ตอนที่ 176 ลั่วอิงหายตัวไป

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

วันรุ่งขึ้น ถังโจวโจวพาลั่วอิงออกไปเดินเล่น เพื่อชดเชยให้กับความน้อยใจของเธอเมื่อวานนี้ และเมื่อถังโจวโจวแต่งตัวให้ลั่วอิงเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ควงแขนกัน ก่อนจะให้ลั่วเซ่าเชินพาไปส่งที่ห้างสรรพสินค้า

 

 

           หลังจากเดินไปได้สักพัก ถังโจวโจวก็เข้าไปในร้านชานมแล้วซื้อชานมออกมาสองแก้ว เธอนั่งพักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปพร้อมกับชานม

 

 

ทันใดนั้นเอง ถังโจวโจวก็รู้สึกเจ็บที่ท้อง พอดีกันกับที่เธอเห็นลูกศรชี้ไปทางห้องน้ำ เธอจึงฉุดมือเล็กๆ ของลั่วอิง “ลั่วอิงคะ แม่โจวโจวปวดท้องขึ้นมากะทันหัน เราไปห้องน้ำกันก่อนนะคะ”

 

 

“ค่ะ แม่โจวโจว เรารีบไปกันเถอะค่ะ” ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวกำลังรีบร้อนเสียจนเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา เธอจึงจูงมือของถังโจวโจวแล้ววิ่งเหยาะๆ ไปข้างหน้า

 

 

ถังโจวโจวกำชับให้ลั่วอิงยืนรอเธออยู่นอกห้องน้ำ เธอจะรีบออกมาให้เร็วที่สุด จากนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที

 

 

ในขณะที่ลั่วอิงกำลังยืนถือชานมสองแก้วรอถังโจวโจวอยู่ด้านนอกห้องน้ำนั้น จู่ๆ เธอก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งย่อตัวลงตรงหน้าเธอ แล้วก็พูดอะไรบางอย่างกับลั่วอิง เดิมทีลั่วอิงก็เอ่ยปากปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นเธอก็ถูกผู้หญิงคนนั้นอุ้มตัวไป

 

 

หลังจากถังโจวโจวจัดการกับธุระของเธอเสร็จแล้ว เธอก็เดินออกมาอย่างเบิกบานใจ แต่แล้วเธอก็ไม่พบลั่วอิง สิ่งแรกที่เธอนึกได้ก็คือลั่วอิงเข้าไปด้านใน เธอจึงมองไปรอบๆ ห้องน้ำทั้งด้านในและด้านนอก แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของลั่วอิง

 

 

คราวนี้เธอร้อนรนใจขึ้นมาจริงๆ เธอตะโกนเสียงดังลั่น “ลั่วอิง ลั่วอิง! หนูอยู่ไหนคะ” ไม่มีใครตอบรับเธอ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เพียงแค่มองเธอ แล้วหลังจากนั้นก็เดินต่อไปยังทิศทางที่ตัวเองจะไป

 

 

ทันใดนั้นถังโจวโจวก็รู้สึกว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ภายในหัวสมองของเธอมีแต่คำว่า ‘ลั่วอิงหายตัวไป!’

 

 

ถังโจวโจวได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น และเมื่อเธอหยิบขึ้นมาดู เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินโทรมา เธอจึงรีบรับสายและพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เซ่าเชิน ลั่วอิงหายไป…”

 

 

ลั่วเซ่าเชินรีบพูดด้วยความใจเย็น “โจวโจว เกิดอะไรขึ้น คุณค่อยๆ เล่า”

 

 

“ฉันพาลั่วอิงไปซื้อชานมที่ร้านชานม…พอฉันออกมาจากห้องน้ำ เธอก็หายไปแล้ว เซ่าเชิน ทำยังไงดีคะ ถ้าลั่วอิงถูกคนไม่ดีจับตัวไปล่ะ เราจะทำยังไง”

 

 

“โจวโจว ลั่วอิงไปเล่นซนที่ไหนหรือเปล่า คุณไปแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประกาศตามหาเธอก่อน เดี๋ยวผมจะรีบตามไป” การวิเคราะห์อย่างใจเย็นของลั่วเซ่าเชินทำให้จิตใจของถังโจวโจวสงบลงไปมาก

 

 

“ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

 

 

ถังโจวโจวเช็ดจมูก ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่สามารถร้องไห้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงหาตัวลั่วอิงไม่เจอ ครั้งนี้มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอทำให้ลั่วอิงต้องลำบากอีกแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับลั่วอิง เธอจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปตลอดชีวิต

 

 

กว่าถังโจวโจวจะงมทางจนเจอเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เธอก็รีบบอกจุดประสงค์ของเธอให้เจ้าหน้าที่ฟัง และเจ้าหน้าที่ก็เร่งช่วยเหลือเธอทันที “น้องลั่วอิงคะ น้องลั่วอิง หลังจากได้ยินเสียงประกาศนี้แล้ว ให้มาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้วยนะคะ คุณถังโจวโจว คุณแม่ของหนูกำลังรอหนูอยู่ที่นี่ค่ะ”

 

 

หลังจากประกาศซ้ำกันสามครั้ง เจ้าหน้าที่ก็ขอให้ถังโจวโจวนั่งรอสักครู่ก่อน เธอยื่นน้ำให้ถังโจวโจวแก้วหนึ่ง “คุณถังใจเย็นๆ ก่อนนะคะ บางทีน้องอาจจะแค่ติดเล่น น้องก็เลยวิ่งไปไกล คาดว่าพอน้องได้ยินเสียงประกาศ น้องก็น่าจะกลับมาแล้วค่ะ”

 

 

ถังโจวโจวรู้ว่าเจ้าหน้าที่แค่ปลอบใจเธอ เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นไปได้ เธอกำชับกับลั่วอิงหลายรอบมากว่าอย่าไปไหนไกล แล้วลั่วอิงจะไม่ฟังเธอได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอหาลั่วอิงไม่เจอนานแล้ว เธอก็ได้แต่เอ่ยปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดเหล่านี้ไปก่อน

 

 

ถังโจวโจวถือแก้วเอาไว้ เธอรออยู่ในสำนักงานอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งลั่วเซ่าเชินมาถึง ถังโจวโจวก็โผตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “เซ่าเชิน ทำยังไงดี ลั่วอิงหายไปจริงๆ”

 

 

“ใจเย็นๆ นะคุณ เดี๋ยวให้ทางห้างเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดเอา” ลั่วเซ่าเชินลูบแผ่นหลังของถังโจวโจว เพื่อปลอบให้เธอใจเย็นลง ก่อนจะเล่าแผนการที่เขาจะทำต่อไปให้ถังโจวโจวฟัง

 

 

พวกเขาเดินไปที่ห้องวงจรปิดด้วยกัน และเมื่อเจ้าของห้างได้ยินว่าลั่วเซ่าเชินมา เขาก็รีบตามไปที่ห้องนั้นทันที เขาพร่ำเอ่ยคำขอโทษอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินไม่มีเวลามาสนใจเขา เขาจึงส่งให้หวังหวาจัดการ

 

 

เมื่อทั้งคู่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงเวลานั้น สองนาทีก่อนที่ถังโจวโจวจะออกมา พวกเขาพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาใกล้ลั่วอิง จากนั้นพวกเธอก็พูดคุยกัน ในตอนแรกลั่วอิงก็ดูเหมือนจะสนใจดี แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เธอก็ทำท่าเหมือนปฏิเสธ แล้วเธอก็ซ่อนมือของตัวเองเอาไว้ด้านหลังตลอด

 

 

ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นทำอย่างไร ลั่วอิงถึงได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ความแปลกประหลาดนี้ไม่ได้เป็นจุดสนใจของคนรอบข้างเลย บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้คนรอบข้างเชื่อ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็อุ้มลั่วอิงขึ้นและเดินออกไปจากห้างสรรพสินค้า

 

 

เมื่อเห็นภาพเหล่านั้น ถังโจวโจวก็ปิดปากแน่น แล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะในทันที “ลั่วอิงไม่มีทางตามเธอไปแน่ๆ เธอต้องบังคับขู่เข็ญลูก หรือไม่ก็วางยาลูกอย่างแน่นอน…”

 

 

ถังโจวโจวยิ่งพูดก็ยิ่งสติแตกมากขึ้นเรื่อยๆ เธอแทบจะไม่มีสติสัมปชัญญะแล้ว ลั่วเซ่าเชินกุมมือเธอไว้และพูดเสียงดังว่า “โจวโจว! คุณสงบสติอารมณ์หน่อยสิ ผมจะหาลั่วอิงให้เจอให้ได้!”

 

 

ลั่วเซ่าเชินสั่งการอะไรบางอย่างกับหวังหวา ส่วนถังโจวโจวนั้นก็ถูกลั่วเซ่าเชินลากเข้ามาในห้องทำงานห้องหนึ่ง เขาเห็นว่าถังโจวโจวมีท่าทีซึมเศร้าไปทันตาเห็น

 

 

“โจวโจว ดูท่าทางของคุณในตอนนี้สิ เรายังไม่รู้ว่าลั่วอิงอยู่ที่ไหน คุณจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

 

 

“ฮือ…” ถังโจวโจวกุมหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่น ลั่วอิงเพิ่งจะกลับมาได้หนึ่งวัน แต่เธอก็กลับทำเธอหายไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอจะทำอย่างไร? และเมื่อถังโจวโจวนึกถึงผลที่จะตามมา เธอก็ยิ่งหวาดกลัว

 

 

“เอาละ คุณอย่าร้องไห้ไปเลย เราจะต้องหาเธอให้เจอ แต่ตอนนี้คุณควรจะตั้งสติให้ดี เรายังไม่รู้ว่าลั่วอิงไปลำบากอยู่ที่ไหน ถ้าคุณอยากจะชดใช้ คุณก็ต้องรอจนกว่าเธอจะกลับมา!” ลั่วเซ่าเชินคอยให้คำแนะนำถังโจวโจวอย่างจริงใจ

 

 

ถังโจวโจวร้องไห้จนสำลัก “แค่กๆๆ…”

 

 

ลั่วเซ่าเชินรีบยื่นแก้วน้ำให้เธอ “ดื่มน้ำก่อนคุณ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมส่งคนออกไปตามหาแล้ว”

 

 

ถังโจวโจวดื่มน้ำและค่อยๆ สงบลง ขอบตาของเธอยังคงแดงก่ำ เพียงแต่เธอไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเธอสงบนิ่งลงไปมาก

 

 

เพียงไม่นาน หวังหวาก็เคาะประตูและเปิดเข้ามา “ท่านครับ ทางสถานีตำรวจพบหมายเลขทะเบียนรถของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”

 

 

“แล้วรู้ไหมว่ารถคันนั้นตอนนี้ขับไปถึงไหนแล้ว”

 

 

“ขอโทษด้วยครับ รถถูกทิ้งไว้ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าคนขับไปทางไหนแล้ว”

 

 

“ตามหาต่อไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ก็ต้องพาลั่วอิงกลับมาให้ได้ แล้วก็ปิดข่าวนี้ไปก่อนล่ะ”

 

 

“ครับ ท่านผอ.”

 

 

หวังหวาทิ้งพื้นที่ให้พวกเขาสองคน “โจวโจว เรากลับไปรอฟังข่าวกันเถอะ ถ้าเธอแค่อยากได้เงิน เดี๋ยวเธอก็ต้องติดต่อมาแน่ๆ”

 

 

ถังโจวโจวคิดว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่เหมือนกัน เธอจึงกลับบ้านไปพร้อมกับลั่วเซ่าเชิน ป้าหลิวเอ่ยถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อไม่เห็นลั่วอิงกลับมาด้วย “คุณหนูล่ะคะ ฉันทำเค้กที่เธอชอบทานไว้ให้”

 

 

หยาดน้ำตาของถังโจวโจวค่อยๆ ไหลลงมาอีกครั้ง เมื่อเธอได้ยินป้าหลิวถามถึงลั่วอิง “ป้าหลิวคะ ลั่วอิงหายไป… ฮือ…”

 

 

ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวไปนั่งที่โซฟา ส่วนป้าหลิวก็รีบหยิบกล่องทิชชู่มาให้เธอ “อย่าเสียใจไปเลยค่ะ คุณผู้หญิง คุณหนูจะต้องไม่เป็นอะไร”

 

 

ถังโจวโจวยังคงเป็นเหมือนเดิมเมื่อได้ยินคำปลอบโยนจากป้าหลิว ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินเพียงแค่ส่งสายตาให้กับป้าหลิว จากนั้นป้าหลิวก็ล่าถอยออกไป

 

 

ลั่วเซ่าเชินนั่งลงข้างๆ ถังโจวโจว เขาส่งกระดาษทิชชู่ให้เธออย่างเงียบๆ ถังโจวโจวเอนตัวซบอยู่บนบ่าของเขา น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลออกมาอย่างเงียบๆ ดวงตาของพวกเขาทั้งสองคนจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ รอให้คนที่ลักพาตัวลั่วอิงไปติดต่อกลับมา

 

 

โชคไม่ดี ผ่านไปหนึ่งวันแล้วก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มลงบันทึกและส่งคนมาเฝ้าที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ พวกเขาสอบถามถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินว่าพวกเขาสองคนได้สร้างศัตรูไว้บ้างหรือเปล่า ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินส่ายหน้า

 

 

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยืนหยัดอยู่อย่างนั้นและดักฟังสายโทรศัพท์ของบ้านตระกูลลั่ว ถังโจวโจวไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงาน วันทั้งวันเธอเอาแต่นั่งเฝ้าโทรศัพท์อยู่บนโซฟา

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่สามารถละมือออกจากงานของบริษัทได้ แต่เขาก็ยังกังวลเรื่องภายในบ้าน ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนห้องหนังสือภายในบ้านให้เป็นสถานที่ทำงาน

 

 

หลังจากรอคอยมาสองวัน ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรอีก จิตวิญญาณของถังโจวโจวนั้นหลุดลอยไปไกล เธอไม่มีน้ำตาแล้ว แม้แต่ลั่วเซ่าเชินเรียกเธอ เธอก็ไม่สนใจ ไม่ว่าใครจะเรียก เธอก็ไม่สนใจทั้งนั้น

 

 

ทางฝั่งของลั่วอิงก็ยังไม่มีข่าวคราว ทางฝั่งของถังโจวโจวก็กำลังเกิดปัญหา ลั่วเซ่าเชินทั้งเครียดทั้งเสียใจจนจะระเบิดออกมาแล้ว ลั่วเซ่าเชินจึงต้องขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ถัง

 

 

เมื่อคุณแม่ถังเห็นท่าทีที่เหม่อลอยของถังโจวโจว เธอก็รู้สึกเจ็บปวดจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี “โจวโจว ลูกอย่าเป็นแบบนี้สิ แม่เห็นแล้วปวดใจ”

 

 

           เมื่อได้ยินเสียงคุณแม่ถัง จิตวิญญาณที่ล่องลอยของถังโจวโจวก็เหมือนได้กลับบ้าน เธอค่อยๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จู่ๆ น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา คุณแม่ถังรีบเช็ดมันออกให้เธอ

 

 

“โจวโจว อย่าร้องไห้ ไม่มีอะไรนะ แม่อยู่นี่แล้ว ลั่วอิงจะต้องไม่เป็นอะไร”

 

 

“แม่คะ…” ถังโจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากคำๆ นี้ เธอเพียงแต่กอดคุณแม่ถังเอาไว้และร้องไห้

 

 

คุณแม่ถังปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นตันใจในอ้อมแขนของตัวเอง ด้วยรู้ว่าถังโจวโจวรู้สึกผิดต่อลั่วอิงเป็นอย่างมาก แต่คุณแม่ถังกลับรู้สึกเจ็บปวดกับสภาพลูกสาวของตัวเองมากกว่า

 

 

หลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก น้ำเสียงของถังโจวโจวก็เบาลงไปมาก และเมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าเธอเริ่มสงบลงแล้วก็ค่อยๆ พูดกับเธอว่า “โจวโจว แม่รู้ว่าลูกรู้สึกผิดมากในตอนนี้ แต่เธอเองก็ยังเด็ก ลูกจะตำหนิตัวเองทั้งหมดอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ”

 

 

“ไม่ค่ะแม่ มันเป็นความผิดของหนูเอง ถ้าหนูไม่ปวดท้อง ลั่วอิงก็จะไม่ต้องอยู่ข้างนอกเพียงคนเดียว แล้วก็จะไม่ถูกคนลักพาตัวไป มันเป็นความผิดของหนูคนเดียว” พูดไปพูดมา ถังโจวโจวก็ยิ่งเสียใจ คุณแม่ถังทำได้แค่กอดเธอเอาไว้ เพื่อเยียวยาจิตใจของเธอ

 

 

“โจวโจว มันไม่ใช่แบบนั้น ลั่วอิงเป็นเด็กดี ลั่วอิงไม่โทษลูกหรอก” คุณแม่ถังกลัวว่าถังโจวโจวจะสติแตกขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงรีบใช้ลั่วอิงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

 

 

ถังโจวโจวก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร เพียงแต่เธอจะฟังคำพูดของคุณแม่ถังเข้าหูบ้างหรือไม่ มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้

 

 

หลังจากที่คุณแม่ถังกล่อมถังโจวโจวนอนแล้ว เธอก็ออกมาจากห้อง ลั่วเซ่าเชินที่ยืนรออยู่ด้านนอก เขาก็รีบเข้าไปถามว่า “แม่ครับ โจวโจวเป็นยังไงบ้างครับ”

 

 

“หลับไปแล้วจ้ะ อีกเดี๋ยวแม่ค่อยทำอะไรให้เธอทาน แล้วตกลงว่ายังหาลั่วอิงไม่เจออีกหรือคะ”

 

 

“ยังเลยครับ” ลั่วเซ่าเชินส่ายหน้า เขาเองก็หดหู่มากเช่นกัน เพียงแต่ ณ ตอนนี้ถังโจวโจวกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว หากเขาหดหู่ตามไปด้วยอีกคน แล้วคนอื่นๆ จะต้องลำบากกันอีกมากเท่าไร ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงได้แต่ประคองสติตัวเองไว้

 

 

คุณแม่ถังเองก็รู้สึกหดหู่อยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยังพยายามตั้งสติและให้กำลังใจลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชิน แม่เชื่อว่าเด็กดีอย่างลั่วอิงจะต้องไม่เป็นอะไร บางทีเธออาจจะกำลังรอให้เราไปช่วย เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง”