บทที่ 1724+1725 (1)

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1724 นางยังคงรักเขายิ่งนัก…

ตี้ฝูอีสามารถสื่อสารกับมันได้มาโดยตลอด ไม่กี่วันมานี้มันมักจะเอ่ยวาจามีลับลมคมในบางอย่างขึ้นในสมองของเขาอยู่เสมอ เสียดแทงหัวใจของตี้ฝูอี

หากเป็นเมื่อก่อน ตี้ฝูอีคงผนึกสำนึกรู้ของมันไปนานแล้ว ให้มันหลับลึกต่อไปไม่ต้องพูดพล่ามอีก

แต่ไม่กี่วันมานี้ ไม่ว่ามันจะพูดจาพิกลอันใดเขาล้วนฟังอยู่เงียบๆ ไม่โต้แย้ง ไม่ตอบรับ หัวใจยังคงเจ็บปวดอยู่เสมอ ราวกับอาศัยสิ่งนี้มาลงโทษตัวเขาเอง

‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ อันที่จริงก็เป็นตัวท่านรนหาที่เอง หลังจากท่านกับนางออกมาจากเขตหวงห้าม ก็ไม่ควรจะแตกหักกับนาง ข้ารู้ว่าลิขิตสวรรค์ที่ท่านต้องล่วงลับไม่อาจเปิดเผยได้ ถ้าเปิดเผยออกมาผลกรรมจะตกอยู่ที่ตัวนาง แต่ท่านสามารถอยู่ร่วมกับนางได้อีกหนึ่งปีเต็มเชียวนะ ในหนึ่งปีนี้ท่าจะมีความสุขยิ่งนัก นางก็จะมีความสุขยิ่งนักเช่นกัน…’

ตี้ฝูอีเงียบงัน หากว่าเขาเห็นแก่ตัวสักหน่อย ก็น่าจะทำแบบนี้จริงๆ เช่นนั้นหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่งปีไปเขาล่วงลับดับสูญ ก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีก

แต่นางล่ะ? คนรักจากไปอย่างกะทันหัน เกรงว่านางคงแตกสลายอย่างสิ้นเชิง…

คนสองคนที่รักกันหากว่าถูกลิขิตให้ต้องพลัดพรากจากตาย ผู้ตายเมื่อสิ้นชีพก็พ้นทุกข์ แต่ผู้ที่ยังอยู่สิถึงจะเป็นฝ่ายที่ต้องทุกข์ทรมานที่สุด

โดยเฉพาะยามที่ชีวิตยืนยาวไร้สิ้นสุด ความทุกข์ทรมานนี้ก็จะแผ่ขยายไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดด้วยเช่นกัน

เขาก็แค่ไม่อยากให้นางประสบพบพานความทุกข์ทรมานเช่นนั้น ดังนั้นถึงได้ดำเนินแผนการนี้…

เพียงแต่คนกำหนดมิอาจสู้สวรรค์ลิขิตได้…

‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ถ้อยคำเหล่านั้นของท่านข้าได้ยินหมดแล้ว อันที่จริงท่านก็หวังดีต่อนางเช่นกัน…หากนางทราบถึงความยากลำบากเหล่านี้ของท่าน คงยินดียิ่งนัก…เนื่องจากจวบจนยามที่นางสิ้นชีพ สิ่งที่ใส่ใจที่สุดยังคงเป็นท่านไม่รักนาง ท่านเห็นนางเป็นตัวแทนของผู้อื่น…สุดท้ายที่นางทำเช่นนั้น อันที่จริงคืออยากให้ท่านสมปรารถนา เพราะนางไม่อยากเห็นท่านหัวขาวหงอกเช่นนี้…ปากนางพร่ำบอกว่าชิงชังท่าน ความจริงแล้วนางยังปล่อยวางท่านไม่ได้เลย ยังคงอยากให้ท่านสมปรารถนา…’

ตี้ฝูอีหลับตาลงนิดๆ ใช่แล้ว หากว่านางชิงชังเขามากพอ ก็คงไม่สละชีวิตของตัวนางเพื่อเขา เพียงเพื่อมอบสังขารนี้ออกมา เพียงเพื่อให้เขาดึงจิตสำนึกออกมาได้…

หากว่านางเห็นแก่ตัวสักนิด เกลียดเขามากอีกสักนิด ผลลัพธ์ก็คงไม่เป็นเช่นยามนี้

นางยังคงรักเขายิ่งนัก…

หัวใจเสมือนถูกคนรัดพันด้วยเส้นไหม ค่อยๆ รัดรึงให้แน่น รัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ หัวใจเจ็บปวดจนชาหนึบอีกครั้ง เขากุมมือน้อยๆ ของนางแน่น

มือน้อยๆ ของนางเย็นเฉียบ เขาเคยทดลองดูนับครั้งไม่ถ้วนด้วยต้องการทำให้มันอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง ทว่าล้วนไม่เป็นผลทั้งสิ้น

‘นี่ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านคงจะไม่อยู่ที่นี่ไปตลอดโดยไม่ออกไปเลยกระมัง? ยามนี้ด้านนอกโกลาหลวุ่นวายยิ่งนัก ท่านต้องออกไปควบคุมสถานการณ์โดยรวมนะ…’

ตี้ฝูอีไม่ลืมตา ต่อให้ภายนอกฟ้าถล่มดินทลายแล้วอย่างไรเล่า? นางไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นสำหรับเขาแล้วโลกใบนี้จะดีจะร้ายก็ไม่มีความหมายเลยสักนิด

อายุขัยเขาอยู่ได้อีกห้าเดือน ห้าเดือนนี้เขาจะอยู่ข้างกายนางตลอด ไม่แยกจากกันอีก ไม่ปล่อยให้ผู้ใดหรือเรื่องใดมารบกวนได้ จวบจนถึงวันที่เขาล่วงลับดับขันธ์…

คล้ายว่าหยกนภาจะอ่านความคิดของเขาได้ จึงร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว ‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้! เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ใหม่ไม่อยู่แล้ว ถ้าท่านล่วงลับดับขันธ์ไปเช่นนี้อีก โลกใบนี้จะล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์ ทุกคนจะตกตายตามกันไปหมด…’

หยกนภาลอยขึ้นมาแล้ว หมุนเป็นวงอยู่กลางอากาศ อากาศที่ว่างเปล่ามีภาพฉากหนึ่งปรากฏขึ้นมา

ในภาพสี่คาบสมุทรปั่นป่วน ภูเขาไฟระเบิด อุกกาบาตร่วงหล่น ฝุ่นธุลีปกคลุมท้องนภา บดบังแสงอาทิตย์ทั้งหมด ทวากลับกลายเป็นราตรี ไม่มีรุ่งอรุณอีกต่อไป มวลน้ำมหาศาลท่วมท้นไปทั่วแผ่นดิน ผู้คนที่หลบหนีเอาชีวิตรอดบ้างก็ถูกลาวาภูเขาไฟกลืนกิน บ้างก็ถูกอุกกาบาตทับตาย บ้างก็จมน้ำตาย…ทั้งโลกเกิดเหตุการณ์โลกาวินาศ

————————————————————————————-

บทที่ 1725 ข้าว่าท่านควรจะไปดูดาวทำนายชะตาสักหน่อยนะ (1)

หยกนภาพร่ำเตือนด้วยความหวังดี “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นสถานการณ์ของโลกใบนี้หลังจากที่ท่านดับสูญไป ท่านปกปักษ์คุ้มครองแผ่นดินมากว่าหมื่นปีแล้ว ต่อไม่ชมชอบมัน แต่ดีร้ายอย่างก็ต้องมีความรู้สึกบ้างกระมัง? คงไม่ปล่อยให้แผ่นดินนี้พินาศไปเช่นนี้กระมัง?”

ตี้ฝูอียังคงเงียบงัน ประหนึ่งเข้าฌานแล้ว

หยกนภาวนเวียนอยู่รอบตัวเขา เปล่งแสงกะพริบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายมันก็ฉายภาพสถานการณ์ให้เขาอีกครั้ง ในฉากเป็นพวกหลานไว่หูกับเยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินกับหลานไว่หูน่าจะคืนดีกันแล้ว เยี่ยนเฉินกำลังฉุดดึงหลานไว่หูหนีเอาชีวิตรอดจากแผ่นดินที่ล่มสลาย…

ทว่าเมื่อโลกาวินาศมาถึงไหนเลยจะยังมีที่ปลอดภัยอยู่? ถึงแม้วรยุทธ์ของพวกเขาจะสูง แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ฟ้าถล่มดินทลายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของเขาไม่มากพอ

เยี่ยนเฉินพาหลานไว่หูเหินทะยาน ถึงแม้จะหลีกหนีจากธารลาวาได้ ทว่าหลบเลี่ยงอุกกาบาตที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าไม่พ้น เพื่อช่วยจิ้งจอกน้อยเยี่ยนเฉินจึงถูกอุกกาบาตยักษ์ลูกหนึ่งตกใส่ ดิ่งลงสู่ปฐพีในทันใด ร่วงหล่นลงไปในลาวา หลานไว่หูทึ่มทื่ออยู่ครู่หนึ่ง เบิกตากว้างกรีดร้องออกมา “พี่เยี่ยนเฉิน!” จากนั้นนางก็กระโดดลงสู่ลาวาเช่นกัน…

บางครั้งในฉากก็มีเชียนหลิงอวี่ ไป๋หลี่เช่อ หลัวจั่นอวี่ กู้เซี่ยเทียน หลัวซิงหลาน…ผู้คนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เหล่านั้น รวมถึงเหล่าญาติสนิทมิตรสหายของกู้ซีจิ่วแวบขึ้นมา ฉากที่แต่ละคนถูกภัยพิบัติกลืนกิน นองโลหิตมากเพียงใดก็มี โหดร้ายทารุณมากเพียงใดก็มี

หยกนภายังเพิ่มเสียงพากย์เข้าไปอีก ‘เทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะไม่สนใจคนเหล่านี้ได้หรือ? ซีจิ่วใส่ใจคนเหล่านี้ยิ่งนัก คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องตายและไม่สมควรตาย ทว่ากลับต้องย่อยยับเพราะความรักของพวกท่าน ถ้าพวกเขาต้องมีจุดจบเช่นนี้ ต่อให้ซีจิ่วตายไปแล้วก็คงไม่สบายใจหรอก…’

สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนฉากเหล่านั้น ไม่ทราบเช่นกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดูคล้ายว่าจะสะเทือนใจ

หยกนภามองเห็นหนทางแล้ว!

ด้วยเหตุนี้มันจึงพยายามต่อไป เปลี่ยนฉากอีกครั้ง หนนี้เป็นภาพของพวกมู่เฟิงทั้งสี่กับเหล่าข้ารับใช้คนสนิทของเขาเหล่านั้น สี่ทูตไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย ข้ารับใช้เหล่านั้นก็จงรักภักดีต่อเขาเช่นกัน มีมากมายหลายคนที่เคยติดตามเขาเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาหลายครั้งแล้ว และพวกเขาก็หนีไม่รอดจากภัยพิบัตินี้เช่นกัน…

พวกเขาฝึกฝนมาอย่างยากลำบาก เห็นได้ชัดไม่ยินดีจะสิ้นชีพไปเช่นนี้ บ้างก็กรีดร้องโววายย บ้างก็ร่ำไห้อย่างขมขื่น มีมากมายหลายคนที่ก่อนตายตะโกนออกมาว่า ‘ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยด้วย!’

มีภาพขณะที่พวกเขากำลังสิ้นหวังก่อนจะถูกภัยพิบัติกลืนกินอยู่มากมาย ซ้ำหยกนภายังขยายภาพใบหน้าของพวกเขาเป็นพิเศษด้วย ให้ตี้ฝูอีได้เห็นชัดยิ่งขึ้น ‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คนเหล่านี้ท่านไม่ไยดีแล้วหรือ?’

สีหน้าตี้ฝูอีซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ยังคงไม่เอื้อนเอ่ยวาจา

ถึงแม้เขาจะพบเห็นความเป็นความตายจนชาชินไปนานแล้ว แต่ความเป็นความตายของผู้คนในภาพเหตุการณ์เหล่านี้เขายังคงไยดีอยู่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่สมควรต้องตาย

เขาไม่ไยดีความเป็นความตายของตนได้ แต่ความเป็นความตายของคนเหล่านี้เล่า?

สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงที่หยกนภา สายตาของเขาเสมือนมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ในความลึกล้ำแฝงความเฉียบคมเอาไว้ หยกนภาเมื่อถูกเขาก็สั่นสะท้าน หดไปด้านหลัง ‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านมองข้าแบบนี้ทำไม?’

“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะรู้มากถึงเพียงนี้…”

หยกนภาเป็นหยกที่หยิ่งผยองภาคภูมิ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตี้ฝูอีก็ยังคงหายใจไม่ทั่วท้องอยู่บ้าง ‘ข้า…ข้าเป็นหยกนภานี่นา เรื่องราวบนโลกนี้น้อยนักที่ข้าจะไม่รู้’

“เจ้ามองเห็นอนาคตได้?”

หยกนภาเปล่งแสงวาบ ‘สามารถทำนายได้บางส่วน’

————————————————————————————-