ราชันเร้นลับ 430 : วันใหม่

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 430 : วันใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

สภานักสิทธิ์สนธยา…

เป็นองค์กรลับประเภทใด? ทำไมเราถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน…ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเราจ่ายเงินซื้อข้อมูลองค์กรลับทั่วโลก มิสเตอร์แฮงแมนไม่เคยเอ่ยชื่อดังกล่าวให้ฟัง…

ออเดรย์ประหลาดใจแกมสับสน หมอกสีเทาเริ่มจางลง ร่างของบุรุษมาดสง่างามนามมิสเตอร์ฟูลพลันเลือนหาย

เด็กสาวมองไปรอบตัวพร้อมกับสร้างสมมติฐานในใจ

สภานักสิทธิ์สนธยาสินะ…ฟังจากชื่อก็น่าเกรงขามกว่าองค์กรเก่าแก่อย่างชุมนุมแสงเหนือหรือโรงเรียนชีวิตแล้ว คงลึกลับจนแม้แต่มิสเตอร์แฮงแมนผู้มากประสบการณ์และเป็นคนของโบสถ์วายุสลาตัน ก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน…

เป้าหมายของพวกมันอาจเป็นการลอบสังหารบุคคลสำคัญระดับอาณาจักร ไม่สิ ระดับโลก เพื่อสร้างความปั่นป่วน…

พวกมันคงคอยบงการโลกอยู่ในเงามืด คอยจับตามองความเคลื่อนไหวของทวีปเหนือใต้ตลอดเวลา และมีเป้าหมายในการครอบครองโลกโดยสมบูรณ์สักวัน เข้าใจแล้วว่าทำไมมิสเตอร์ฟูลถึงสนใจเป็นพิเศษ…

ในคราวก่อน ท่านไม่ได้ส่งผู้รับใช้มาช่วยฆ่าคีลิงเกอร์เพียงเพราะมีรางวัลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ แต่เป็นเพราะท่านให้ความสนใจสภานักสิทธิ์สนธยาต่างหาก…

ลึกลับระดับเดียวกับชุมนุมทาโรต์ของเรา…

ออเดรย์กำลังเกิดความรู้สึกประหลาด ยากจะอธิบายเป็นคำพูด เป็นอาการตื่นเต้นเจือด้วยความภาคภูมิใจ ส่งผลให้อารมณ์เศร้าโศกจากการสูญเสียดยุคนีแกนบรรเทาลง

เรามั่นใจว่า โลกผู้วิเศษส่วนใหญ่คงยังไม่รู้จักสภานักสิทธิ์สนธยามากนัก แต่เราคือหนึ่งในน้อยคนนั้น และชุมนุมทาโรต์ของพวกเราก็กำลังหมายหัวมันอยู่!

ออเดรย์ยืนตัวตรง สายตาจ้องมองเรือนร่างของตนในกระจกเต็มบาน

เด็กสาวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นมุมน่ารักน่าชังเป็นพิเศษ

ขณะดวงตากำลังเพ่งมองบุคคลในกระจก จิตใจออเดรย์เริ่มผ่อนคลาย สำหรับเด็กสาว นี่คือครั้งแรกอย่างแท้จริง กับการตระหนักว่าตนต้องรีบพัฒนาระดับพลังโดยด่วน

แม้แต่ดยุคนีแกน ผู้วิเศษลำดับกลาง แถมยังมีองครักษ์ผู้วิเศษแข็งแกร่งคอยคุ้มกันอีกเป็นจำนวนมาก ก็ยังถูกลอบสังหารเอาได้ เช่นนั้นแล้ว บิดาของเธอซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาจะปลอดภัยได้อย่างไร

แม้ว่าตระกูลของเราจะมั่งคั่งและมีบอดี้การ์ดผู้วิเศษคอยคุ้มกันจำนวนหนึ่ง รวมถึงยังมีการคุ้มครองจากโบสถ์รัตติกาลเป็นพิเศษ แต่ทางฝั่งท่านดยุคนีแกนก็ได้รับการคุ้มกันในระดับไม่ต่างกันเลยสักนิด…

ท่าไม่ดีแล้ว… ต้องรีบพัฒนาเป็นลำดับ 7 โดยเร็ว จากนั้นก็ลำดับ 6 และคอยเร้นกายในเงามืด รับบทบาทผู้พิทักษ์ของตระกูล เป็นปราการด่านสุดท้ายให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และเหล่าท่านพี่!

ณ เมืองหลวงแห่งหมู่เกาะรอสต์

เมืองแห่งการให้

โทสะสีครามแล่นมาจอดเทียบท่า เปิดโอกาสให้ลูกเรือผ่อนคลายตัวเองอย่างอิสระ

อัลเจอร์·วิลสันเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดคลุมยาวลวดลายสายฟ้า ก่อนจะย่างกรายไปทางวิหารซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งจากบรรดาหมู่เกาะทั้งหมด

มหาวิหารแห่งคลื่น

สถาปัตยกรรมยังเป็นแบบโบราณ เต็มไปด้วยเสาหินต้นใหญ่และรูปทรงโค้งเว้า มองจากภายนอกจะเห็นหลังคาโดมสูงเด่น ขนาบข้างด้วยหอนาฬิกาใหญ่จำนวนสองเรือน

ย้อนกลับไปในยุคเพิ่งเริ่มล่าอาณานิคมได้ไม่นาน ผู้บุกเบิกไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างวิหารสักเท่าไร และนั่นได้กลายเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมในเวลาถัดมา

เมื่อถูกรายล้อมด้วยชนเผ่า ผืนป่าเขียวขจี และซากอารยธรรมโบราณ คณะสำรวจยุคแรกได้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีใครต้นตอการตาย และการยึดครองดินแดนก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

หลังจากเกิดความสูญเสียอย่างยาวนาน อัตราการตายพลันลดลงอย่างกะทันหันเมื่อมหาวิหารหลายแห่งถูกสร้างเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน จนกระทั่งการตายอย่างเป็นปริศนาไม่เกิดขึ้นอีกเลย กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์

อัลเจอร์หยุดยืนหน้าวิหารหลังใหญ่ มิได้รีบร้อนเดินเข้าไปด้านใน มันมองผ่านเข้าไปทางหน้าต่าง และพบกับห้องมืดสลัวซึ่งมีเพียงแสงเทียนอบอุ่น

ถัดมา อัลเจอร์เดินตรงเข้าไปในโถงสวดมนต์หลัก กำมัดขวาแน่นและนำมาทุบอกเสียงดัง ก่อนจะหันไปทางบิชอปด้านข้างและกล่าวอย่างขึงขัง

“พายุจงสถิตกับท่าน!”

“พายุจงสถิตกับท่าน” บิชอปตอบกลับด้วยถ้อยคำเดียวกัน

โดยไม่เปิดโอกาสให้อัลเจอร์ได้พูด บิชอปประจำมหาวิหารแห่งคลื่นยื่นกระดาษโทรเลขมาทางด้านหน้า

“คุณมาทันเวลาพอดี สภาพระคาร์ดินัลเพิ่งมีคำสั่งด่วนลงมา อ่านให้จบก่อนเข้าไปสวดมนต์”

“คำสั่งด่วน?” อัลเจอร์ขมวดคิ้วพร้อมกับรับกระดาษโทรเลขมาอ่าน

บิชอปอธิบายด้วยสีหน้าอึมครึม

“ดยุคนีแกนถูกลอบสังหาร ทางสภาพระคาร์ดินัลมีคำสั่งด่วนให้ทูตพิพากษาและนักบวชในสังกัดทุกคนพยายามรวบรวมข้อมูลของจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดอย่างสุดความสามารถ รวมถึงเบาะแสของพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ด้วย”

จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด…? อัลเจอร์แสดงสีหน้าประหลาดใจ

มันทราบอยู่ก่อนแล้วว่า จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดคือผู้รับใช้ของเดอะฟูล

บิชอปพยักหน้าหนักแน่นพร้อมกับเล่าต่อ

“คนร้ายลอบสังหารดยุคนีแกนคือลำดับ 5 ‘ปีศาจ’ แต่ระหว่างการหลบหนี มันถูกฆ่าโดยฝีมือจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด เป็นชะตากรรมเดียวกับพลเรือโทแห่งวายุ คีลิงเกอร์ ผู้เคยลอบสังหารท่านดยุคล้มเหลว”

ไม่เพียงรายละเอียดปลีกย่อยจะคล้ายกันมาก แม้แต่ประเด็นหลักก็ยังเหมือนกันทุกประการ…คีลิงเกอร์ตายด้วยฝีมือผู้รับใช้ของมิสเตอร์ฟูล และคนร้ายในคดีล่าสุดก็… หรือว่ามิสเตอร์ฟูลจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความตายของดยุคนีแกนเสียเอง? ไม่น่าใช่ หากเป็นฝีมือท่านจริง คงมีการตักเตือนคีลิงเกอร์ให้ระวังมิสจัสติสก่อนลงมือลอบสังหาร…มิสเตอร์ฟูลคงพยายามสืบหาเบื้องหลังการตายของดยุคนีแกนมากกว่า… ต้องเป็นองค์กรลับระดับใดกัน ถึงได้รับความสนใจจากท่านโดยตรงเช่นนี้…

อัลเจอร์ครุ่นคิดในหลายเรื่อง แต่ทั้งหมดยังไม่มีหลักฐานรองรับ

จากรายละเอียดของกระดาษโทรเลข มันได้ทราบว่าโบสถ์วายุสลาตันจัดตั้งทีมสืบสวนพิเศษขึ้นเป็นการเฉพาะ จุดประสงค์เพื่อแกะรอยผู้บงการเบื้องหลังคดีลอบสังหารดยุคนีแกน สมาชิกแต่ละคนล้วนเป็นขุนพลระดับหัวกะทิของโบสถ์ทั้งสิ้น

เราควรเข้าร่วมดีไหม? จะได้รับรู้สถานการณ์ทางฝั่งโบสถ์อย่างละเอียด…

อัลเจอร์เริ่มลังเล

แต่ลงเอยด้วย มันตัดสินใจยึดหลักการเดิมของตน ไม่พยายามทำตัวโดดเด่น

เมื่อเริ่มวันใหม่ ไคลน์หลับยาวจนกระทั่งลืมตาตื่นเองตามธรรมชาติ ชายหนุ่มพยุงตัวลุกจากเตียงนอนและเดินลงมายังชั้นล่าง

มันไม่รีบประกอบอาหารเช้า แต่เลือกเดินออกไปนอกบ้านเพื่อหยิบปึกหนังสือพิมพ์ภายในกล่องจดหมาย

“นี่คือ…?” ไคลน์พบซองกระดาษแผ่นหนาถูกยัดไว้ระหว่างหนังสือพิมพ์ น้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับขนาด

หลังจากกลับเข้าบ้านและฉีกซองตรวจสอบ กลิ่นหมึกพิมพ์เข้มข้นของธนบัตรพลันลอยชนจมูกอย่างจัง

สัมผัสวิญญาณช่วยระบุทันทีว่าด้านในอัดแน่นไปด้วยเงินสดจำนวนมาก

มันบรรจงดึงเงินปึกใหญ่ออกมาด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

หลังจากนับเสร็จ ไคลน์ยืนยันจนมั่นใจว่าธนบัตรทั้งหมดมีมูลค่าหนึ่งพันปอนด์ถ้วน

รางวัลจากจิตแห่งจักรกล… แต่ทำไมถึงส่งเงินสดมาในรูปแบบนี้? มั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกขโมย?

ไคลน์รำพันอย่างหัวเสีย

แต่อีกใจหนึ่งก็ยินดี ด้วยเงินก้อนนี้ ผนวกกับการไม่ถูกจับตามองโดยจิตแห่งจักรกล มันสามารถแวะไปหาแวมไพร์เอ็มลินเพื่อขอซื้อวัตถุดิบปรุงโอสถได้ทันที!

หลังเสร็จอาหารเช้า ไคลน์สวมหมวกและเสื้อโค้ท ถือไม้ค้ำ ใช้แขนหยิบหนังสือพิมพ์ และรีบเดินออกจากบ้าน

ขณะหันหน้าเตรียมเดินเท้าไปยังป้ายรถม้าสาธารณะ ชายหนุ่มพบกับเจ้าของบ้าน มาดามสตาร์ลิ่ง กำลังสั่งให้สาวใช้ขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถม้าริมถนน

“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนายซาเมอร์” ไคลน์ทักทายด้วยรอยยิ้ม

สตาร์ลิ่งยิ้มรับด้วยสีหน้าผ่องใส

อารมณ์ดีแบบนี้ ยังไม่ทราบสินะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของตัวเองบ้าง…

ไคลน์ซักถามด้วยสีหน้าสงสัย

“กำลังจะไปไหนหรือครับ”

“ใกล้ช่วงปีใหม่แล้ว แมรีจึงให้ลุคลางานยาวได้เป็นกรณีพิเศษ พวกเราจึงเตรียมตัวเดินทางไปอ่าวเดซีเพื่อพักผ่อนในช่วงปีใหม่” สตาร์ลิ่งเล่าต่อโดยไม่รอให้อีกฝ่ายถาม “เราเคยไปเที่ยวแถวนั้นมาหมดแล้ว รวมไปถึงเมืองชายฝั่งชื่อดังอีกสองสามแห่ง คราวนี้จึงอยากลองเที่ยวฝั่งเฟเนพ็อตดูบ้าง ได้ยินว่าเมืองเซเวียร์มีวิวทิวทัศน์งดงามมาก”

ไคลน์ยิ้มรับ

“น่าอิจฉาจังนะครับ”

“แล้วทางคุณล่ะคะ? นักสืบโมเรียตี้ มีแผนจะเที่ยวปีใหม่แถวไหนหรือ” สตาร์สิ่งซักถามอย่างอารมณ์ดี

ก็คงนอนอืดอยู่กับบ้าน…จริงสิ ต้องเตรียมเครื่องมือสำหรับซ่อมผนังด้วย ตั้งแต่สจ๊วตยิงใส่คราวนั้นก็ปล่อยให้เป็นรูมาตลอด…

ไคลน์ยกมุมปาก

“คงกลับรัฐเลียบทะเลครับ อากาศฤดูหนาวแถวนั้นแตกต่างจากเบ็คลันด์มาก”

สตาร์ลิ่งพยักหน้ารับ

“หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันแถวอ่าวเดซีในปีถัดไปนะคะ”

ย่านทิศใต้ของสะพาน ถนนกุหลาบ วิหารฤดูเก็บเกี่ยว

เมื่อเห็นนักสืบเชอร์ล็อกในชุดขนสัตว์สีดำกำลังเดินเข้ามาใกล้ เอ็มลิน·ไวท์ ผู้กำลังยืนเช็ดเชิงเทียนอย่างระมัดระวัง พลันฉีกยิ้มกว้าง

มันรีบใช้มือสางเส้นผมสีดำขลับ เร่งฝีเท้าเดินไปหยุดยืนข้างไคลน์ เชิดคางขึ้น และกระซิบด้วยเสียงต่ำ

“ข้าได้เบาะแสของเจสัน·บีเลียลมาแล้ว ทางผีดูดเลือดสืบจนพบข้อมูลชายคนนั้น”

“ทางผมก็มีเหมือนกัน” ไคลน์อมยิ้มพลางยื่นหนังสือพิมพ์ไปทางเอ็มลิน พาดหัวข่าวกลางหน้ากระดาษเขียนไว้ว่า :

ช่วงบ่ายของเมื่อวาน ท่านดยุคนีแกนผู้ยิ่งใหญ่ถูกลอบสังหารอย่างอุกอาจ คนร้ายคือปีศาจจิตใจต่ำช้า

ใต้พาดหัวข่าวเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับคดีลอบสังหารเมื่อวาน มีการเผยว่าฆาตกรคือนายธนาคารชื่อเจสัน·แพทริค ถูกวิสามัญฆาตกรรมทันทีในจุดเกิดเหตุ กลุ่มก่อการร้ายชุมนุมแสงเหนือได้ประกาศความรับผิดชอบ

ย้อนกลับไปเมื่อเช้าขณะไคลน์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ มันเกือบพ่นนมสดพรวดออกจากปาก

ในตอนแรก ไคลน์คิดว่ามิสเตอร์ A แห่งชุมนุมแสงเหนือคงถูกปลวกกินสมองไปหมดแล้ว ถึงได้กล้าประกาศความรับผิดชอบอย่างส่งเดช แต่เมื่อลองไตร่ตรอง มันฉุกคิดได้ว่าเรื่องนี้อาจเป็นฝีมือของรัฐบาล

หากสภานักสิทธิ์สนธยาคือองค์กรลับซึ่งจักรพรรดิโรซายล์เป็นสมาชิก พวกเขาต้องเป็นศัตรูกับชุมนุมแสงเหนืออย่างสุดโต่ง เพราะอุดมการณ์ตรงกันข้ามกับพระผู้สร้างแท้จริงโดยสิ้นเชิง…

ไคลน์ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย

เอ็มลินก้มหน้าอ่านพาดหัวข่าวอย่างละเอียดหลายหน ก่อนจะซักถามด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“หมายความว่า ข้อมูลของข้าไม่มีประโยชน์อีกแล้ว?”

“ในทางทฤษฎีก็ใช่…” ไคลน์ชำเลืองมองด้วยสายตาสมเพช ก่อนจะมอบความหวังให้อีกฝ่าย “แต่รัฐบาลกำลังสืบหาเบาะแสของผู้บงการเบื้องหลังเจสัน·บีเลียล ถ้าข้อมูลของคุณเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทางตำรวจคงมีรางวัลตอบแทนให้แน่”

ในส่วนของไคลน์ มันไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคดีไปมากกว่านี้แล้ว

“คงไม่ได้…ข้าทราบเพียงว่า อีกฝ่ายชื่อเจสัน·บีเลียล มีงานอดิเรกอยู่ราวสองสามอย่าง” เอ็มลินถอนหายใจยาวอย่างผิดหวัง

เมื่อเห็นท่าทีตอบสนอง ไคลน์อมยิ้ม

“คุณไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เลยหรือ”

ถ้าเราไม่ส่งหนังสือพิมพ์ให้อ่าน หมอนี่คงไม่มีทางทราบว่าดยุคนีแกนถูกลอบสังหารไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว…

เอ็มลินจ้องไคลน์ด้วยสายตาฉงน

“แล้วทำไมถึงต้องอ่าน? ไม่รู้หรือไงว่าข้างานยุ่งมาก!”

ยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดวิหารฤดูเก็บเกี่ยว ยุ่งอยู่กับการแต่งตัวฟิเกอร์ขนาดเท่าคนจริง และยุ่งอยู่กับการคิดหากลอุบายหลอกดื่มเลือดมนุษย์ฟรี… ช่างทำตัวสมกับเป็นแวมไพร์สมัยใหม่…

ไคลน์เผยอริมฝีปากเล็กน้อย แต่ด้วยการยับยั้งของตัวตลก เสียงหัวเราะจึงไม่เล็ดลอดออกไป

ลงเอยด้วย ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ยั่วโมโหแวมไพร์เอ็มลิน เพียงกล่าวเข้าประเด็นโดยไม่มัวเสียเวลา

“ผมเตรียมเงินครบจำนวนแล้ว เพียงพอสำหรับซื้อวัตถุดิบทั้งสองชนิดจากคุณ พร้อมแลกเปลี่ยนวันไหน?”

……………………