บทที่ 1566 – กลับมาเยือนเมืองหลินห่าย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1566 – กลับมาเยือนเมืองหลินห่าย

 

อย่างไรก็ตามถึงแม้พลังจู่โจมของเขาจะไม่มากมายนักแต่ เขายังมีหุบเขาเก้าเทวาที่ทรงพลัง ด้วยความแข็งแกร่ง3พันล้านสุริยาแทบจะเรียกว่าไม่มีใครรับมือกับมันได้

 

“เอาล่ะข้าเชื่อท่าน “ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“ดีมากที่เจ้าหัดฟังคนรอบๆตัว  “เธฮกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม  ก่อนที่จะมองขึ้นไปบนฟ้า แล้วตระหนักได้ว่าครึ่งวันผ่านไปแล้ว

 

“ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องเก็บของกันแล้ว! “ในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มเก็บทีพักของเขา ชิงสุ่ยไม่ได้ถามออกมาว่าตอนนี้เธอนั้นแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน นั่นเพราะมันไม่จำเป็นที่เขาจะต้องรู้

 

“ได้”!

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ปกปิดความสามารถของเขาไว้ ชิงสุ่ยเริ่มเดินทางด้วยย่างก้าวเก้าเทวาของเขา เป็นอีกครั้งที่เธอนั้นตกตะลึงในความสามารถของเขา

 

“นี่เจ้ายังมีความลับอีกมายเท่าไรกันที่ ข้ายังไม่รู้ “เธอยิ้มออกมาขณะทะยานผ่านอากาศ

 

“แน่นอนว่าอีกมากมาย แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่ข้าจะบอกคนนอกที่ไม่ใช่ภรรยาของข้า หากเจ้าอยากรู้ความลับของข้าจริงๆ เจ้าเตรียมใจที่จ่ายค่าตอบแทนแล้วรึยัง? “ชิงสุ่ยล้อเล่น

 

การแสดงออกของเธอเปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา และหันศีรษะไปทางอื่นๆ ทั้งสองหลังจากเดินทางด้วยย่างก้าวเก้าเทวามาพักใหญ่ชิงสุ่ยก็ได้เรียกวิหกเพลิงออกมาเพื่อใช้มันในการเดินทางต่อ

 

“เจ้าโกรธอย่างนั้นรึ?” เมื่อเห็นว่าเธอเงียบลง ชิงสุ่ยจึงได้ถามออกมา

 

“ข้าดูเป็นคนขี้โมโหอย่างนั้นรึ ? ข้าไม่ๆด้โกรธ “เธอตอบ

 

“ก็ใช่นะ ใบหน้าของเจ้าดูเหมือนเด็กน้อยที่ถูกแย่งลูกอมไปเลย? “

 

เธอรู้ดีว่า ในตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังพยายามทำให้เธอหัวเราะ เธอจึงได้ยิ้มออกไปให้เขาและถอนหายใจ “อย่ากังวลเลยข้าสบายดี”

 

ชิงสุ่ยยิ้มและถามกลับไปว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่เล่าเกี่ยวกับพระราชวังเทพสมุทรให้ข้าฟังเพิ่มเติมอีกละ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเพราะเหตุใดกันเจ้าถึงจะบอกพระราชวังเทพสมุทรตกอยู่ในอันตราย? เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าสามารถอธิบายเพิ่มเติมให้ข้าฟังได้รึไม่”

 

“ไม่มีอะไรมากมายหรอก  เดิมทีพระราชวังเทพสมุทร นั้นถูกแบ่งออกเป็นสามสาขาในแดนทะเลน้ำแข็ง โดยแต่ละสาขาได้แยกกันปกครองตัวเอง แต่เนื่องจากในตอนนี้เราอ่อนแอลงอย่างมาก จึงทำให้อีกสองสาขานั้นต้องการที่จะยึดครอบพวกเรา เพื่อขยายอำนาจของตัวเอง “เธอเล่าออกมา

 

“ยิ่งไปกว่านั้นสาขาของข้า ยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด และยังเป็นที่ๆร่ำรวยที่สุด ดังนั้นพวกเจ้าจึงจ้องที่จะเล่นงานพวกเรา”

 

“หาในตอนนี้เราประทะกับพวกเขาเราจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้รึไม่?” ชิงสุ่ยถาม

 

“หากเป็นในตอนนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่เราจะชนะ ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน พวกเขาไม่ใช่คู่มือของข้าอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่เสมอไปในโลกของผู้ฝึกตน”เธอกล่าวออกมา

 

“เชื่อข้า เราจะสามารถชนะพวกเขาได้แน่นอน  “ชิงสุ่ยยิ้มออกมา หากปล่อยให้มู่หยุน ชิงเฉิงเข้าต่อสู้เพียงลำพังผลที่ออกมานั้นก็ยากที่จะคาดเดา แต่หากมีเขาช่วยแล้วชิงสุ่ยมั่นใจได้เลยว่า ชัยชนะต้องตกเป็นของเธอย่างแน่นอน

 

แต่ชิงสุ่ยก็ยังไม่แน่ใจว่าความสามารถของเขาจะมีผลกระทบ ต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลรึไม่

 

เธอยิ้มออกมา “ข้าเชื่อเจ้า!”

 

 

แดนทะเลน้ำแข็ง!

 

เมื่อเขามาถึงที่นี่สิ่งแรกที่เขาจะทำคือการกลับไปยังเมืองหลินห่าย แต่เขาก็กังวลถึงความปลอดภัยของอีเย่ เจี้ยนเก้อ ดังนั้นจึงกล่าวออกมา “ตอนนี้พวกเรานั้นต้องรีบกลับไปที่พระราชวังเทพสมุทรหรือไม่ แล้วเจี้ยนเก้อนั้นจะยังปลอดภัยดีรึป่าว?”

 

 

“เจ้าอย่าได้ห่าวงไปเลย แม้ว่าทั้งสองสาขาจะแข็งแกร่งแต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นยังไม่สามารถล้มเราได้ง่ายๆ ว่าแต่เจ้าถามทำไมรึ”

“พอดีข้ามีธุระที่ต้องจัดการที่เมืองหลินห่ายเล็กน้อย หากเราจะแวะที่นั่นก่อนและค่อยเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้เจ้าจะว่ายังไง?”

 

“ไม่มีปัญหา!”เธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยไม่ใช่คนทำอะไรตามใจ หากเขาต้องการแวะที่นี่  นั่นหมายความว่าเขาต้องมีเหตุผลบางอย่าง

 

ในตอนนี้ทั้งคู่กลับมาที่หอคอยจักรพรรดิ เมื่อเห็นชิงสุ่ยผู้คนจำนวนมากได้เข้ามาทักทายเขา หลังจากที่เขาจากไปเป็นเวลานาน

 

ในตอนนี้ทุกๆคนได้ออกมาต้อนรับเขา แม้จะเป็นเวลาที่นานมาก แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เคยเจอจางลง

 

“ในที่สุดท่านก็กลับมา เอ๊ะแล้วไม่ทราบแม่นางที่น่ารักคนนี้เป็นใครกัน”หลานหลิงเฟยกระซิบที่ข้างหูชิงสุ่ย ขณะที่จ้องไปที่มู่หยุน ชิงเฉิง ในเวลานี้ซีฉีชาได้เคาะลงไปที่หัวของเขา และกล่าวว่า “เจ้าจะจ้องอะไรขนาดนั้น”

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมาและเปลี่ยนเรื่อง “พวกเจ้าเป็นยังไงกันบ้าง?”

 

ในเวลานี้หลานหลิงเฟย ยังไม่ยอมแพ้ เขาดิ้นจนหลุดออกมา และหันไปที่ชิงสุ่ย “พี่ชิงสุ่ยนะพี่ชิงสุ่ย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปขนาดไหน ท่านก็ยังเป็นคนเดิมอยู่ ข้านับๆ”เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและกล่าว “จริงๆแล้วพวกเจ้าจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”

 

เธอยิ้มและตอบกลับไปว่า“อาจจะเป็นต้นปีหน้า..”

 

“พี่ใหญ่ แล้วตกลงแม่นางคนนี้คือใครรึ?”เสวี่ย นั่วยิ้มและกล่าว

 

“นางคือ มู่หยุน ชิงเฉิง และนางเป็นสหายของข้า”ชิงสุ่ยตอบ

 

“พี่สาวท่านสวยมาก สวยดังกับเทพธิดาเลย” เธอกล่าวมาด้วยรอยยิ้ม

 

“เจ้าเองก็งดงามอย่างมาก จริงสิเจ้ารู้จักกับเจี้ยนเก้อหรือไม่ “มู่หยุน ชิงเฉิงยิ้มและพูด

 

“ใช่! พี่สาวรู้จักพี่สาวกับเจี้ยนเก้อด้วยหรือ? “เธอถามด้วยความตกตะลึง

 

“ข้าเป็นเสหายที่ดีกับนาง”

 

………… ..

 

ในตอนนี้ชิงุส่ยได้เดินไปกอดคอหยินต่ง  “ว้าว เจ้าก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก”

 

“แต่ก็ไม่อาจเทียบกับเจ้าได้ แม้แต่ฝุ่นของเจ้าข้าก็ยังไม่สามารถเทียบได้ “

 

“เจ้าก็พูดเกินไปไม่จริงหรอก !” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“อวี้ เหนียงน้องพี่ แล้วเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ชิงสุ่ยจ้องที่อวี้ เหนียงและยิ้ม ก่อนที่เขาจะลูบไปที่หัวของเธอ

 

“ข้าสบายดี “เธอจ้องที่ชิงสุ่ย เขานั้นเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอ และยังปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาวของเขา มันทำให้เธอรู้สึกตื้นตันในใจเสมอมา

 

ในตอนนี้คนอื่นๆค่อยๆเข้ามา ชิงสุ่ยได่กล่าวทักทายทักคนอย่างทั่วถึง ในตอนนี้ฝีมือของเทียนยี่ก็ก้าวหน้าข้นอย่างมาก ทำให้ชิงสุ่ยสามารถไว้วางใจที่จะปล่อยให้เขานั้นดูและที่นี่ต่อไปได้

 

ในตอนนี้เทียนยี่ได้ถ่ายถอดทักษะของเขาให้ลูกๆของอวี้เหนียง มันจึงทำให้ทั้งสองนั้นสนิทกันอย่างมาก และเกินเป็นความรักขึ้นมากเพียงแค่ตอนนี้พวกเขายังไม่แสดงตัวมากนัก ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ทั้งสองได้เคยผ่านเรื่องเลวร้ายในชีวิตมามากมาย มันก็สมควรถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้กลับมามีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้ง

 

ในตอนนี้ด้วยยาเม็ดเซียนเทียนที่เขาให้ไว้มันทำอวี้เหนียงนั้นเข้ามาอยู่ในระดับเซียนเทียนเรียบร้อยแล้ว มันทำให้เธอไม่ใช่คนที่อ่อนแอดังในอดีต

 

ชิงสุ่ยรู้สึกเป็นห่วงเธอย่างมาก แต่เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในชีวิตของเธอ ถ้าเธอกับเทียนยี่สามารถอยู่ด้วยกันได้จริง เขาก็จะมีความสุขอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรเรื่องของหัวใจก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะตัดสินใจแทนได้

 

หลังจากนั้นทุกคนทานอาหารเย็นด้วยกัน พวกเขาก็รู้ว่าชิงสุ่ยจะออกเดินทางอีกครั้งในรุ่งเช้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่พวกเขารู้ดีว่าชิงสุ่ยย่อมต้องมีเหตุผลของตน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แต่อวยพรเขาและไม่ได้หยุดเขาเอาไว้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้มอบยาเม็ดล้ำค่า สุราและสมุนไพร่ต่างๆให้กับพวกเขา ชิงสุ่ยหวังว่าพวกเขาจะสามรถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างได้ในช่วงที่เขาไม่อยู่ นอกจากนั้นชิงสุ่ยยังได้ช่วยฝังเข็มและปรับแต่รากฐานให้ทุกๆคนอีกด้วย

……

 

ชิงสุ่ยสามารถวางใจได้ในตอนนี้ เนื่องจากในตอนทุกๆคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มากพอที่จะดูแลที่นี่ได้ ทำให้เขาสามารถปล่อยวาง

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ย หลานหลิงเฟย และหยินต่งได้ขึ้นไปนั่งบนหลังคาขณะที่ร่วมกันดื่มเหล้า

 

“พี่ใหญ่ ข้ารู้ดีว่าท่านและแม่นางมู่หยุนนั้นมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ? หากท่านมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือท่านมีอะไรให้เราช่วยหรือไม่?”หลานหลิงเฟย เทเหล้าลงในจอก่อนที่จะถามออกมา

 

“ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าอยากช่วยข้า แต่เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือความแข็งแกร่งของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้เสียก่อน  ”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

หลานหลิงเฟยและ หยินต่ง  สามารถเข้าใจได้ได้ดีถึงความหมายที่ชิงสุ่ยแฝงเอาไว้ พวกเขาได้แต่ยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง ” ถ้าเช่นนั้นท่านต้องระวังตัวให้มากๆ พวกเราจะรอท่านกลับมา”

 

“ไม่ต้องกังวลไปข้าจะไม่เป็นอะไรเด็ดขาด ข้าจะไม่ตายอย่างง่ายๆก่อนที่จะมาร่วมงานแต่งของเจ้า”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว