“ระวัง!” เหยียนเยว้เอ๋อร์เห็นหลัวซิวปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน บนใบหน้าปรากฏให้เห็นความดีใจ ในเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แสดงว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นในหุบเขาจิตนภา

แต่เมื่อนึกถึงการไล่ล่าของมังกรเจียว สีหน้าของนางปรากฏให้เห็นความกังวลแทน อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นถึงสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นแปด

ไป๋หลิงเชวียนก็หันกลับไปมองแผ่นหลังของหลัวซิวด้วยความประหลาดใจเช่นกัน นางไม่เคยคิดว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นเพียงราชายุทธ์ จะสามารถเอาชีวิตรอดในหุบเขาจิตนภานานถึงสามเดือนกว่า ถึงขั้นเผชิญหน้ากับวิญญาณมังกรเจียวที่เป็นถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นแปดก็ไม่คิดจะหนี?

หลังจากนั้น ภาพที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้เหยียนเยว่เอ๋อร์และไป๋หลิงเชวียนถึงกับเลิกตาอ้าปากค้างทันที

หลัวซิวพูดเพียง ‘ไสหัวไป’ ประโยคเดียว วิญญาณมังกรเจียวตัวนั้นกลับหนีกระเจิงเหมือนหนูวิ่งที่กำลังหนีแมว หันหลังแล้วหนีเข้าไปในกลีบเมฆไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยทันที

ตอนที่เขาหันกลับมา เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้วิ่งเข้ามาแล้ว เขารีบอ้าแขนดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

หลัวซิวสามารถสัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายในจิตใจของเหยียนเยว่เอ๋อร์ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสามเดือนที่เขาเข้าไปในหุบเขาจิตนภา ช่วงนี้นางรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลา

“ไม่เป็นไรแล้ว…” หลัวซิวลูบผมสีแดงเพลิงของนางด้วยความอ่อนโยนแล้วพูดปลอบใจ

“อาการบาดเจ็บของเทพธิดาไป๋ฟื้นฟูกลับมาแล้ว?” หลังจากนั้นเขามองไปทางไป๋หลิงเชวียน

“คำว่าเทพธิดาข้าคงรับไว้ไม่ได้ ถ้าหากน้องหลัวซิวยินดี เรียกข้าว่าพี่เชวียนเถอะ” ไป๋หลิงเชวียนยิ้มแล้วพูด

แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมมังกรเจียวถึงหนีไปหลังจากที่เห็นเขา แต่นางมั่นใจได้เลยว่าในเวลาสามเดือนกว่าที่ผ่านมา หลังซิวต้องเจอกับโชคลาภที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ในตอนนี้นางพึ่งจะเข้าใจ ความแข็งแกร่งของหลัวซิวต้องไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็นแน่นอน อย่างไรก็ตาม หุบเขาจิตนภาแห่งนี้ เรียกได้ว่าแม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ก็ไม่เคยกล้าพูดว่าสามารถเอาชีวิตรอดได้นานเกินสามเดือน

“หรือว่าเขาคือคิงซิวหลัวจริง?” ไป๋หลิงเชวียนรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก

เพราะมีเพียงคนที่ถูกยกย่องให้เป็นราชายุทธ์ถึงมีความแข็งแกร่งเท่ากับจักรพรรดิยุทธ์ และถึงขั้นสามารถข้ามระดับไปฆ่าจักรพรรดิยุทธ์ธรรมดา

“พี่เชวียนเข้ามาตามหาเจ้าเป็นเพื่อนข้า” เหยียนเยว่เอ๋อร์เอ่ยปากพูดอย่างกะทันหัน ราวกับไม่ต้องการให้หลัวซิวเป็นปรปักษ์กับไป๋หลงเชวียน

หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้ หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะมองไปทางไป๋หลิงเชวียนด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง นางไม่เพียงช่วยตนเองและเหยียนเยว่เอ๋อร์รับมือลู่เจิ้งเซี๋ยงจนได้รับบาดเจ็บ และยังเสี่ยงชีวิตเข้ามาตามหาตนเองในหุบขาวจิตนภาพร้อมกับเหยียนเยว่เอ๋อร์

จุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้คืออะไรกันแน่?

แต่หลังจากที่เขารู้เรื่องราวชีวิตเมื่อสองร้อยปีก่อนของไป๋หลิงเชวียนจากปากของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เข้ากับเกิดความรู้สึกนับถือในตัวของผู้หญิงคนนี้

เพราะนางไม่เพียงเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ในความรัก ยังรู้จักแยกแยะบุญคุณความแค้น สามารถแบกรับความอัปยศแบบนี้มานานหลายปี บนโลกใบนี้ทุกคนล้วนแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ คนเช่นนี้หาได้ยากมากแล้ว ดังนั้นผู้หญิงเช่นนี้คู่ควรแก่การให้หลัวซิวนับถือ

เนื่องจากวิญญาณเทพจิตของที่นี่เห็นหลัวซิวแล้วต้องหนีไปทันที ดังนั้นพวกเขาก็ไม่คิดจะสังหารวิญญาณที่นี่เพื่อรวบรวมผลึกวิญญาณ

หลังออกจากหุบเขาจิตนภา หลัวซิวส่งมอบแหวนเก็บของของลู่เจิ้งเซี๋ยงให้ไป๋หลิงเชวียน

ของที่อยู่ในแหวนเก็บของวงนี้ นอกจากม้วนหยกที่มีการบันทึกเกี่ยวกับหุบเขาจิตนภา ของอย่างอื่น หลัวซิวแทบไม่เคยแตะต้อง

ตอนแรกไป๋หลิงเชวียนปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เหยียนเยว่เอ๋อร์เคยช่วยชีวิตนาง ต่อมาได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็เป็นคนป้อนยาให้นาง เพราะแบบนี้จึงสามารถทำให้จุดตันเถียนฟื้นฟูกลับมา

“พี่เชวียน ถ้าหากท่านเห็นพวกข้าเป็นสหาย ก็รับไว้เถอะ เพราะการที่สามารถเอาชนะลู่เจิ้งเซี๋ยง ก็เพิ่งผ่ายันต์จู่โจมขั้นเจ็ดของท่านด้วย ท่านเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเหตุนี้” หลัวซิวพูด

ท้ายที่สุดไป๋หลิงเชวียนก็ยอมรับแหวนเก็บของวงนั้น นางรู้ดีว่าคนทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา ลู่เจิ้งเซี๋ยงก็เคยพูดกับนาง หลัวซิวคนนี้ขายของวิเศษได้หินพลังจิตมาถึงสองแสนกว่าก้อน ต้องเป็นคนที่มั่งคั่งกว่านางแน่นอน

“ข้าตั้งใจไม่กลับเมืองโม่โหลวแล้ว ข้าเตรียมตัวออกจากดินแดนเป่ยเซี๋ย เดินทางไปอาณาจักรตะวันตกของแสงดาว ทางโน้นมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ปลอดภัยมากมาย สงบสุขกว่าสถานการณ์ในเป่ยเซี๋ยและอาณาจักรตะวันตก”

เมื่อถึงเวลาต้องลาจาก ไป๋หลิงเชวียนบอกความคิดของตนเองออกไป ความปรารถนาของนางเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ห่วงอีก เตรียมตัวเดินทางไปอาณาจักรตะวันตก ยิ่งไปกว่านั้นฝึกตนและใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่น

“พวกเราเตรียมตัวกลับอาณาจักรใต้ หากมีวาสนาแล้วพบกัน!” หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ยกมือขึ้นประสานคารวะ

“แล้วพบกัน!” ไป๋หลิงเซวียนยกมือขึ้นคำนับกลับ หลังจากนั้นลอยตัวขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นแสงสีน้ำเงินบินหายไปสุดขอบฟ้า

……

หุบเขาจิตนภาตั้งอยู่พื้นที่ขาดแคลนทรัพยากรแห่งหนึ่งของดินแดนเป่ยเซี๋ย ระยะทางอยู่ห่างจากเมืองโม่โหลวนับหมื่นลี้

หลิวซิววางแผน ต้องการกลับจากที่นี่สู่อาณาจักรใต้ของประเทศเทียนหวู หากเดินทางด้วยความเร็วอย่างเดียว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลานานถึงครึ่งปี

เหตุนี้ถึงแม้ความเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทินจะเร็วเพียงใด แต่ก็ต้องใช้พลังจิตแท้และพลังกฎมาขับเคลื่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะบินโดยไม่พัก

หลัวซิวนำม้วนหยกออกมาจากแหวนเก็บของ ด้านในเป็นแผนที่ของดินแดนเป่ยเซี๋ย

“สถานที่อยู่ห่างจากที่นี่ใกล้มากที่สุดมีเมืองหลงถาน ที่นั่นมีสมาคมขององค์กรนักล่ายุทธ์ สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของที่นั่นเดินทาง”

หลัวซิวตั้งใจใช้เส้นทางที่รวดรัดมากที่สุด เขาย่อมไม่มีทางบินกลับไปโดยเสียเวลาครึ่งปี

สำหรับการตัดสินใจของหลัวซิว เหยียนเยว่เอ๋อร์ย่อมไม่มีความเห็น สิ่งเดียวที่นางกังวลคือ กลับไปประเทศเทียนหวูด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ มันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม ศัตรูของพวกเขาเป็นถึงสามกลุ่มอิทธิพลใหญ่ประเทศเทียนหวู ล้วนแต่มีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์คุ้มครอง

แต่เหยียนเยว่เอ๋อร์รู้ดี หลัวซิวเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อแม่เขา ความเป็นห่วงก็เหมือนลูกธนู นางไม่สามารถห้ามเขากลับไปในตอนนี้

แม้การกลับไปประเทศเทียนหวูต้องตายสถานเดียว แต่ขอเพียงได้อยู่ข้างกายหลัวซิว นางไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

ถึงจะบอกว่าเมืองหลงถานอยู่ใกล้ที่สุดในม้วนแผนที่ แต่หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ใช้เวลาถึงสิบวันในการเดินทาง กว่าจะถึงละแวกของเมืองหลงถาน

ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองหลงถานค่อนข้างชนบท เมื่อเทียบกับเมืองอื่นถือว่าค่อนข้างขาดแคลนทรัพยากร ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง เป็นเพียงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสาม

ทันทีที่หลัวซิวเพิ่งเข้าเมืองไปได้ไม่นาน สัมผัสได้ถึงกล่องส่งเสียงในแหวนเก็บของได้รับข้อความอย่างกะทันหัน

ข้อความที่ถูกส่งมาไม่ใช่คนคุ้นเคยของเขา แต่เป็นมู่จื่อซิว ผู้ลาดตระเวนของดินแดนเป่ยเซี๋ย ซึ่งเป็นคนของผู้จัดศึกแต่งตั้งราชาที่เขาเข้าร่วมในตอนนั้น

ข้อความที่มู่จื่อซิวส่งมา ถามว่าอันดับหนึ่งของคิงซิวหลัวศึกแต่งตั้งราชาใช่เขาหรือเปล่า

ศึกแต่งตั้งราชาสิ้นสุดไปหลายเดือนแล้ว มู่จื่อซิวส่งข้อความมาถามอย่างกะทันหันตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกฝ่ายทำการตรวจสอบมาตั้งนาน แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย ดังนั้นก็เลยสงสัยในตัวของเขา

อย่างไรก็ตามในบันทึกผู้เข้าร่วมศึกแต่งตั้งราชาทั้งหมด คนที่ชื่อซิวหลัวมีเพียงเขาคนเดียว

ที่ไม่สงสัยเขาตั้งแต่ตอนแรก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะตอนที่เขาเข้าร่วมฝึกแต่งตั้งราชา ผลการฝึกตนเป็นเพียงราชายุทธ์ขั้นสอง