นหลานชายของย่า!” ท่านย่ามองดูเปปเปอร์ด้วยสีหน้าจริงจัง

สายตาเปปเปอร์จ้องมองตาเธอด้วยความจริงจัง “ครับ!”

“งั้นแกก็พักผ่อนเถอะ ฉันกลับไปก่อนแล้ว” ท่านย่าค้ำยันไม้เท้ายืนขึ้นมา

ป้าแดงรีบร้อนช่วยพยุงเธอ

ผู้สูงอายุสองคนออกจากห้องพักผู้ป่วยไปภายใต้การมองส่งทางสายตาของเปปเปอร์

ด้านนอกห้องพักผู้ป่วย ท่านย่าให้ป้าแดงปล่อยตัวเองก่อน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรออกไปหามายมิ้นท์

ล้วนเป็นหนี้ลูกหลานทั้งนั้น……

ไม่ช้า ก็ต่อสายโทรศัพท์ติด เสียงมายมิ้นท์จามดังออกมา “ท่านย่า ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

“มิ้น ย่ารบกวนเวลานอนหนูแล้วใช่ไหม?” ท่านย่าเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ขอโทษสำหรับความเลินเล่อของตัวเอง

มายมิ้นท์เปิดไฟ ลุกขึ้นนั่งจากบนเตียง เอนพิงอยู่ตรงหัวเตียงตอบคำถาม: “เปล่าค่ะ หนูก็เพิ่งจะนอนลงไป ยังหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่”

“อย่างนั้นเหรอ” ท่านย่าพยักหน้า จากนั้นท่าทางก็ลังเลขึ้นมา

มายมิ้นท์รู้สึกได้ว่าเธออยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านย่า มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ กับหนูยังจะเกรงใจทำไมคะ”

ท่านย่าลูบตรงหัวกลมๆของไม้เท้า ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “คืออย่างนี้นะหนูมิ้นท์ เปปเปอร์เขา……”

มายมิ้นท์เข้าใจในทันที สายตามองต่ำลงมา “ท่านย่า ท่านย่าต้องการจะบอกว่า ประธานเปปเปอร์เขารักหนูใช่ไหมคะ?”

“มิ้นหนูรู้ได้อย่างไรลูก?” ท่านย่าเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

มายมิ้นท์กระตุกมุมปาก “เพราะเมื่อสามชั่วโมงก่อนประธานเปปเปอร์เคยบอกกับหนูแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นมิ้นหนูคิดอย่างไร?” ท่านย่าถาม

มายมิ้นท์ส่ายหน้า “หนูไม่คิดอย่างไรทั้งนั้นค่ะ หนูรู้สึกแค่ว่ามันปลอมมาก หนูกับเขาแต่งงานกันหกปี เขาไม่เคยรักหนูเลย หลังจากหย่ากันแล้วก็ไม่เคย แต่แล้วจู่ๆวันนี้มาบอกกับหนูว่า เขารักหนู หนูคิดว่าเปลี่ยนไปเป็นใครก็คงไม่เชื่อหรอกค่ะ”

“จริงแท้” ท่านย่าทอดถอนใจ “แต่ว่าหนูมิ้นท์ เปปเปอร์ไม่ได้หลอกหนูหรอก ที่เขาพูดล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น เขารักหนูจริงๆ”

มายมิ้นท์แค่ถือว่าท่านย่ายังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะจับคู่เธอกับเปปเปอร์ เอามือเสยเส้นผมแล้วตอบว่า: “พอแล้วค่ะท่านย่า เวลาก็ดึกมากแล้ว ท่านย่ารีบไปพักผ่อนเถอะ อย่านอนดึกเลย หนูก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยแล้วเหมือนกันค่ะ วันหลังหนูจะไปเยี่ยมนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

เธอวางสายโทรศัพท์ไปโดยตรง

ท่านย่าเอาโทรศัพท์มือถือลงมาจากหู ถอนหายใจอย่างจนใจ

ป้าแดงถาม “คุณผู้หญิงไม่เชื่อ?”

“ใครจะไปเชื่อ” ท่านย่ายิ้มเจื่อนๆแล้วพูด: “เห็นได้ชัดว่ามิ้นไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ นี่ไง เป็นครั้งแรกที่รีบร้อนวางสายโทรศัพท์ของฉันขนาดนี้เลย”

ป้าแดงหัวเราะขึ้นมา “ก็ใช่ ก่อนหน้านั้นคุณชายปฏิบัติต่อคุณผู้หญิงแบบนั้น คุณผู้หญิงไม่เชื่อก็เป็นเรื่องปกติ”

“เดิมทีฉันยังคิดอยากจะช่วยเปปเปอร์สักหน่อย พูดคุยกับมิ้นขอร้องแทนเขา แต่ดูท่าตอนนี้หน้าแก่ๆของฉันก็ใช้การไม่ค่อยได้แล้ว ต่อไปเปปเปอร์ก็ต้องไปทำให้มิ้นเกิดความเห็นใจด้วยตัวเองแล้ว” ท่านย่าเก็บโทรศัพท์มือถือ พูดอย่างจนใจ

ป้าแดงเข้าไปพยุงเธอใหม่ “คุณท่านไม่ต้องไปเป็นห่วงกังวลแล้ว นี่เป็นเรื่องระหว่างคุณชายกับคุณผู้หญิง ก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะค่ะ”

“ที่เธอพูดก็ถูก คนหนุ่มสาวก็มีเรื่องของคนหนุ่มสาว ยายแก่อย่างฉันไปยุ่งวุ่นวายมากเกินไป จะถูกคนหนุ่มสาวเกลียดเอาได้ ไปเถอะ กลับบ้านกัน” ท่านย่าพูดพร้อมกับหัวเราะเหอะๆไปด้วย

คอนโดพราวฟ้า มายมิ้นท์ก็วางโทรศัพท์มือถือลง คิ้วสวยขมวดกันแน่นมาก

สามชั่วโมงก่อน เปปเปอร์มาสารภาพรักกับเธอถึงที่ ตอนนี้ท่านย่าก็โทรมาพูดเรื่องพวกนี้กับเธออีก

ตกลงเปปเปอร์คิดจะทำอะไรกันแน่?

ถ้าหากว่าอยากแกล้งเธอ ทำไมต้องดึงท่านย่ามาเกี่ยวข้องด้วย

กำลังคิดอยู่ จู่ๆมายมิ้นท์ก็เห็นแสงแวบขึ้นมาตรงหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานตรงข้ามกับเตียง

แสงนั่นสว่างมาก ส่องจนผ้าม่านทะลุปรุโปร่ง

เกิดอะไรขึ้น?

มายมิ้นท์เปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง เดินไปทางหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน จากนั้นเสียงสวบดังขึ้นมา ดึงผ้าม่านเปิดออก

ทันทีที่ดึงออก เธอก็ตกใจร้องอ๊าออกมา ปล่อยมือจากผ่านม่านรีบถอยหลังสองก้าว

เห็นแค่บนกระจกของหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มีโครงกระดูกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนนั้น น่ากลัวมาก

แต่ไม่ช้า มายมิ้นท์ก็พบว่านี่คือของปลอม มันเป็นเพียงภาพที่เกิดจากโปรเจคเตอร์ที่ฉายอยู่บนนั้น

ตระหนักถึงจุดนี้ เธอก็โล่งอกไปในทันที ความหวาดกลัวในใจก็ค่อยๆจางหายไป และสิ่งที่ตามมา คือใจที่เต็มไปด้วยความโกรธ

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!

ครั้งก่อนเธอยังคิดว่าตัวเองมองผิดไป

“ฮู้……” มายมิ้นท์หลับตาลง เป่าสิ่งไม่ดีออกมา จากนั้นก็เปิดหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเดินออกไป

เธอต้องการจะดูว่า ใครเป็นคนทำกันแน่!

ยืนอยู่บนระเบียง มายมิ้นท์ก้มหน้ามองลงไป

คนที่อยู่ข้างล่างเห็นว่าเธอออกมา รีบปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ ซ่อนเอาไว้ในเสื้อผ้า สวมใส่หมวกฮู้ดก้มหน้าลง วิ่งหนีไป

เขาวิ่งเร็วเกินไป บวกกับชั้นของมายมิ้นท์ก็สูงอีกด้วย มองไม่เห็นหน้าของคนคนนั้น ได้แต่มองจากรูปร่าง ดูออกว่าเป็นผู้ชาย

เธอไม่รู้ว่านี่คือการกลั่นแกล้ง หรือว่าเจตนาข่มขู่ทำให้หวาดกลัวกันแน่

แต่เธอจะไม่ปล่อยคนคนนั้นไปแน่

คิดถึงตรงนี้ มายมิ้นท์หันหลังกลับเข้าไปในห้อง โทรไปหานิติบุคคล แล้วเล่าสถานการณ์ให้ฟัง

นิติบุคคลรีบส่งรปภ.ไปค้นหาคนคนนั้น

แต่ผลลัพธ์กลับน่าเสียดายมาก คนคนนั้นวิ่งหนีไปนานแล้ว จับตัวไม่ได้

มายมิ้นท์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก เธอเดาเอาไว้นานแล้ว ให้นิติบุคคลแจ้งความไปเลยโดยตรง ส่งเรื่องไปให้ทางตำรวจจัดการ

หลังจากผ่านความยุ่งเหยิงนี้ มายมิ้นท์ก็ไม่มีความรู้สึกง่วงเลย จนถึงหลังเที่ยงคืน ถึงได้ฝืนนอนหลับไป

แต่แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ถูกโทรศัพท์ทำให้ตื่นอีก การันต์เป็นคนโทรมา

“มีเรื่องอะไร?” มายมิ้นท์รองเท้าก็ไม่ใส่ เดินบนพรมด้วยเท้าเปล่า ขณะที่เดินไปทางห้องน้ำ ก็ถามเสียงเรียบเฉยไปด้วย

การันต์ไม่ถือสาความเฉยเมยของเธอเลยสักนิด พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า: “ครั้งที่แล้วที่โรงแรมคุณได้ยินส้มเปรี้ยวบอกให้ผมจัดการคุณใช่ไหม? วันนี้ก็คือวันที่ผมจะลงมือ แต่ว่าคุณวางใจได้ ผมไม่ลงมือกับคุณหรอก คนที่ผมจะจัดการคือส้มเปรี้ยว คุณสนใจอยากมาดูไหม?”

มายมิ้นท์หรี่ตาลงครู่หนึ่ง ไม่ตอบแต่ถามกลับว่า “คุณอยากจะจัดการอย่างไรกับส้มเปรี้ยว?”

การันต์ก็ไม่ได้ปิดเธอ “ส้มเปรี้ยวอยากให้คนทำลายคุณ ถ่ายเป็นคลิปแล้วปล่อยลงในอินเทอร์เน็ตและบางเว็บไซต์ที่ให้ผลกำไร ให้คุณตายทางสังคม”

“อะไรนะ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแน่น

ไม่เพียงแต่อยากทำลายเธอเท่านั้น ยังจะถ่ายเป็นคลิปแล้วปล่อยลงอินเทอร์เน็ตอีก

ชั่วร้ายได้ขนาดนี้ ทำให้คนตกตะลึงจริงๆ!

การันต์ฟังเสียงหายใจที่หนักหน่วงเล็กน้อยของมายมิ้นท์ ก็รู้แล้วว่าตอนนี้เธอโกรธขนาดไหน ดันแว่นแล้วปลอบประโลมว่า: “วางใจเถอะ เมื่อกี้ผมพูดแล้วว่า ผมจะไม่ทำแบบนี้กับคุณ ผมจะทำแบบนี้กับเธอเท่านั้น”

มายมิ้นท์เม้มปาก “ใช่เหรอ? งั้นฉันจะรอข่าวดีของคุณ”

“ไม่มาดูเหรอ?” การันต์เลิกคิ้ว

มายมิ้นท์ตอบเสียงเรียบ: “ไม่ล่ะ เรื่องอุจาดตาไม่น่ามองแบบนั้น ไม่ไปดูจะดีกว่า”

เธอไม่รู้ว่านี่คือแผนที่การันต์กับส้มเปรี้ยวร่วมมือกันมาหลอกเธอหรือเปล่า ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเธอไม่ต้องไปดีกว่า

การันต์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “ก็ได้ เดิมทีผมอยากให้คุณได้เห็นจุดจบของส้มเปรี้ยวสักหน่อย แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะทำให้ตาคุณสกปรกได้ งั้นผมวางสายก่อนนะ หลังจากที่เรื่องจบลงแล้ว ผมจะมาแจ้งคุณ”