ตอนที่ 195 โศกเศร้าอาดูร

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

เธอกระซิบกระซาบกับตัวเอง “สักวันหนึ่งจะต้องเอาหัวใจของเขามาให้ได้ ผู้หญิงสารเลวคนนั้นควรตายไปซะ…” 

 

 

เธอชำเลืองดูเวลา เพิ่งรู้ว่าได้เวลาส่งตัวเจ้าสาวแล้ว เธอกระวนกระวายขึ้นในฉับพลัน “เร็วเข้า เขาจะมารับฉันแล้ว รีบมาเติมแป้งให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะไปพบเขาในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด เร็วๆ เข้า…” 

 

 

ตระกูลหร่วนเข้าสู่สถานการณ์สับสนอลหม่านอีกครั้ง เพียงเพราะต้องทำให้หร่วนเซียงเซียงสวยที่สุดยามพบหน้าจิ้นหยวน แต่ว่า…  

 

 

จิ้นหยวนเห็นว่าอาฮุยกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหร่วน แววตาของเขาเย็นเยียบ “ไม่ไปที่นั่น ขับไปที่โบสถ์เลย” 

 

 

อาฮุยชะงักมือเล็กน้อย เขามองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังด้วยความประหลาดใจ แต่สายตาเย็นเยียบของจิ้นหยวนทำให้เขาตกใจจนต้องรีบกลืนคำพูดที่เขากำลังคิดจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างกลับลงคอ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักคล้อยตามคำสั่ง “ครับ” 

 

 

ในที่สุด ขบวนรถรับตัวเจ้าสาวอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่เคลื่อนตัวไปได้ครึ่งทางต้องตีรถกลับเพื่อมุ่งหน้าไปที่โบสถ์แทน 

 

 

หร่วนเซียงเซียงรอแล้วรอเล่าไม่เห็นขบวนรถรับตัวเจ้าสาวเสียที เธอร้อนใจมากจนต้องหันไปเร่งนายท่านหร่วน “คุณพ่อไปดูหน่อยสิคะว่าทำไมรถรับตัวเจ้าสาวยังมาไม่ถึงสักที หรือว่ารถติด?” 

 

 

นายท่านหร่วนเองก็เริ่มร้อนใจแล้วเช่นเดียวกัน ขณะที่เขากำลังจะโทรศัพท์ไปสอบถาม ปรากฏว่ามีคนวิ่งกระหืดกระหอบหน้าตาตื่นเข้ามาพลางตะโกนบอก “แย่แล้ว แย่แล้ว” 

 

 

 คุณพ่อหร่วนรีบเดินเข้าไปหาคนคนนั้นด้วยความร้อนใจ “ทำไมพูดจาอย่างนี้? แล้วที่บอกว่าแย่แล้วมันหมายความว่ายังไง?” 

 

 

คนคนนั้นหายใจหอบ “ตอนแรกขบวนรถรับตัวเจ้าสาวมาถึงครึ่งทางแล้ว แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ขบวนรถก็เปลี่ยนเส้นทางขับไปที่โบสถ์แทนแล้วครับ” 

 

 

“อะไรนะ?” หร่วนเซียงเซียงได้ยินแล้วแทบจะลมจับ 

 

 

นี่จิ้นหยวนไม่อยากแต่งงานกับเธอขนาดนั้นเลยหรือ… 

 

 

ขณะเดียวกัน เฉียวซือมู่กำลังมีความสุขมาก หลังจากได้รับการยืนยันจากจิ้นหยวนแล้วเธอรู้สึกสบายใจมาก เธอไปเดินช้อปปิ้งกับสวี่จิ้งอย่างมีความสุขและเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขราวเด็กสาววัยแรกแย้ม  

 

 

สวี่จิ้งเห็นท่าทางมีความสุขของเธอแล้วแววตาหมองลงเล็กน้อย “บางทีการปิดบังเธออาจเป็นเรื่องดีก็ได้ อย่างน้อยตอนนี้เธอยังยิ้มได้อย่างมีความสุข หลังจากเธอรู้ความจริงแล้วคงไร้รอยยิ้มแห่งความสุขเช่นนี้อีก” 

 

 

ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเฉียวซือมู่สั่น เธอดีใจมากคิดว่าจิ้นหยวนโทรศัพท์หาเธออีกแล้วจึงรีบหยิบมันขึ้นมาดู แต่ปรากฏว่าเป็นอีเมลจากบุคคลนิรนาม เธอกดเปิดอีเมล สีหน้าของเธอเผือดซีดทันทีที่เห็นรูปถ่ายในนั้น ร่างกายโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ ใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มถูกแทนที่ด้วยความไม่อยากจะเชื่ออย่างแรงกล้า 

 

 

สวี่จิ้งที่เดินอยู่ข้างหลังเธอประมาณสองก้าวเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบเข้าไปเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรไป?” 

 

 

เขาต้องปิดปากเงียบทันทีหลังจากเอ่ยถามออกไป เพราะรูปถ่ายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือชัดเจนจนไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ อีก จิ้นหยวนสวมชุดทักซิโด้สีดำอย่างหล่อเหลากำลังจูงมือเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าของสองหนุ่มสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทางเหมือนคู่แต่งงานใหม่ไม่มีผิด 

 

 

เฉียวซือมู่จ้องรูปถ่ายนิ่ง รอยยิ้มมีความสุขของพวกเขาบาดตาบาดใจเธอเหลือเกิน ร่างกายเธอโอนเอนไปมาจนแทบจะล้มลง สวี่จิ้งเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปประคองเธอเอาไว้แล้วพาไปนั่งลงบนม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ 

 

 

การกระทำของเขาทำให้เธอได้สติ เธอจ้องเขาตาเขม็งแล้วเอ่ยถาม “นายรู้เรื่องทั้งหมดนี้ใช่ไหม?” 

 

 

สวี่จิ้งรู้สึกยุ่งยากใจมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนส่งอีเมลให้เธอในเวลานี้ เขาเม้มริมฝีปากแน่นโดยไม่ยอมปริปากใดๆ เพราะตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะโกหกต่อไปหรือพูดความจริงกับเธอดี 

 

 

เธอเห็นท่าทางของเขาแล้วเข้าใจทุกอย่างในทันที ความหวังเพียงเศษเสี้ยวแตกละเอียดในบัดดล ตอนแรกเธอยังแอบหวังว่ามันคงเป็นเพียงแค่ภาพตัดต่อเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นรูปจริง 

 

 

เธอดูเวลาแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง จิ้นหยวนแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงแล้ว พวกเขาแต่งงานกันแล้ว! 

 

 

 ส่วนเธอนั้นโง่เง่าจนถูกเขาหลอกไปต่างประเทศ แล้วยังต้องมานั่งเฝ้าคอยให้เขาชื่นมื่นกับหร่วนเซียงเซียงเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วค่อยมาหาตัวเอง 

 

 

ความจริงอันโหดร้ายที่เธอเพิ่งรับรู้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เธอยิ้มเยาะตัวเอง ในรอยยิ้มนั้นแฝงรอยรันทดสลดใจ “ความจริงพวกนายไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ แค่บอกมาคำเดียวฉันก็จะเป็นคนจากไปเอง และไม่มีวันไปรบกวนเขาอีก แต่ทำไมเขาต้องแต่งเรื่องมาโกหกฉันด้วย? ทำไม?” 

 

 

สวี่จิ้งเห็นท่าทางเสียใจมากของเธอแล้วพยายามอธิบาย “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ พี่ใหญ่ถูกบีบบังคับต่างหาก ความจริงแล้วเขาไม่อยาก…” 

 

 

“แต่เขาก็แต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงแล้ว หรือไม่จริง?” เธอเอ่ยแทรกคำพูดของเขา 

 

 

สวี่จิ้งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “คุณควรเชื่อใจพี่ใหญ่” 

 

 

เธอชูโทรศัพท์มือถือขึ้น “มีรูปถ่ายเป็นหลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ นายยังจะให้ฉันเชื่อเขายังไงอีก?” 

 

 

สวี่จิ้งจนคำพูดเพราะเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว จุดประสงค์ที่จิ้นหยวนเลือกให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนเฉียวซือมู่เป็นการเฉพาะก็เพราะเขาเป็นคนที่พูดน้อยและหนักแน่นที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เขาไม่มีวันพูดจาพร่ำเพรื่อเหมือนหลินจื้อเฉิง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาได้รับเลือกให้มาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ 

 

 

เขาปฏิบัติภารกิจอย่างราบรื่นมาโดยตลอด เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นจนได้ และในสถานการณ์ที่เขาถูกเฉียวซือมู่บีบจะเอาคำตอบให้ได้แบบนี้ นิสัยพูดน้อยของเขากลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบไปเสียนี่ เพราะเขาไม่สามารถช่วยพูดแก้ต่างให้จิ้นหยวนได้เลย 

 

 

เธอเห็นสวี่จิ้งเอาแต่นิ่งเงียบจึงยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ เธอโงนเงนลุกขึ้นยืน สวี่จิ้งเห็นท่าทางของเธอแล้วมุ่นหัวคิ้วสงสัย “คุณจะไปไหน?” 

 

 

เธอหันหน้าไปมองเขานิ่ง แววตาของเธอหม่นหมองดำมืดจนทำให้เขาใจสั่นด้วยความหวาดหวั่น  

 

 

เธอเปล่งเสียงออกมาชัดถ้อยชัดคำ “ฉันจะไปเดินเล่น นายไม่ต้องตามมา” เอ่ยจบพลางหมุนตัวก้าวเท้าเดินจากไป 

 

 

สวี่จิ้งรีบทักท้วงด้วยความร้อนรนใจ “ไม่ได้นะครับ พี่ใหญ่สั่งให้ผมคอยดูแลคุณเอาไว้” 

 

 

เฉียวซือมู่ตัวสั่นเล็กน้อย เธอไม่ยอมหันกลับไปมองเขา “แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย แค่เห็นหน้านายฉันก็คลื่นไส้แล้ว นายเข้าใจไหม?”  

 

 

สวี่จิ้งชักหัวคิ้วชนกันแน่น หากแต่ไร้คำพูดใดๆ หลุดออกมาอีก เฉียวซือมู่ชะงักฝีเท้าเพียงชั่วครู่แล้วค่อยๆ เดินหายลับไปจากสายตาของเขา 

 

 

เขามองแผ่นหลังเล็กๆ ที่ค่อยๆ เคลื่อนห่างไกลออกไปของเธอ ไม่รู้เพราะอะไร ถึงจะเป็นเพียงแค่แผ่นหลังบอบบาง แต่เขากลับมองเห็นความโศกเศร้าอาดูรของเธอได้อย่างชัดเจน  

 

 

เขาใจลอยไปชั่วขณะ หวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ก่อนสิ้นใจคุณแม่ของเขาก็โศกเศร้าอาดูรเช่นนี้เหมือนกัน แววตาหม่นหมองดำมืดราวกับคนตาบอดที่มองไม่เห็นแสงสว่างและหาทางออกจากความมืดมิดไม่ได้ 

 

 

 เขาปิดเปลือกตาลงด้วยความเจ็บปวด พยายามสลัดภาพหลอนออกจากสมอง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งถึงได้รู้ว่าเฉียวซือมู่เดินหายลับไปจากสายตาของเขาแล้ว 

 

 

เขาร้อนใจมาก รีบออกตามหาเธอทันทีตามทิศทางที่เธอเพิ่งเดินจากไป แต่ถนนสายนี้เป็นถนนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในมิลาน ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกต่างมารวมตัวกันที่ถนนสายนี้ การตามหาคนในสถานการณ์ที่มีฝูงชนคลาคล่ำเต็มท้องถนนเช่นนี้ก็เหมือนการงมเข็มในมหาสมุทรไม่มีผิด 

 

 

เขาร้อนใจดั่งไฟลน สายตากวาดมองผู้คนไปทั่วอย่างไม่หยุดยั้ง พยายามมองหาหญิงสาวผมดำที่มาคนเดียวเป็นจำนวนนับสิบแต่ก็ไม่เจอตัวเธอเลย 

 

 

เขายืนหมดอาลัยตายอยากอยู่ท่ามกลางถนนที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ เขารู้แล้วว่าเธอต้องการหลบหน้าเขา และไม่ยอมให้เขาหาเจอเด็ดขาด