ตอนที่ 340

The Strongest Hokage

ด้วยหลักการที่คล้ายกับ วิชาย้ายชีพอมตะ จึงเป็นไปได้ที่จักระจะหลอมรวมกับวิญญาณและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับมัน!

แม้ว่าจักระภายนอกจะไม่มีวิญญาณแต่พลังงานของมันก็ยังคงอยู่ และกระบวนการผสมผสานกันระหว่างพลังงานและจิตวิญญาณนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันเสมอ

อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือของ มิติแห่งจิตวิญญาณ ทำให้ ไนโตะ สามารถควบคุมกระบวนการนี้ได้และในที่สุดจักระก็เริ่มหลอมรวมกับจิตวิญญาณอย่างช้า ๆ การหลอมรวมนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ณ ตอนนี้ ไนโตะ กำลังพิจารณาการทำขั้นตอนที่ 2 ของ วิชาพลังวิญญาณ ให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์!

“ฉันจะค่อย ๆ ทำและดูว่ามันจะดีขึ้นไหม”

หลังจากที่เขาเปิดเผยความลึกลับของวิญญาณออกได้ในที่สุด ไนโตะ ก็รู้สึกได้ถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของจิตวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่องและฟื้นคืนความสุขในหัวใจของเขา จนตอนนี้เขาเริ่มเพิ่มอัตราการหลอมรวมให้เร็วขึ้น

ไนโตะ เพิ่มแรงดันวิญญาณอีกครั้งและทันใดนั้นกระแสของจักระสีม่วงก็หนาขึ้นเรื่อย ๆ และจักระก็กระจายไปทั่ว มิติแห่งจิตวิญญาณ ทั้งหมด

คราวนี้กระแสจักระแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงในกระบวนการหลอมรวมซึ่ง พลังสั่นสะเทือนวิญญาณ ของ ไนโตะ แทบจะรั้งมันไว้ไม่ไหว

แต่หลังจากนั้น มิติแห่งจิตวิญญาณ ก็ค่อย ๆ ปรับให้เข้ากับอัตรานี้และกลับมาเสถียรอีกครั้ง

“ดูเหมือนว่ากระบวนการหลอมรวมจะรับได้แค่ความเร็วระดับนี้เท่านั้น แต่เมื่อ มิติแห่งจิตวิญญาณ มีความเสถียรมากขึ้นความเร็วก็อาจจะเพิ่มขึ้นได้”

เมื่อรู้สึกถึงสถานการณ์ใน มิติแห่งจิตวิญญาณ และสถานะของจิตวิญญาณของเขา ไนโตะ ก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น เขาตัดสินใจที่จะรักษาระดับเดิมของอัตราการหลอมรวมไว้และไม่ได้พยายามที่จะเพิ่มมันอีกต่อไป

เขาระงับจักระทั้งหมดเอาไว้ในลูกกลมสีม่วงและมีเพียงรังสีของจักระไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง มันค่อย ๆ ผสมผสานกับ มิติแห่งจิตวิญญาณ และหลอมรวมกับจิตวิญญาณของ ไนโตะ

เมื่อรู้สึกถึงอัตราการผสานรวม ไนโตะ ก็ประเมินว่าถ้าในอัตราขนาดนี้จะใช้เวลาหลายปีในการดูดซับจนเต็มที่ แต่ในกระบวนการนี้เขาอาจจะสามารถเพิ่มความเร็วได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถคำนวณเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้

“ความคืบหน้าช้ามาก เรากลัวว่าแม้เราจะดูดซึมมันได้เต็มที่แล้ว…เราก็อาจจะเปิดได้แค่ประตูด่านพลังบานที่ 7 เท่านั้น…แต่ก็หวังว่าจะเปิดบานที่ 8 ได้ด้วยก็แล้วกัน”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น เราควรใช้เวลานี้เพื่อไปยังแหล่งที่มาของ สายแร่มังกร และเพิ่มจักระน่าจะดีกว่า”

หลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไนโตะ ก็ดึงตัวออกมาจาก มิติแห่งจิตวิญญาณ และจิตสำนึกของเขาก็กลับสู้โลกแห่งความเป็นจริง

เขาไม่จำเป็นต้องดูดซับมันต้องตัวเองตลอดเวลา เขาแค่ต้องตั้งค่ามัน มันก็จะสามารถใช้งานได้โดยไม่ถูกขัดจังหวะ

ครั้งนี้การฝึกของ ไนโตะ ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือน แต่เมื่อเขาออกจากห้องฝึกซ้อมเขาก็ได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจ

มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 จบลงแล้ว!

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึง มันควรจะจบลงไปนานแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆ ก็คือเหตุการณ์ที่ปิดสงครามนี้

เหตุการณ์นี้นำไปสู่การยุติสง มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 โดยสมบูรณ์

นั้นก็คือ คาเสะคาเงะ รุ่น 4 ของ หมู่บ้านซึนะ ตายด้วยน้ำมือของ ฮาตาเคะ ซาคุโมะ เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ!

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะจริง ๆ ที่ คาเซะคาเงะ รุ่น 4 ซึ่งเป็นหนึ่งใน คาเงะ ที่สำคัญของโลก ท้ายที่สุดแล้วเขาก็อ่อนแอกว่า 3 รุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะมีวิชาต้องห้ามที่ทรงพลังมากมายก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะจัดการกับนินจาระดับคาเงะได้โดยที่ไม่ต้องแลกด้วยบางสิ่งเหมือนกับ ไนโตะ

ในวินาทีสุดท้ายเมื่อ ซาคุโมะ ทำการโจมตีครั้งสุดท้าย คาเซะคาเงะ ก็โจมตีสวนกลับมาด้วยทรายและแทงทะลุหัวใจของ ซาคุโมะ

ท้ายที่สุดแล้ว ซากุโมะ ก็ตายอย่างวีรบุรุษ!

ถึงกระนั้นชื่อของ ซาคุโมะ แห่งโคโนฮะ ก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกนี้และไม่เป็นรองใครนอกจาก ไนโตะ!

การสิ้นสุดของ มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่ ไนโตะ เริ่มมีชื่อเสียง แต่ในช่วงต้นของ มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 ไนโตะ ได้เป็น เทพเจ้าแห่งนินจา แล้ว

ซาคุโมะ เทียบไม่ได้กับการพัฒนาของ ไนโตะ แต่ถ้า ไนโตะ ไม่ได้กลับชาติมาเกิดที่นี่ ก็คงจะไม่มีใครเทียบกับ ซาคุโมะ ได้

มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 เป็นการถือกำเนิดของ เทพเจ้าแห่งนินจา องค์ใหม่ และ มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 ทุกคนจะจดจำชื่อของ เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ!

“ไม่คิดเลยว่ามันจะจบแบบนี้”

ไนโตะ ถอนหายใจและนึกถึงอดีต ท้ายที่สุดเขาไม่มีอะไรนอกจากความเคารพในหัวใจของเขาที่มีต่อ ซาคุโมะ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยชี้ทางเดินให้เขา ชายที่ครั้งหนึ่งเคยรวมพลังกับเขาเพื่อต่อสู้กับ โอโนกิ ซึจิคาเงะ รุ่น 3

ชายที่เขาใช้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาตัวเอง ไนโตะ อดไม่ได้ที่จะชื่นชม ซาคุโมะ จากใจ

เมื่อเทียบกับในการ์ตูน เหตุการณ์ที่ ซาคุโมะ เสียชีวิตในสนามรบหลังจากที่เขาสังหาร คาเงะคาเงะ รุ่น 4 ก็เหมาะสมกับเขามากกว่าการที่เขาฆ่าตัวตายในบ้านของเขา เขาจะเป็นวีรบุรุษที่ทุกคนเคารพนับถือซึ่งดีกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนี้ ฮาตาเกะ ซาคุโมะ ก็เหมือนกับ โฮคาเงะ รุ่น 3 ที่อยู่ในจุดสูงสุดของพลังแล้วและจะค่อย ๆ อ่อนแอลงเรื่อย ๆ ในอนาคต

แทนที่จะแก่ชราและอ่อนแอแล้วตายไปในที่สุด การที่นินจาจะตายด้วยวีรกรรมที่กล้าหาญเช่นนี้คงจะเหมาะกับชายที่ได้ชื่อว่าเป็น เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ มากกว่า!

“เวลา…ก็เป็นศัตรูกับเราได้เหมือนกัน” ไนโตะ กำหมัดแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่าง “แต่ฉันก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อศัตรูหน้าไหนทั้งนั้น!”

……..

สุสานของโคโนฮะ ที่จัดงานรำลึกถึงผู้เสียชีวิต

ที่สุสานแทนหินสลักอยู่ด้านหน้าซึ่งแสดงถึงเจตจำนงแห่งไฟของหมู่บ้านและมีตัวอักษรคันจิจาก โฮคาเงะ จารึกไว้ที่ฐาน

ท่ามกลางหลุมศพมีอนุสาวรีย์แยกต่างหากเช่นเดียวกับที่สร้างขึ้นสำหรับ ไนโตะ ก่อนหน้านี้

แน่นอนว่าตอนนั้น ไนโตะ ยังไม่ตาย

ในตอนนี้ด้านหน้าของอนุสาวรีย์ที่มีชื่อของ เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ สลักอยู่ ไนโตะ ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เขาถือแก้วไวน์ไว้ในมือจากนั้นก็รินไวน์ลงพื้นอย่างเบามือ

คนเรามีการตายอยู่เสมอ และไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้เหมือน คางุยะ…

ชีวิตและความตายเป็นแนวคิดที่เลือนรางมากในโลกนินจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีวิชา สัมภเวสีคืนชีพ เกิดขึ้น ซึ่งสามารถทำให้คนตายกลับมาได้อีกครั้ง สำหรับ ซาคุโมะ ที่เสียชีวิตในสนามรบ มันคืออัปยศหากเขาถูกเรียกตัวกลับมา

เมื่อยืนอยู่หน้าอนุสาวรีย์ของ ซาคุโมะ ภาพร่างของ ซาคุโมะ ที่จาง ๆ ก็ฉายขึ้นมาในใจของ ไนโตะ ทำให้ ไนโตะ แทบจะระเบิดออกมาจากความโกรธเมื่อเขาคิดว่าเขากำลังจะบอกลาเพื่อนของเขา แต่เขาก็ต้องเก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในใจแล้วค่อย ๆ หันหลังและเดินจากไป

…….

ที่สนามฝึกซ้อมหน้าผากของ คาคาชิ ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาถือดาบสั้นในมือโดยมีจักระล้นออกมาจากคมดาบนั้น

การตายของ ซาคุโมะ ไม่ได้ส่งผลเสียต่อ คาคาชิ ในทางลบ มันแต่กต่างจากในการ์ตูน การตายของพ่อของเขาทำให้เขาภูมิใจในตัวพ่อของเขาและผลักดันให้เขาฝึกฝนหนักขึ้นเพื่อพยายามตามรอยเท้าของพ่อ

สนามฝึกว่างเปล่ามีเพียง คาคาชิ และ มินาโตะ อยู่ที่นั่น

คาคาชิ เป็น โจนิน ตัดสายฟ้า ที่เขาสร้างขึ้นนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่า กระสุนวงจักระ ของ มินาโตะ ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาเลย และตอนนี้ มินาโตะ ก็ไม่มีอะไรจะสอนเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

หลังจากฝึกไปสักพัก คาคาชิ ก็หยุดแล้วหันหน้าไปด้านข้าง ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ตรงนั้น

มีร่างที่ดูเหมือนโผล่มาจากอากาศเบาบางและอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานซึ่งทำให้ คาคาชิ อดไม่ได้ที่จะมองคนนั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ใครจะเข้ามาใกล้เขาได้ขนาดนี้ได้โดยที่เขาไม่สังเกต?!