ตอนที่ 594

The Divine Nine Dragon Cauldron

ยอดฝีมือที่มีปัญหาบางอย่างและถูกพบตัวเข้าจะถูกทำให้สลบไปเพื่อจัดการในคราวหลัง

 

ไม่นานก็มีคนราวร้อยคนที่ถูกตรวจค้น ผู้คนที่น้อยลงไปเรื่อยๆทำให้โอกาสหลบหนีน้อยลงไปอีก

 

ซือหยูใจหาย เขาเหลือแค่ทางเดียวเท่านั้น!

 

“อ๊ากก!”

 

จู่ๆก็เกิดเสียงตะโกนมาจากคนหนึ่งที่ในบรรดากลุ่มคน เห็นแค่เพียงชายผมสีขาวเงินที่กลายเป็นซากโลหิตกระจายไปยังทุกทิศทาง

 

“ไม่นะ! จ้าวเทวะกำลังเริ่มฆ่าคน!”

 

บางคนตะโกนออกมา มันเรียกร้องความสนใจจากจ้าวเทวะทั้งหกได้เป็นอย่างดี

 

“ฮื่ม! คิดจะดึงความสนใจพวกข้ารึ?”

 

ฉีเทียนโจวใบหน้าเยือกเย็น เขาสะบัดแขน

 

วายุทมิฬลอยออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งตรงไปยังคนที่ตะโกนร้องออกมา ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีใครได้ยินแม้แต่เสียงปะทะเบาๆหรือหมอกสีชมพูที่คอยๆจางหายไป

 

ผู้คนที่ตื่นตระหนกไม่ได้สนใจคนที่เพิ่งถูกฆ่าตายไปเลย พวกเขาแค่ไม่อยากจะเป็นคนต่อไปเท่านั้น!

 

“หนีกันเถอะ!”

 

ยอดฝีมือเร่ร่อนคนหนึ่งที่มีของต้องซ่อนเริ่มจะพยายามหนี

 

จากนั้นเหล่าผู้คนก็เริ่มเป็นกังวลและแตกตื่น! คนเกือบแปดร้อยคนเริ่มที่จะหนีไปจากลานนกกระจอกเทวะ! เหล่าผู้คนมีจำนวนเยอะมาก ถึงจะเป็นร่างเงาของจ้าวเทวะทั้งหกคนก็อาจจะหยุดไม่ได้

 

“ใครที่กล้าขยับหนีจะถูกฆ่า!”

 

ฉีเทียนโจวตะโกนอย่างโกรธแค้น จิตสังหารของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น

 

“หนีเร็วเข้า! จ้าวเทวะพวกนั้นกำลังจะเริ่มฆ่าคนอีกแล้ว!”

 

คำขู่ของฉีเทียนโจวทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นไปใหญ่ หลายคนเริ่มแตกตื่นยิ่งกว่าเดิม

 

ฉีเทียนโจวโบกมืออัดวายุเข้าใส่คนที่กำลังพูดอยู่

 

มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่สังเกตว่าทันทีที่คนผู้นั้นปะทะกับวายุ เขาได้กลายเป็นแสงปลาบเดียวและหายไป มันคือกลที่ใช้สร้างขึ้นมาหลอกจากฉีเทียนโจว!

 

ในเหล่าผู้คน ซือหยูกำลังครุ่นคิด เขาสร้างความโกลาหลโดยใช้ร่างเทียมของเขา มันคือทางเดียวที่เขาจะปะปนไปกับผู้คนได้

 

เมื่อเขาสร้างความแตกตื่นเสร็จ ซือหยูก็หาทางออกมาจากลานนกกระจอกเทวะและปลีกตัวออกมาจากคนกลุ่มใหญ่ เขาเลือกที่จะหนีแต่เพียงลำพัง และก็เป็นอย่างที่เขาคิด เหล่าจ้าวเทวะนั้นเห็นแก่การไล่ตามคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังหนี

 

“คิดจะหนีเรอะ? หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”

 

เสียงตะโกนดังก้องมาจากกู้ไทซู

 

แสงสีม่วงเปล่งประกายออกมา ยอดฝีมือในรัศมีร้อยลี้ถูกแสงสีม่วงสาดเข้าใส่ จากนั้นก็ราวกับว่าพลังชีวิตและพลังวิญญาณของพวกเขาถูกผนึกเอาไว้

 

หลายคนราวกับวิหคที่ไร้ปีก พวกเขาร่วงหล่นกับพื้นไปตามๆกัน พวกเขาที่กระแทกพื้นได้กลายเป็นกองซากศพที่กองสุมกันจนแหลกละเอียด คนตายมากมายในพริบตาเดียว!

 

ซือหยูถูกแสงสีม่วงสาดเข้าใส่เช่นกัน เขากำลังร่วงไปกับพื้น!

 

แม้่แต่กิเลนน้อยที่พยายามรักษาร่างลวงเอาไว้ก็มิอาจรอดพ้นจากแสงสีม่วง มันหวาดกลัวและขยับตัวไปมาอย่างตกใจ

 

จากนั้นมันก็คว้าตัวซือหยูราวกับกำลังจับตัวช่วยชีวิต มันเกาะซือหยูแน่นและร้องเสียงดัง

 

แสงสีม่วงนี้น่ากลัวมาก แม้แต่ร่างลวงของกิเลนน้อยก็มิอาจรอดพ้น พลังชีวิตและพลังวิญญาณของมันถูกปิดผนึกเอาไว้เช่นกัน

 

ซือหยูพยายามจะใช้พลังน้อยนิดที่หลงเหลืออยู่เมื่อเห็นว่ากิเลนน้อยกำลังจะตาย แต่นอกจากพลังกายแล้วเขาก็มิอาจใช้พลังในรูปแบบอื่นได้เลย

 

ทั้งคู่กำลังร่วงไปยังพื้นอย่างรวดเร็ว และจากความเร็วในตอนนี้ พวกเขาจะต้องกลายเป็นซากเนื้อบดอย่างแน่นอน! ซือหยูกำลังตกอยู่ในอันตราย

 

จากนั้นก็มีพลังที่ต่างออกมาที่สัมผัสได้ในจุดกำเนิดพลังของเขา มันไม่ใช่ทั้งพลังชีวิตและพลังวิญญาณ มันกลับเป็นพลังสายฟ้า!

 

ซือหยูพยายามจะสัมผัสมันและพบว่ามีแก้วที่เกิดจากการหลอมรวมของสายฟ้าอยู่ในจุดกำเนิดพลังของเขา มันเกิดขึ้นในวันที่ซือหยูพบแก้วดวงใหม่ที่เกิดจากสายฟ้าขณะที่อยู่ในเขาจักรพรรดิสายฟ้า! ในตอนนั้น ซือหยูคิดว่ามันเป็นแก้วพลังที่ใช้เก็บสายฟ้าเท่านั้น เขาจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก

 

ซือหยูตาลุกโชน เขาพยายามใช้มือสร้างพลัง…

 

ตู้ม

 

เสียงสายฟ้าระเบิดดังลั่นขณะที่ร่างของซือหยูกับกิเลนน้อยถูกปกคลุมด้วยชั้นสายฟ้า เขาใช้วิชาเลี่ยงสายฟ้าได้! พวกเขายักย้ายตัวเองไปยังอีกตำแหน่งในเวลาที่เท้ากำลังจะสัมผัสกับพื้นพอดี!

 

ที่ลานนกกระจอกเทวะ กู้ไทซูขมวดคิ้ว แสงสีม่วงหายไป ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ลอยอยู่บนฟ้า

 

ทุกคนร่วงลงไปกองกับพื้นและถูกบดจนเละ! วิชาของเขาสังหารคนอย่างน้อยสองร้อยคนได้ในพริบตา! แม้จะมีคนที่ยังไม่ตาย คนคนนั้นก็บาดเจ็บอย่างหนัก

 

ที่พื้นเต็มไปด้วยแขนขาที่ขาดสะบั้น มีอวัยวะภายในมากมายที่กระจายออกมา มันเป็นภาพการนองโลหิตและน้ำตา!

 

ยอดฝีมือหลายคนตัวแข็งทื่อ พวกเขาหวาดกลัวกับการล้างสังหารที่เกิดขึ้นกับตา ไม่มีใครกล้าจะหนีอีก

 

จ้าวเทวะจากตำหนักโลหิตดูผิดปกติไป ฉีเทียนโจวดูแย่กว่าใคร เพราะแสงสีม่วงนั้นผนึกแม้กระทั่งร่างเงาของเขา!

 

ก่อนหน้านี้ พลังของกู้ไทซูนั้นเป็นที่รู้จักกันจากคำพูดเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉีเทียนโจวได้สัมผัสมันด้วยตัวเองแล้ว

 

ก่อนที่จะต่อสู้กัน ฉีเทียนโจวยังพอมีความมั่นใจอยู่บ้างว่าทั้งสามจะพอรับมือกับฉีเทียนโจวได้ แต่เขารู้แล้วว่าเขาไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะกู้ไทซู!

 

“มีหนึ่งคนหนีไปได้ใช่ไหม? นั่นมันไอ้เด็กคนนั้น!”

 

กู้ไทซูมองไปยังทิศทางที่ซือหยูหนี ใบหน้าของเขาเยือกเย็นลง

 

“หยินหยาง จับไอ้เด็กนั่นมา! มันเป็นคนที่ก่อเรื่องนี้ขึ้น!”

 

กู้ไทซูสั่ง

 

ชายแก่พร้อมรับคำสั่งอยู่แล้ว

 

“เจ้าค้นที่นี่ต่อไป ข้าจะไปจับไอเด็กนั่นด้วย!”

 

ฉีเทียนโจวคิดอะไรบางอย่าง

 

แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้คนของกู้ไทซูจับตัวซือหยูได้ พวกนั้นคิดจะชิงโลหิตมังกรมาจากซือหยู!

 

กู้ไทซูขมวดคิ้วเบาๆ เขาหันไปมองลู่จือยี่

 

“ถ้าเช่นนั้น จือยี่ที่รัก เจ้าไปตามล่ามันแทน”

 

ผู้เฒ่าหยินหยางมีพรสวรรค์ในการติดต่อกับวิญญาณของสิ่งที่ตาย เขาเหมาะกว่าที่จะสนับสนุน ในด้านพลัง ลู่จือยี่แข็งแกร่งกว่ามาก

 

ลู่จือยี่พยักหน้าและขบริมฝีปากเบาๆ เพราะซือหยูคือคนที่นางไม่อยากเจอที่สุด!

 

ตั้งแต่ที่นางมา ซือหยูอยู่ตรงหน้านางมาโดยตลอด แต่นางไม่เคยมองเขาตรงๆ แต่ด้วยคำสั่งของกู้ไทซู นางไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม นางคือคนคนเดียวที่จะรับมือกับฉีเทียนโจวได้

 

ลู่จือยี่เริ่มหมุนไผ่ทองคำโดยไม่มองฉีเทียนโจว มันคือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์

 

นางอัดพลังวิญญาณลงไปพร้อมกับไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่ใช้พลังมิติ พลังมิติล้อมรอบตัวลู่จือยี่และหายไปพร้อมกับตัวนาง

 

ฉีเทียนโจวสร้างวายุออกมาจากแขนเสื้อ มันพาเขาไปยังตำแหน่งของลู่จือยี่ด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

 

ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นมีพลังมิติที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ลู่จือยี่จึงตามซือหยูทันในไม่กี่อึดใจ

 

ที่สามหมื่นลี้ไกลออกไป ลู่จือยี่ปรากฏตัวท่ามกลางแสงสีทอง ดวงตาอันงดงามมองไปยังก้อนหินทั่วพื้น นางเห็นร่องรอยของสายฟ้าอยู่จางๆ มันคือสายฟ้าจากคนที่เพิ่งจะใช้วิชาเลี่ยงสายฟ้า

 

เขายังคงระวังตัวเช่นเคย ดูเหมือนว่าทันทีที่เขาใช้วิชาเลี่ยงสายฟ้าจบ เขาจะหนีไปยังที่อื่นทันที แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้หนีไปง่ายๆหรอก!

 

ลู่จือยี่มองไปยังอีกทิศทางและหายไปอีกครั้งในพริบตาเดียว ไม่นานจากนั้นฉีเทียนโจวที่ไล่ล่าซือหยูก็มาถึง

 

ที่มุมปากของเขาแสยะยิ้ม

 

“เจ้าเด็กน้อย ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว!”

 

ทันทีที่พูดจบ เขาบินออกไป ร่างกายนั้นเปล่งแสงจ้า

 

ไม่นาน ณ บางแห่งลึกเข้าไปในป่า ฉีเทียนโจวร่อนลงหน้าถ้ำใต้ดิน เขาถือน้ำเต้าในมือ น้ำเต้านี้มีวิบัติอัสนีหลากหลายแบบ

 

“เอาล่ะ เจ้าออกมาได้แล้ว”

 

ฉีเทียนโจวพูดเมื่อเท้าแตะพื้น

 

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีสิ่งที่จ้าวเทวะตู่ม่อทิ้งเอาไว้!”

 

คลื่นพลังวิญญาณเอ่อล้นออกมาจากใต้ดิน เสียงของซือหยูดังขึ้น

 

“พูดอะไรของเจ้า? ข้าไม่รู้เรื่อง”

 

ฉีเทียนโจวหัวเราะ

 

“ฮ่าๆ เรื่องมาถึงขั้นไหนแล้ว? เจ้ายังคิดจะปิดบังความจริงอยู่อีกรึ? คนจากตำหนักชิงวิญญาณถูกส่งมาหาสมบัติของจ้าวเทวะตู่ม่อ พวกมันเจอที่นั่น แต่เจ้าก็ฆ่าตายหมด เจ้านั่นแหละเป็นคนที่น่าจะหาสมบัติของจ้างเทวะตู่ม่อเจอ! เจ้าเอาสมบัติไปแล้ว อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้!”

 

ฉีเทียนโจวเหยียบพื้น ทันใดนั้นผิวของพื้นก็แตกออกจนเห็นหินลาวาด้านใน

 

“แน่ล่ะ เพื่อที่จะเลี่ยงความสนใจของกู้ไทซู ข้าแกล้งทำเป็นไม่รู้ ข้ายังช่วยให้เจ้าได้โลหิตมังกร! แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีทางหนีไปจากลานนกกระจอกเทวะ ข้าจะได้ไม่ออกแรงมาก เพราะถ้าเจ้ายังอยู่ที่นั่น ข้าก็คงต้องสู้กับกู้ไทซู!”

 

น้ำเสียงของซือหยูต่ำลงไปอีก

 

“คำถามสุดท้าย เจ้าเจอข้าได้ยังไง? ข้ามั่นใจว่าลบร่องรอยสายฟ้าที่นี่ไปหมดแล้ว”

 

“ง่ายดายนัก! เจ้ายืมวิบัติอัสนีจากน้ำเต้าข้าไป ตอนที่เจ้าเผลอ ข้าอัดคลื่นวิบัติอัสนีเล็กๆลงในตัวเจ้า สายฟ้านั่นมีความเชื่อมโยงต่อกัน เจ้าคิดว่าข้าจะต้องเปลืองแรงหาตัวเจ้ารึ?”

 

ฉีเทียนโจวถาม

 

ซือหยูเข้าใจแล้ว

 

“เช่นนั้นก็ขอบคุณที่บอกข้า”

 

“เอ๋? หมายความว่ายังไงกัน?”

 

ฉีเทียนโจวรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกใจ

 

ในตอนนั้น ร่างส่องสว่างออกมาจากถ้ำ ร่างนี้มีสีเขียวหยก

 

“ร่างเทียมเรอะ?”

 

ฉีเทียนโจวชักสีหน้า

 

ร่างเทียมหยกคว้าอะไรบางอย่างจากตัว มันคือสายฟ้าสีม่วงที่ดูคล้ายเส้นผม

 

เขายิ้มและถาม

 

“เจ้าหมายถึงสายฟ้านี้สินะ?”

 

พรึ่บ

 

ร่างเทียมลูบมันด้วยนิ้วทั้งสองจนสายฟ้าดับมอด จากนั้นร่างเทียมก็กลายเป็นหมอกแสงจางหายไป

 

ฉีเทียนโจวแววตาเย็นยะเยือก

 

ทำไมร่างเทียมของซือหยูถึงมีสายฟ้าอยู่กับตัวกัน?

 

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ซือหยูจะต้องสัมผัสได้ว่ามีสายฟ้าซ่อนอยู่ในตัว! เขาประมาทซือหยูเกินไป!

 

ณ ที่แห่งหนึ่ง ไกลออกมาหมื่นลี้ นั่นเป็นที่แรกที่ซือหยูใช้เลี่ยงสายฟ้า หินก้อนใหญ่เริ่มสั่นไหว จากนั้นก็พลิกออกมา ในร่างสองร่างปรากฏออกมาจากใต้ดิน นั่นคือซือหยูกับกิเลนน้อย!

 

“หึหึ กับกลกระจอกแบบนี้ คิดจริงๆรึว่าจะตามตัวข้าได้?”

 

ซือหยูหัวเราะเยาะ

 

ความจริงก็คือเมื่อใช้เลี่ยงสายฟ้าครั้งแรก เขาไม่ได้ออกไปจากที่เดิมเลย เขาเพียงแค่ปล่อยร่างเทียมออกมาและใช้ร่างเทียมพาวิบัติอัสนีหนีไป

 

“อย่างที่คิดเลย พวกมันกำลังหาของที่ตู่ม่อทิ้งเอาไว้ มันกำลังหากิเลน!”

 

ซือหยูพูด

 

“อี–อี อู–อู”

 

กิเลนน้อยพอใจกับตัวเองมากและใช้ขาคู่น้อยๆออกท่าทาง มันคิดว่าการหนีทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเล่นที่สนุกสนาน

 

ซือหยูไม่พอใจเล็กน้อยและขึ้นเสียงขึ้นมา

 

“เจ้าคิดว่านี่เป็นแค่การละเล่นรึ? ข้าไม่เอาชีวิตข้ามาล้อเล่นหรอกนะ!”

 

เขาลูบหัวกิเลนน้อย

 

“แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าด้วย”

 

ถ้าหากกิเลนน้อยไม่สร้างความวุ่นวายด้วยร่างลวงในก่อนหน้านี้ ซือหยูก็อาจจะไม่มีทางคิดแผนหนีออกมาได้ง่ายๆ กิเลนน้อยดีใจที่ถูกลูบหัว มันยิ้มและซุกหัวกับอกของซือหยู

 

“เอามือสกปรกของเจ้าออกจากตัวข้า!”

 

จากนั้นซือหยูก็ได้ยินเสียงที่ดังและชัดเจน