บทที่ 871 คนพวกนั้นไม่ปล่อยเธอ / บทที่ 872 เธอน่ะไร้น้ำยา

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 871 คนพวกนั้นไม่ปล่อยเธอ

ช่วงเวลานี้เธอระมัดระวังทุกเรื่อง ปฏิบัติตามคำร้องขอของซุนไป๋เฉ่าอย่างเคร่งครัด เธอมั่นใจว่าตามสภาพอาการนี้ ร่างกายของซือเยี่ยหานไม่น่าเป็นอะไร แต่จนกว่าผลลัพธ์จะออกมา ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…

หรือว่าสุดท้ายเธอจะเปลี่ยนวงล้อแห่งชะตากรรมไม่ได้เหรอ

หรือมีปัญหาเกิดขึ้นที่ตรงไหน…

ถ้าซือเยี่ยหานครั้งนี้เป็นอะไรไปจริงๆ ละก็…

ในหัวของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความคิดสับสนปนเปนับไม่ถ้วน

ผู้ชายคนนี้…หวาดระแวง ขี้ฉุนเฉียว ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของน่ากลัวจนแทบเข้าขั้นป่วย…

ทุกคนต่างบอกว่าเขาไม่มีความเป็นคน…

ทุกคนต่างกลัวเขาเหมือนสัตว์ร้าย…

แต่ว่าตอนที่เธอพยายามเข้าใจเขา กลับพบว่าสิ่งที่สัมผัสได้ไม่ใช่หนามแหลม แต่เป็นความอ่อนโยนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว…

ทั้งที่เป็นจอมบงการที่น่ากลัว แต่เขาก็ยอมประนีประนอมอย่างง่ายดายเพราะคำพูดอ่อนโยนหนึ่งประโยคกับอ้อมกอดของเธอ…

ตอนที่ทุกคนดูถูกการแต่งตัวของเธอที่สุดแสนอัปลักษณ์ เขาพูดว่า ‘ยังมีรสนิยมเหมือนเดิม’…

ตอนที่ทุกคนสงสัยในคุณสมบัติของเธอ มีแค่เขาที่ถามเธอว่า อยากไปหรือเปล่า…

เขาแอบปูทางให้เธออย่างอย่างเงียบงัน…

เขาพาเธอไปห้องใต้หลังคาที่น่ากลัวในความทรงจำ แต่กลับมอบสิ่งแทนตัวที่สำคัญที่สุดให้เธอ…

หลังจากมีชีวิตใหม่ เธอได้รู้จักซือเยี่ยหานที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

เธอเคยเกลียดเขามากขนาดนั้นชัดๆ…เกลียดมากขนาดนั้น…กระทั่งว่าอยากให้เขาไปตาย…

เวลานี้เธอกลับนั่งอยู่ที่นี่ หวาดกลัวการตายของเขา…

ตอนใกล้รุ่งสาง สวี่อี้กับพ่อของเขาสวี่ฉางคุนก็เดินลงมาจากชั้นบน

เยี่ยหวันหวั่นมองทั้งสองคน “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”

เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นยังคงไม่ไปไหน สวี่ฉางคุนก็รีบเอ่ยปาก “คุณหนูหวันหวั่น สายขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปพักผ่อนล่ะครับ!”

สวี่อี้ร้อนรนเป็นกังวล “ใช่แล้ว ต่อให้คุณหนูอยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราไม่ใช่หมอด้วย ถ้าคุณหักโหมจนร่างกายพัง พอคุณชายเก้าตื่นขึ้นมา ผมจะอธิบายกับเขายังไงล่ะ! ตอนนี้คุณนายใหญ่เป็นลมไปแล้ว คุณหนูจะล้มลงอีกคนไม่ได้เด็ดขาด…”

รอเขาฟื้นขึ้นมา…

ขณะฟังคำพูดของสวี่อี้ เยี่ยหวันหวั่นพลันใจลอย

เธอสูดหายใจลึก พยักหน้ารับ “ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ทางนี้รบกวนพวกคุณด้วย ดูแลคุณย่าดีๆ ถ้ามีข่าวอะไรช่วยแจ้งฉันทันที”

สวี่อี้เอ่ย “คุณหนูหวันหวั่นวางใจได้ครับ!”

กำชับสวี่อวี้กับสวี่ฉางคุนรอบหนึ่งแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ก้าวออกไปจากโรงพยาบาล

ลมเย็นพลันปะทะใส่หน้า ทำให้หนาวเหน็บไปทั้งร่าง

“เฮ้! เยี่ยหวันหวั่น!”

เยี่ยหวันหวั่นกำลังเดินอยู่ข้างถนน รถสีดำคันหนึ่งที่เหมือนรออยู่นานแล้วก็เข้ามาจอดอย่างเงียบเชียบ หน้าต่างรถลดลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้พบเจอนาน

เยี่ยหวันหวั่นเพ่งสายตา “ซือเซี่ย…”

ซือเซี่ยจอดรถใช้ ส่งสายตาบอกใบ้ “ขึ้นรถสิ!”

พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่ขยับ ซือเซี่ยก็ขมวดคิ้วน้อยๆ  “ฉันมีธุระกับเธอ เกี่ยวกับซือเยี่ยหาน”

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเขา ก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

รถแล่นไปตามท้องถนนอย่างมั่นคง เยี่ยหวันหวั่นหลับตาไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ถามว่าเขาจะไปไหน

ซือเซี่ยใช้หางตามองเธอผ่านกระจกมองหลังด้วยสีหน้าซับซ้อน…

ผ่านไปสักพัก ทั้งสองมานั่งในห้องอาหารแห่งหนึ่ง

ซือเซี่ยหยิบซองเอกสารหนาๆ ออกมาจากด้านหลังและผลักไปตรงหน้าอีกฝ่าย

เห็นแต่ในนั้นมีบัตรประจำตัวประชาชน พาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน ทั้งยังมีเช็คหนึ่งใบ…

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หมายความว่าไง”

ใบหน้าซือเซี่ยฉายแววโกรธเคืองแวบหนึ่ง “เยี่ยหวันหวั่น ถึงเวลานี้แล้ว เธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือแสร้งไม่เข้าใจ ทันทีที่ซือเยี่ยหานตาย เธอนึกว่าคนตระกูลซือพวกนั้นจะปล่อยเธอไปเหรอ ยังนึกว่าคุณย่าทวดจะปกป้องเธอได้งั้นเหรอ”

——————————————————–

บทที่ 872 เธอน่ะไร้น้ำยา

เขามองด้านข้างด้วยแววตาเย็นชาเป็นเวลานาน นึกว่าเธอจะตาสว่างเองได้ แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยืนกรานที่จะเดินผิดทาง

ซือเซี่ยเอ่ยเสียงเข้ม “ยังไม่พูดถึงพรรคพวกของฉินรั่วซีก่อนนะ เธอทำลายขาข้างหนึ่งของซืออี้เจี๋ย ซือหมิงหลี่ต้องหวังเอาชีวิตเธอแน่! เธอต้องไปก่อนวันพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นต่อให้อยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว!”

เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองของพวกนั้นบนโต๊ะรอบหนึ่ง ตระเตรียมของพวกนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ซือเซี่ยกลับเอามาทันทีหลังจากที่ซือเยี่ยหานเกิดเรื่อง

อธิบายชัดเจนว่าเขาตรียมของพวกนี้แต่เนิ่นๆ แล้ว…

ไม่มีใครเชื่อว่าเธอที่ไม่มีความเข้าใจเรื่องการแพทย์แม้แต่น้อยจะรักษาซือเยี่ยหานจนหายได้ ซือหมิงหลี่ เฝิงอี้ผิง ซือเซี่ยก็เช่นเดียวกัน

“ขอบคุณนะ หลานชาย นึกไม่ถึงว่านายจะกตัญญูขนาดนี้…” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มๆ จากนั้นก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับคืนสู่ความเรียบเฉย “แต่มันไม่จำเป็น”

ซือเซี่ยลุกพรวดขึ้น “เยี่ยหวันหวั่น! เธอโง่หรือเปล่า!”

เยี่ยหวันหวั่นยิ้มตาหยีมองเขา “อย่าโกรธสิ พอโกรธก็น่าเกลียดแล้ว”

น้ำเสียงที่คุ้นเคย…ทำให้ซือเซี่ยพลันเหม่อลอย…

จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา น้ำเสียงเหมือนโอ๋เด็กทำให้เขาโกรธจนเจ็บใจ “ผู้ชายคนนั้นต่อให้ลบตัวตนเธอแล้ว ก็ยังจะกักขังเธอให้เธอเป็นเชลยอยู่ใกล้ๆ เขา เธอนึกว่าเขารักเธอจริงๆ เหรอ! ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องตายเพราะความโง่ตัวเองเข้าสักวัน!”

เยี่ยหวันหวั่นหลุดหัวเราะ “เฮ้อ ฉันควรเป็นคนลุ่มหลงจนตัวตายเหรอ? คนลุ่มหลงในราคะย่อมเกิดหายนะ…”

แต่ว่า ลบตัวตนหายไปหมายความว่ายังไง?

“เธอ…” ซือเซี่ยออกแรงทุบโต๊ะ

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงันชั่วครู่ บรรยากาศตึงเครียด

ทันใดนั้นซือเซี่ยลุกขึ้นยืน ร่างกายเข้าจู่โจมใส่เธอปานสายฟ้าแลบ…

ถึงแม้เยี่ยหวันหวั่นจะใจลอย แต่ร่างกายเธอยังคงตอบสนองตามสัญชาตญาณ หลบการจู่โจมของอีกฝ่ายได้ทันเวลา

ถ้าเมื่อครู่นี้เธอถูกจู่โจม ตอนนี้คงถูกทุบจนสลบไปแล้ว…

เห็นว่าพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็เตรียมช่วยทำให้เธอสลบแล้วพาไปเลย?

ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นตอบสนอง ซือเซี่ยก็โจมตีต่อแล้ว ทั้งสองคนแลกกระบวนท่ากันกว่าหลายร้อยท่าอย่างรวดเร็ว เยี่ยหวันหวั่นคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ไม่นึกว่าซือเซี่ยจะฝีมือดีขนาดนี้…

สุดท้ายทั้งสองก็เหนื่อยหอบ

ซือเซี่ยดึงคอเสื้อ สายตาจ้องมองเธออย่างเคร่งขรึม ยิ้มเย็นบอกว่า “เหอะ ร้อยกระบวนท่า! เธอใช้ตั้งร้อยกระบวนท่าก็ยังล้มฉันไม่ได้ เธอน่ะไร้น้ำยาแล้ว!”

ซือเซี่ยพูดจบ ก็ออกแรงยัดของบนโต๊ะใส่มือเธอ จากนั้นสาวก้าวยาวๆ จากไป “เธอคิดดูดีๆ!”

เยี่ยหวันหวั่นมองของในมือกับแผ่นหลังของซือเซี่ยที่กระฟัดกระเฟียดจากไป สีหน้างวยงง

ซือเซี่ยฝีมือดีขนาดนี้ เธอประมือกับเขาได้ร้อยกระบวนท่า ไม่ใช่ว่าควรเก่งมากแล้วเหรอ…

บอดี้การ์ดลับของตระกูลซือแทบทุกคนเมื่อรู้ฝีมือเธอก็ต่างตกใจ มีแค่ซือเซี่ยคนเดียวที่พูดว่าเธอไร้น้ำยา?

ตรรกะอะไรของเด็กคนนี้…

ตกกลางคืนดึกดื่น เยี่ยหวันหวั่นกลับไปถึงจิ่นหยวน

ในสวนโอ่อ่าเงียบเชียบ มีแต่ความเงียบสงัด

เยี่ยหวันหวั่นไปที่ห้องของซือเยี่ยหานแล้วเตรียมเสื้อผ้าซักแล้ว ก่อนหยิบเอาของที่ซือเซี่ยช่วยเตรียมให้เธอไปนั่งตรงระเบียง

ซือเซี่ยเตรียมได้ครบถ้วนมาก ตัวตนใหม่ ที่อยู่ใหม่ เมื่อถึงที่แล้วยังมีคนมารับเธอโดยเฉพาะ…

ถ้าเธอจากไป ก็จะได้เริ่มต้นใหม่

ถ้าเป็นชาติก่อน เกรงว่าเธอคงดีใจจนน้ำตาไหลพรากกับโอกาสได้อิสระที่ล้ำค่าอย่างนี้

แต่ตอนนี้ ที่นี่ เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนานแล้ว เธอยังมีคนที่ผูกพันขึ้นทุกที ญาติพี่น้อง เพื่อน แล้วก็ยังมี…

สุดท้ายเธอจุดไฟแช็ก ของพวกนี้กลายเป็นกองไฟ สลายหายไปในเถ้าถ่านยามค่ำคืน…

…………………………….