ตอนที่ 370 กลิ่นเปรี้ยว / ตอนที่ 371 มีคนในใจแล้ว

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 370 กลิ่นเปรี้ยว

 

 

ถังถังเหลือบมองกงจวิ้นฉือที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็หลบตา “นายขึ้นมาได้ยังไง ไม่อยู่กับแฟนล่ะ”

 

 

“อืม… ทำไมผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นเปรี้ยวๆ[1]” กงจวิ้นฉือพูดพร้อมดมซ้ายดมขวา น้ำเสียงเจือปนความขี้เล่น

 

 

ถังถังนึกว่าพูดเรื่องจริง จึงดมตาม “ไม่มีนี่…” ดมไปสักพัก ถังถังไม่ได้กลิ่นอะไรเลย เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นกงจวิ้นฉือกำลังยิ้มร่าเริง จึงเข้าใจว่ากลิ่นเปรี้ยวที่เขาพูดถึงคืออะไร

 

 

 “ดีจังเลยนะ กงจวิ้นฉือ กับฉันนายก็กล้าหลอกเหรอ ฉันเหม็นเปรี้ยวผีทะเลอย่างนายนี่แหละ!” ถังถังพูด ยื่นมือไปตบไหล่ของกงจวิ้นฉือ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จู่ๆ เธอก็รู้สึกระคายเคืองตา รีบหลบตาทันที ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระพริบตาถี่

 

 

 “ฮ่าๆ ใครจะรู้ว่าคุณจะเชื่อจริงๆ เป็นอะไรไป ดูเหมือนว่าคุณมีเรื่องในใจเลย ไหนเล่ามาซิ? ดูว่าเทพอย่างข้าจะช่วยแบ่งเบาเจ้าได้หรือไม่” กงจวิ้นฉือพูด เดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ระเบียงพร้อมเอ่ยแซว

 

 

สำหรับถังถังแล้ว เขาเห็นเธอเป็นเหมือนเพื่อนจริงๆ จนถึงตอนนี้พวกเขารู้จักกันมาห้าปีแล้ว ฉะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนอกจากจะเป็นเพื่อนแล้ว ยังบอกว่าเป็นพี่น้องก็ว่าได้

 

 

ถึงอย่างไรเมื่อได้อยู่กับถังถังแล้ว เขาจะรู้สึกผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมาก

 

 

ได้ยินคำหยอกล้อของกงจวิ้นฉือ ถังถังกลอกตาแล้วเดินไปนั่งข้างกงจวิ้นฉือ “จวิ้นฉือ ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยกับบริษัทของนายร่วมมือกันบ่อย แล้วฉู่เจี่ยเสวียนก็เจอหน้าเผยหนานเจวี๋ยบ่อย นายไม่กลัวว่าพวกเขาถ่านไฟเก่าจะคุเหรอ”

 

 

ถังถังมองกงจวิ้นฉือตาไม่กระพริบ น้ำเสียงจริงจัง

 

 

แน่นอนว่าเธอรู้จักฉู่เจียเสวียนดี แต่ว่าเธอก็เข้าใจความรู้สึกที่ฉู่เจียเสวียนมีต่อเผยหนานเจวี๋ยดีเช่นกัน ถ่านไฟเก่าก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพียงแต่เมื่อก่อนฉู่เจียเสวียนเคยรักเผยหนานเจวี๋ยอย่างหมดหัวใจ

 

 

ในฐานะที่เป็นเพื่อนของเธอ การที่เธอพูดเรื่องนี้กับกงจวิ้นฉือ เธอก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่ว่าเธอก็เป็นห่วงนี่นา

 

 

“เจียเสวียนไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมเชื่อใจเขา” กงจวิ้นฉือไม่ต้องการเอ่ยตรงๆ ว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนกับเขาต่างมีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นเขาเชื่อว่าเธอจะไม่มีใจต่อเผยหนานเจวี๋ยอีกอย่างแน่นอน

 

 

ได้ฟังคำตอบของกงจวิ้นฉือแล้ว ถังถังอดไม่ได้ที่จะด่าความโง่เขลาของกงจวิ้นฉืออยู่ในใจ

 

 

“อัยยา ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจเขา ฉันรู้สึกว่าพวกนายสองคนคบกันนานขนาดนี้แล้ว พวกนายสองคนเมื่อไรจะแต่งงานกัน”

 

 

 “หรือว่านายคิดจะรอแบบนี้ต่อไปเหรอ” ถังถังเอ่ยปากอย่างร้อนรน เห็นสีหน้าของกงจวิ้นฉือที่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว เธอก็ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว

 

 

 “เรื่องแบบนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ผมเชื่อว่าช้าเร็วสักวันนึงเขาจะยอมรับผมอย่างเต็มใจ อย่าพูดถึงผมเลย จู่ๆ คุณก็คุยกับผมเรื่องนี้ หรือว่าครอบครัวคุณเริ่มรบเร้าให้คุณนัดบอดอีกแล้ว” กงจวิ้นฉือเอ่ยปาก มองถังถังด้วยสีหน้าประมาณว่า ‘ผมรู้อยู่แล้วเชียว’

 

 

ทันทีที่ถูกกงจวิ้นฉือทายถูก ถังถังก็กลายเป็นหงุดหงิด “เหลวไหล ฉันเป็นใครกัน ทั้งตัวฉันมีส่วนไหนบ้างที่เป็นข้อเสีย ตรงไหนบ้างที่ไม่มีเสน่ห์ จำเป็นต้องไปนัดบอดด้วยเหรอ”

 

 

ถังถังพูดพลางลุกขึ้นยืน เดินไปที่ราว สายตามองไปรอบๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ

 

 

“คุณดูคุณสิ อายุก็ไม่น้อยแล้ว ถ้ายังไม่หาแฟนอีกจะแก่แล้วนะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผมกับฉู่เจียเสวียนหรอก คุณดูแลตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า ดูว่าเมื่อไรพวกเราจะได้ข่าวดีของคุณก็พอ” เสียงทุ้มต่ำของกงจวิ้นฉือดังขึ้น เจือปนรอยยิ้ม

 

 

รู้จักถังถังมาตั้ังนาน เขาไม่เคยเห็นเธอสนิทกับผู้ชายคนไหนเลย ที่จริงถังถังเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ หน้าตาดี และร่ำรวย อยากรู้จริงๆ ว่าเธอชอบผู้ชายแบบไหนกันแน่

 

 

 

 

[1] หึงหวง (吃醋) ในภาษาจีนหากแปลตรงตัวจะแปลว่า ‘กินน้ำส้มสายชู’ ในเนื้อเรื่องกงจวิ้นฉือกำลังเล่นคำกับถังถัง บอกว่า ได้กลิ่นเปรี้ยว หมายถึง ถังถังกำลังหึงหวง หรือ อิจฉา อยู่นั่นเอง

 

 

 

 

    ตอนที่ 371 มีคนในใจแล้ว

 

 

เดินไปยืนอยู่ข้างถังถัง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามด้วยกันกับเธอ

 

 

ทั้งสองคนยืนอยู่ที่นั่นทั้งอย่างนี้ ไม่มีใครพูดอะไร เพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หาได้ยากแบบนี้

 

 

ถังถังอยากให้เวลาหยุดอยู่ที่วินาทีนี้เหลือเกิน ในเวลานี้ที่มีเพียงพวกเขาแค่สองคน ไม่มีคนอื่นอีก

 

 

แต่ว่าเวลามักจะไร้เมตตา มันมีความยุติธรรมกับทุกคน ยิ่งต้องการหยุดมันมากเท่าไร มันก็ยิ่งจางหายไปเร็วเท่านั้น

 

 

 “ผมลงไปก่อนนะ น่าจะใกล้เวลาเลิกงานแล้ว คุณอยากไปกินข้าวด้วยกันหรือเปล่า” ยกมือที่ใส่นาฬิการุ่นลิมิเต็ดขึ้นมา หลังจากดูเวลาแล้ว กงจวิ้นฉือก็หันไปพูดกับถังถัง

 

 

 “ช่างเถอะ ฉันไม่รบกวนพวกนายสองคนกินข้าวหรอก พวกนายน่ะ กินให้มีความสุขนะ” พูดจบ ถังถังเดินลงไปชั้นล่างก่อนเพื่อกลับไปยังออฟฟิศ

 

 

กงจวิ้นฉือรีบตามหลังไป เขามองดูแผ่นหลังของถังถัง ยิ้ม

 

 

ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนแก้งานต้นฉบับเสร็จพอดี เงยหน้าขึ้นเห็นถังถังกับกงจวิ้นฉือเดินเข้ามาจากข้างนอกก็ยิ้มทันที

 

 

“พวกเธอสองคนหายไปไหนมา” ถามจบ ก็เริ่มเก็บของบนโต๊ะ ดวงตากลมโตโก่งงอจนเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

 

 

 “ผมน่ะ ไปปลอบหัวใจน้อยๆ ที่บอบฃ้ำของคนอื่นมาน่ะ” กงจวิ้นฉือกวาดตามองถังถัง จากนั้นก็เดินไปยืนข้างฉู่เจียเสวียน มองใบหน้าน้อยๆ ที่งดงามของเธอแล้วยิ้ม

 

 

 “อ๋อ? เขาโดนคนที่บ้านบังคับให้แต่งงานอีกแล้วเหรอ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ ก้รู้ทันทีว่าถังถังจะต้องถูกที่บ้านเรียกให้นัดบอดอีกแน่นอน

 

 

ก็ไม่แปลกที่พ่อแม่ของเธอจะร้อนใจ บ้านของเธอมีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว อายุใกล้ยี่สิบแปดแล้ว ในฐานะพ่อแม่ก็ต้องเป็นห่วงไม่มากก็น้อย ฉะนั้นเธอจึงเข้าใจอารมณ์แบบนี้ของเธออย่างดีมากๆ

 

 

“ฉันเปล่าซะหน่อย” ถังถังกล่าวอย่างไม่พอใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เหลือบมองฉู่เจียเสวียนอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

เธอไม่ได้ถูกบังคับให้แต่งงานสักหน่อยโอเคไหม เธอแค่ถูกคนที่บ้านให้ไปนัดบอดเท่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าคนพวกนั้นคิดอย่างไร เธอมีความสามารถเลี้ยงดูตัวเองก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องบังคับให้เธอไปนัดบอดด้วย จริงๆ เลย!

 

 

อีกอย่าง เธอมีคนในใจแล้วโอเคไหม เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังถังเงยหน้าขึ้นมองกงจวิ้นฉือ พบว่าเขากำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

 

 

 “นายมองฉันแบบนี้ทำไม” สบสายตากงจวิ้นฉือ ถังถังกลืนน้ำลาย เอ่ยถาม

 

 

“หรือว่าคุณมีคนที่ชอบแล้ว ผมเห็นว่าหลายปีมานี้ คุณไม่มีเพื่อนต่างเพศเลย สาเหตุเดียวที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงไม่มีแฟนก็คือคุณมีคนในใจแล้ว” กงจวิ้นฉือพูดขึ้นกะทันหัน มองถังถังและพูดด้วยความมั่นใจ

 

 

ฉู่เจียเสวียนได้ฟังคำตอบของกงจวิ้นฉือแล้วก็พยักหน้าตาม ถูกต้อง ไม่มีแฟนนานแบบนั้น หรือว่าเธอมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ

 

 

เห็นท่าทางของทั้งสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถังถังรู้สึกเขินในใจ แต่กลับไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกบนใบหน้า

 

 

“อัยยา ถ้าพวกเธอรู้สึกเด็กหนุ่มหน้าตาดี จะใจดีแนะนำให้ฉันรู้จักก็พอแล้ว อย่ามาเดามั่วเลย พวกเธอจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ไปอีก?​ ถ้าเดี๋ยวไปเจอช่วงเร่งด่วน​ พวกเธอรถจะติดเอานะ” ถังถังพูดจบ​ จากนั้นก็เดินออกไปจากออฟฟิศ​ ขี้เกียจจะสนใจสองคนนี้

 

 

ฉู่เจียเสวียนเห็นเงาของถังถังที่ไกลออกไป​ ส่ายหัวอย่างจนปัญญา​ สำหรับเพื่อนสนิทคนนี้​ เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายจริงๆ​ เธอต้องการให้เธอมีความสุขจริงๆ​ น่าเสียดายจนป่านนี้แล้ว​ เธอยังไม่เคยได้ยินเธอบอกว่าชอบใครเลย

 

 

 “พวกเราไปกันเถอะ” หลังจากฉู่เจียเสวียนจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว​ เอ่ยปากกับกงจวิ้นฉือ

 

 

กงจวิ้นฉือพยักหน้า​ จูงมือของเธอเดินไปนอกออฟฟิศ

 

 

อีกมุมหนึ่ง ถังถังมองทั้งสองคนที่จากไปอย่างหวานชื่น แววตามีประกายความผิดหวัง เธอไม่มีวันบอกพวกเขาถึงคนที่เธอชอบได้อย่างแน่นอน