ตอนที่ 620 ส่งเจ้าออกไป โดย ProjectZyphon
พวกหลินสวินก็ตื่นตระหนกแล้ว พวกเขาคาดเดาได้แต่แรกว่าวานรเฒ่าแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้!
การโจมตีของเหล่าราชันระดับสังสารวัฏถูกสลายอย่างง่ายดาย เกรงว่าวานรเฒ่าจะดำรงอยู่บนอริยมรรคนานแล้ว
ทั้งที่นั้นเงียบเชียบ ต่อให้เป็นราชันวัวมารหนิวเซี่ยวรื่อที่โหดเหี้ยมร้ายกาจเวลานี้ก็อึ้งงัน สีหน้าหนักอึ้ง มองตื้นลึกหนาบางของวานรเฒ่าไม่ออกอยู่บ้าง
ที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าคาดไม่ถึงก็คือ ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าวานรเฒ่าออกมาจากแดนลับอสูรมารอริยะกับพวกหลินสวิน
ผู้ที่น่ากลัวขนาดนี้แต่กลับไม่ได้รับแรงกดดันจากพลังของแดนลับนั้น หรือว่า… จะเป็นอสูรมารอริยะที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้หนึ่ง?
“วาสนาเป็นสิ่งที่ตนได้รับเอง เดิมทีก็เป็นการแก่งแย่งระหว่างคนรุ่นเยาว์ ทุกท่านกลับลงมือด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ใช้ความเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย จะใจแคบเกินไปแล้ว”
ท่ามกลางความเงียบเชียบ วานรเฒ่าเอ่ยเรียบเฉย เสียงไม่ดังนัก แต่กลับสั่นสะเทือนไปทั้งที่นั้น ถึงกับมีพลานุภาพคุกคาม
คนใหญ่คนโตหลายคนหน้าเปลี่ยนสี นี่กำลังด่าว่าพวกตนอยู่หรือ
“เด็กนี่ใจคอโหดเหี้ยมร้ายกาจ ก่อบาปไว้มากนัก สังหารคนเผ่าข้าไม่รู้เท่าไร ไม่ควรลงโทษมันหรือ”
ท่านย่าเทพสังหารสีหน้าเหยเก โกรธจนตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า
“ยายแก่! เจ้าหุบปากเสีย ศึกชิงวาสนาย่อมมีการบาดเจ็บล้มตาย หรือจะอนุญาตให้แค่พวกเจ้าฆ่าคน ไม่ให้ผู้อื่นฆ่าพวกเจ้า ช่างป่าเถื่อนไร้มารยาท!”
เจ้าคางคกตะคอกเสียงดัง
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ท่านย่าเทพสังหารโกรธจนหน้าเขียว สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง พลันมีแสงเทพนับพันหมื่นพุ่งทะลุเมฆา ยิงไปยังเจ้าคางคก
“หึ!”
วานรเฒ่านิ่วหน้า ส่งเสียงหึหยันออกมาครั้งหนึ่ง กลับโจมตีดุจอสนีบาต สลายแสงเทพนับหมื่นพันนั้นให้กลายเป็นจุณ
ทว่าท่านย่าเทพสังหารประหนึ่งถูกสายฟ้าจู่โจม จิตวิญญาณเจ็บปวด ร่างกายพลันซวนเซในทันใด ถึงกับกระอักเลือดออกมา
นี่ทำให้คนใหญ่คนโตหลายคนหนังตากระตุก ในใจพรั่นพรึง เป็นอริยะจริงๆ ใช่หรือไม่ หาไม่แล้วเหตุใดถึงได้มีพลานุภาพน่ากลัวปานนี้
เวลานี้เจ้าคางคกก็โมโหแล้ว คำรามออกมาว่า “เดรัจฉานเฒ่า เจ้าไม่เพียงหน้าไม่อายธรรมดาๆ แต่ช่างหน้าไม่อายชะมัดยาดเลย ข้าไม่เคยเห็นคนแก่ไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน!”
“เจ้า…”
ท่านย่าเทพสังหารสั่นสะท้านไปทั้งตัว โกรธจนกัดฟันกรอด ท่ามกลางสายตาฝูงชนที่จับจ้อง นางเป็นถึงผู้อาวุโสเผ่าวาฬมังกรซึ่งอยู่ในระดับสังสารวัฏผู้หนึ่ง กลับถูกเจ้าคางคกด่าทอใหญ่โตอย่างไม่ไว้หน้า การเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดเช่นนี้นางจะเคยประสบได้อย่างไร
“เจ้าอะไรล่ะ ใบ้กินไม่ปริปากแล้วหรือ”
เจ้าคางคกได้ใจยิ่งนัก
ทุกคนล้วนดูออกแล้วว่ามีวานรเฒ่าผู้นั้นเป็นหัวเรือ พวกหลินสวินถึงได้กล้าปรากฏตัวอย่างไม่มีความหวั่นเกรงด้วยมีที่พึ่ง นี่ทำให้พวกเขาชิงชังนัก ทั้งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่นอย่างหาใดเทียบ
“สหายยุทธ์ เกรงว่าท่านไม่รู้ความประพฤติของเด็กคนนี้ ถึงได้ปกป้องมัน”
เวลานี้ผู้เฒ่าเกาหยางเอ่ยปาก เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เด็กคนนี้มากับพวกเรา แต่ยามที่ชิงวาสนากลับทำร้ายพวกเดียวกัน วิธีการโหดเหี้ยม จิตใจเลวทราม เรียกได้ว่าสารเลวถึงที่สุด หวังว่าสหายยุทธ์จะไตร่ตรองให้ดี ไม่ปกป้องมันอีก”
หลินสวินสีหน้าถมึงทึง คาดไม่ถึงอยู่บ้างว่าคนอย่างผู้เฒ่าเกาหยางจะถึงขั้นกลับขาวเป็นดำ กุเรื่องเท็จขึ้นมาได้
“เจ้าเป็นใครกัน”
สายตาวานรเฒ่ามองไป
“ผู้สืบทอดรุ่นที่สามสิบหกของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เกาหยาง”
เกาหยางเอ่ยตอบ
“ไม่รู้จัก”
วานรเฒ่าชักสายตากลับมา ไม่มองเขาอีกเลย
เกาหยางพลันมีสีหน้าอับอายอย่างหาใดเทียบ ก่อนหน้านี้เพียงเขาบอกนามของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไม่ว่าใครก็ต้องเกรงใจอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้กลับถูกเมินเสียแล้ว!
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็เกือบหัวเราะออกมา วานรเฒ่าผู้นี้ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อน แต่วาจาช่างตรงไปตรงมาและแข็งกร้าวนัก
“สหายยุทธ์ หรือท่านจะหมางใจกับพวกเราขุมอำนาจทั้งหมดในที่นี้ เพื่อปกป้องเด็กนี่จริงหรือ”
เกาหยางกัดฟันถามเสียงขรึม
ทันใดนั้นทุกสายตาในที่นั้นก็พากันจับจ้องไปที่ร่างของวานรเฒ่า
“ข้อแรก ข้าไม่สนิทกับพวกเจ้า อย่าเรียกข้าว่าสหายยุทธ์ วิถีของพวกเราต่างกัน ไม่อาจกระทำการร่วมกันได้”
วานรเฒ่านิ่วหน้าเอ่ยแก้ไข “ข้อสอง เท่าที่ข้าดู ไม่ใช่ข้าหมางใจกับพวกเจ้า แต่ผลลัพธ์ที่พวกเจ้าหมางใจกับข้ารังแต่จะร้ายแรงกว่า”
เมื่อพูดคำนี้ออกมาบรรยากาศในที่นั้นยิ่งเงียบเชียบ ล้วนรับรู้ได้แล้วว่าวานรเฒ่าผู้นี้กำลังคุ้มครองพวกหลินสวิน
นี่ทำให้สีหน้าพวกเขาล้วนเหยเกอึมครึมหาใดเทียบ รู้สึกไม่ยินยอมและเดือดดาลอย่างยิ่ง
“ส่วนคนใหญ่คนโตที่ว่าอย่างพวกเจ้าก็ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร ตอนนี้พวกเจ้ารังแกคนรุ่นหลังได้ แต่ภายหลังเมื่อมหาสงครามมาเยือน ปวงสวรรค์หมื่นพิภพถูกกำหนดแล้วว่าต้องเป็นของคนรุ่นเยาว์ ส่วนพวกเจ้า เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วต้องจ่ายค่าทดแทนเพราะสิ่งนี้!”
สายตาวานรเฒ่ากวาดมองร่างของคนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าเหล่านั้นทีละคน ทำให้ฝ่ายหลังล้วนสีหน้าวิตกไม่กล้าสบตาเขา
วานรเฒ่าไม่สนใจพวกเขาอีก มองทางเข้าแดนลับอสูรมารอริยะนั้นรอบหนึ่งแล้วพูดว่า “เวลาไม่มากแล้ว ตอนนี้มาส่งพวกเจ้าจากไปเถอะ”
“ผู้อาวุโสโปรดรอก่อน”
ฉับพลันจ้าวจิ่งเซวียนก็เอ่ยปาก ดวงตากระจ่างมองไปยังหลินสวินแล้วพูดว่า “ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอยู่ดี ดังนั้น…”
“เจ้าจะกลับไปพร้อมกับพวกเขาหรือ”
หลินสวินเข้าใจในทันใด อดนิ่วหน้าไม่ได้ “แต่หากพวกเขา…”
“พวกเขาไม่กล้าหรอก คิดจะกลับไปยังดินแดนรกร้างโบราณก็ต้องอาศัยวิชาลับในจักรวรรดิ และวิชาลับนั้นเสด็จพ่อของข้าก็ครอบครองอย่างแน่นหนามาโดยตลอด ต่อให้พวกเขาชิงชังข้ากว่านี้ เมื่อมีเสด็จพ่ออยู่ พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรข้า”
จ้าวจิ่งเซวียนแจกแจง
หลินสวินพลันนิ่งอึ้งไปบ้าง จ้าวจิ่งเซวียนมีความคิดและความตั้งมั่นของนางเอง ไม่ต้องการหักหลังสหายร่วมสำนักเพราะเหตุนี้ หลินสวินเข้าใจเรื่องนี้ดี
ทว่าที่เขากังวลก็คือ ตอนนี้ทุกคนล้วนเห็นแล้วว่าจ้าวจิ่งเซวียนกับตนเป็นพวกเดียวกัน หากระหว่างทางกลับนางประสบเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น เช่นนั้นก็ยุ่งยากเสียแล้ว
“ถือสิ่งนี้ไว้ เมื่อพบอันตรายขอเพียงหยดลือดลงไปบนนั้นก็จะสามารถปกป้องเจ้าให้พ้นภัยได้”
ทันใดนั้นวานรเฒ่าก็เอ่ยปาก แล้วนำยันต์หยกเขียวรูปใบไม้แผ่นหนึ่งส่งให้จ้าวจิ่งเซวียน
“ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”
หลินสวินพลันตื่นเต้น โค้งกายคำนับ
“เป็นสิ่งที่มอบให้แม่นางจ้าว เจ้าขอบคุณทำไม หรือเห็นว่าตนเป็นชายของผู้อื่นแล้วจริงๆ”
เจ้าคางคกหยอกเย้า
ฝ่ามือข้างหนึ่งของหลินสวินตบเข้าที่ท้ายทอยของเจ้าคางคก
วานรเฒ่าไม่ร่ำไรอีก สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ห้วงอากาศถูกฉีกขาดออกเป็นอุโมงค์มิติ ต่อมาเขาก็โยนหลินสวินกับเจ้าคางคกเข้าไป
“รักษาตัวล่ะ!”
วานรเฒ่าเอ่ยวาจาเรียบง่ายแต่มากด้วยความหมาย
“ไม่…!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามอย่างไม่ยินยอมและเดือดดาลดังขึ้นจากที่ไกลๆ ที่แท้เป็นท่านย่าเทพสังหาร นางพุ่งผ่านห้วงอากาศ โบกมือพุ่งสังหารมาทางนี้
ด้วยหมายจะทำลายอุโมงค์มิตินั้น!
เห็นได้ชัดว่านางไม่อาจทนให้หลินสวินจากไปอย่างปลอดภัยเช่นนี้
“หึ!”
วานรเฒ่าเหมือนถูกยั่วโมโห ดวงตาฉายรังสีโหดเหี้ยม ยื่นมือไปจับครั้งหนึ่ง เสียงปึ้กดังทุ้มขึ้น ฟ้าดินสั่นสะเทือน
ท่านย่าเทพสังหารแข็งทื่อไปทั้งตัว จากนั้นก็ระเบิดกลางอากาศ สลายกลายเป็นฝนแสงตายคาที่!
เฮือก!
ทั้งที่นั้นสูดหายใจเย็นเยียบ หนาวสะท้านไปทั้งตัว ราชันระดับสังสารวัฏผู้หนึ่งกลับถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ ถูกฆ่าง่ายๆ เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู!
วานรเฒ่าผู้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ น่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง
ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าเหล่านั้น เวลานี้ล้วนอึ้งงัน ในใจกระตุกวูบอย่างแรงกล้า รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่ไม่เคยมีมาก่อน
พวกเขารับรู้ได้ในที่สุดว่าวานรเฒ่าผู้นั้นต้องเป็นอริยะผู้หนึ่ง หาไม่แล้วจะมีฝีมือน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ได้อย่างไร
ฮูม!
ในห้วงอากาศแห่งนี้บังเกิดคลื่นเคลื่อนไหวพร้อมกับเสียงหวีดหวิว พาหลินสวินและเจ้าคางคกให้หายไป
“รักษาตัวด้วย”
จ้าวจิ่งเซวียนมองส่งพวกเขาจากไปอย่างนิ่งงัน ในดวงตากระจ่างบังเกิดแววผิดหวัง ในใจนางพลันมีความรู้สึกโหวงอย่างบอกไม่ถูก
“ไปเถอะ”
วานรเฒ่าสะบัดแขนเสื้อ นำจ้าวจิ่งเซวียนเคลื่อนที่ไปยังยานสำเภาที่ผู้เฒ่าเกาหยางอยู่ซึ่งอยู่ไกลออกไป
จากนั้นวานรเฒ่าก็ไพล่มือไว้ข้างหลัง หันกายเดินเข้าไปยังทางเข้าแดนลับอสูรมารอริยะแล้วหายลับไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางอีกเลย
……
วานรเฒ่าจากไปแล้ว ทางเข้าแดนลับอสูรมารอริยะก็หายไปด้วย
ท้องฟ้าเหนือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์กลับสู่ความเงียบสงบ
เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่ตรงนั้นล้วนสีหน้าอึมครึมบูดเบี้ยว ในใจเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมและพ่ายแพ้อย่างแรงกล้า
แววตาผู้มีอำนาจเหล่านั้นลุ่มลึก เมื่อครู่ถูกวานรเฒ่าตนนั้นทำให้หวาดผวา พาให้พวกเขาใบหน้าหม่นหมอง ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นกลัวและหวาดผวา คับแค้นใจจนแทบกระอักเลือด
เรื่องในวันนี้น่าตะลึงพรึงเพริดเกินไป ต้องปิดบังไม่มิดแน่ ใช้เวลาไม่นานก็จะกระจายไปทั่วส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ถูกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล่วงรู้
ส่วนหนุ่มน้อยเทพมารคนนั้น ท้าทายทุกเผ่า ล่วงเกินขุมอำนาจ สุดท้ายกลับจากไปได้อย่างปลอดภัย สำหรับทุกเผ่าแล้วเป็นการเหยียดหยามครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
เชื่อว่าตั้งแต่วันนี้ไป เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหนุ่มน้อยเทพมารก็จะกลายเป็นเรื่องที่ฝูงชนจับตามอง ทำให้ทุกเผ่าไม่อาจลืมเลือนได้!
……
อุโมงค์มิติลึกลับถึงที่สุด ประทับด้วยกฎขั้นสูงสุดในห้วงอากาศและกาลเวลา เมื่อพุ่งผ่านภายในนั้นราวกับกำลังเยื้องย่างในกระแสไหลเคลื่อนนของกาลเวลา
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย กลับกัน หากไม่ได้วานรเฒ่าลงมือเบิกทางเอง เพียงแค่พลังแห่งห้วงเวลาที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายในนั้นก็สามารถฉีกทึ้งหลินสวินกับเจ้าคางคกได้
“รีบไป!”
หลินสวินกับเจ้าคางคกตะบึงไปอย่างบ้าระห่ำ ห้วงอากาศคดเคี้ยวและลึกล้ำ พรั่งพร้อมด้วยสีสัน ดูเหมือนเสถียร แต่กลับเต็มไปด้วยพลังฉีกทึ้งและยุ่งเหยิงน่ากลัวยิ่งนัก ล่าช้าเพียงนิดเดียวอาจถูกบดขยี้
ทันใดนั้นหลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ สายตาเขาเหลือบเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ ว่าในความว่างเปล่าภายนอกอุโมงค์มิตินั้น กลับมีศพที่ยาวราวพันจั้งศพหนึ่งลอยอยู่ระหว่างอุกกาบาตและกระแสไหลยุ่งเหยิง สวมชุดศึกที่ชำรุดเสียหาย ไม่รู้ว่าร่วงหล่นลงมานานเท่าไรแล้ว
“อย่าดู! นี่เป็นลางเคราะห์ที่ไหลยุ่งเหยิงอยู่ท่ามกลางห้วงเวลานะ อัปมงคลถึงที่สุด เมื่อครั้งบรรพกาลมีคำเล่าขานว่ายามข้ามผ่านห้วงเวลา ที่น่าหวั่นใจที่สุดก็คือพบเข้ากับของแบบนี้”
เจ้าคางคกสีหน้ากังวล พาหลินสวินพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
จากที่เจ้าคางคกพูด กฎแห่งกาลเวลาลี้ลับที่สุดราวกับเป็นสิ่งต้องห้าม เมื่อข้ามผ่านภายในนี้ ประหนึ่งพาดผ่านความว่างเปล่าเลือนราง ไม่อาจล่วงรู้และน่าหวั่นกลัว
ภายในนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพบเข้ากับลางประหลาดและอัปมงคลนานาชนิด ทั้งศพลึกลับ ทั้งหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่ง ทั้งละอองแสงดุจร่องรอยเทพ กระทั่งเสียงเพลงราวเสียงสวรรค์ก็ยังมี
มากมายหลายอย่าง ล้วนอัปมงคลทั้งสิ้น!
เมื่อได้รู้เรื่องเหล่านี้ หลินสวินก็อดไหวหวั่นไม่ได้ อุโมงค์มิติ พาดผ่านความว่างเปล่า ปกคลุมเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ไม่อาจล่วงรู้และเป็นสิ่งต้องห้าม
หากไม่ใช่วันนี้ได้เหยียบย่างเข้ามา หลินสวินก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าภายในนี้จะยังมีสิ่งประหลาดมากมายขนาดนี้ให้ได้พบได้เห็น
ระหว่างทางต่อมาไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน อุโมงค์มิติที่พวกเขาเหยียบย่างเป็นสิ่งที่วานรเฒ่าเบิกทางให้เองกับมือ เสถียรยิ่งนัก ตามทางแทบไม่มีอันตราย ใกล้จะถึงปลายทางแล้ว
ฮูม!
ไม่นานนักห้วงอากาศไหวกระเพื่อม หลินสวินกับเจ้าคางคกกระโดดออกจากห้วงอากาศแห่งหนึ่งมายังโลกภายนอกในชั่วพริบตา
…………..