ตอนที่ 819 : คู่หูล่ามังกร
ปากกระบอกของปืนใหญ่ราชันราชสีห์ มันเป็นหัวราชสีห์อ้าปากกว้าง ปากปืนใหญ่มีการแกะสลักเอาไว้ด้วยอักขระโทเทมราชสีห์สวรรค์ ทั้งยังมีอักขระโทเทมอัคคีแกะสลักเอาไว้ สาเหตุหลักก็เพื่อเพิ่มอุณหภูมิของลูกกระสุนปืนใหญ่
โทเทมราชสีห์สวรรค์จะถ่ายเทพลังราชสีห์สวรรค์สู่ลูกกระสุนปืนใหญ่ยามถูกยิงออก มันคือพลังอํานาจในการต่อต้านมังกร และยังมีอักขระดวงดาวและจันทรา อักขระเต๋ารวมถึงอักขระตะวัน พวกมันมีหน้าที่สําหรับส่งเสริมศักยภาพด้านอื่นให้เท่าทวี
ยกตัวอย่าง พวกเขาได้แกะสลักอักขระตะวันเก้าควบแน่น และอักขระตะวันยกสวรรค์ อักขระตะวันเก้าควบแน่นจะช่วยเร่งการดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้าตะวันเพื่อเพิ่มพลัง ส่วนอักขระตะวันยกสวรรค์จะช่วยเสริมแกร่งให้แก่ลํากล้องของปืนใหญ่
คุณสมบัติของอักขระเต๋า คือช่วยเสริมความเร็วในการยิงของปืนใหญ่
อักขระดวงดาว จะช่วยให้ปืนใหญ่ราชันราชสีห์ควบแน่นพลังดวงดาวและยิงออกซึ่งอุกกาบาตหรือเพิ่มความแม่นยําของปืนใหญ่
อักขระจันทรา มันจะเสริมความสะดวกให้แก่ปืนใหญ่ ยกตัวอย่าง มันสามารถทําให้ปืนใหญ่หดขนาดเล็กลง จนตัวปืนใหญ่เปรียบดังขลุ่ยไม้ไผ่หรือกระทั่งปากกาด้ามเล็ก สิ่งนี้จะช่วยทําให้ปืนใหญ่สามารถใช้งานเพื่อโจมตีในทางลับ หรือตระเตรียมไว้แต่แรกเริ่มก่อนเกิดศึกได้
ฉินหยุนคิดอยากไปยังแคว้นมังกรทะยานฟ้า ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมรบ ทั้งเขาและเจี้ยนหลิงหลง ต่างช่วยกันเสริมศักยภาพให้แก่ปืนใหญ่ราชันราชสีห์ และเวลานี้ มันไม่จําเป็นต้องใช้กระสุนปืนใหญ่อีกต่อไป มันสามารถควบแน่นขึ้นมาเอง และสะสมพลังงานเพื่อยิงออกได้
สําหรับกระสุนปืนใหญ่ ฉินหยุนได้สร้างกระสุนปืนใหญ่สะกดกายและหมอกฟุ้งกระจายเอาไว้จํานวนหนึ่ง พวกมันค่อนข้างสารพัดประโยชน์ในหลายสถานการณ์ หากจําเป็นต้องใช้กระสุนปืนใหญ่ที่แข็งแกร่ง ฉินหยุนยังสามารถใช้แก่นเต๋ของราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ กระทั่งผลึกแก้วชีวิตครึ่งเซียนก็ยังได้
เจี้ยนหลิงหลงยามได้เห็นอํานาจของปืนใหญ่ราชันราชสีห์ นางยังคิดอยากสร้างไว้ใช้เองสักกระบอกหนึ่ง ฉินหยุนเองก็ถือโอกาสนี้ เป็นการเพิ่มพูนระดับการจารึกของตนเองให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก
เขาคิดอยากสําเร็จให้มีระดับทัดเทียมเจี้ยนหลิงหลงได้ ตัวเจี้ยนหลิงหลงลําพังไม่อาจสร้างปืนใหญ่ราชันราชสีห์ เพราะอักขระดวงดาวและจันทรา รวมถึงโทเทมนั้นต้องใช้เวลายาวนานเพื่อแกะสลัก
ทว่ากับฉินหยุนไม่ใช่ เขาสามารถแกะสลักพวกมันได้รวดเร็วและง่ายดายเพราะครอบครองจารึกวิญญาณจํานวนมาก
“เสี่ยวหยุน จอมราชันดวงดาวอสูรของเจ้าอยู่ที่ใดแล้ว? นั่นเป็นหนึ่งในหุ่นเชิดอันเลิศล้ำ!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าวถาม
“มันเผชิญปัญหาเล็กน้อย ตอนนี้ทําให้ไม่อาจใช้งาน อีกไม่ช้าน่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็น!” ฉินหยุนยิ้มขึ้นขมตอบกลับ
จอมราชันดวงดาวอสูรและมังกรกระดูก กําลังอยู่ระหว่างการผสานรวม ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังกลืนกินกระดูกสัตว์สวรรค์ไปจํานวนมาก ไม่มีผู้ใดทราบได้ ว่าหลังผสมผสานกันแล้วจะเกิดขึ้น เป็นอันใดหรือสําเร็จเมื่อไหร่
ฉินหยุนเวลานี้คาดหวังยิ่งกว่าผู้ใด ถึงวันที่มันจะสําเร็จปรากฏ ถึงตอนนั้น เขาจะได้รับหุ่นเชิดอันเก่งกาจยิ่งกว่าที่เคยมี
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงจึงร่วมกันสร้างอุปกรณ์เต๋าอีกจํานวนหนึ่งร่วมกันอุปกรณ์เต่หาได้ยากในหลายสํานัก ทว่าสําหรับฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลง พวกมันหาได้ยากพบพานอันใดไม่
เพราะพวกเขาล้วนครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต่า ทั้งยังเชี่ยวชาญอักขระเต๋าจํานวนมาก ปัญหาหนึ่งเดียวระหว่างการสร้างอุปกรณ์เต๋ นั่นก็คือการขัดเกลาวัสดุขึ้นมา รวมถึงการรวบรวมวัสดุ
เปาเฉิงโจ่วและครึ่งเซียนผู้อื่นต่างรับหน้าที่คอยจัดหาวัสดุมาให้ หากราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ของนครเชียนยุทธภัณฑ์ได้เสริมกําลังโดยอุปกรณ์เต๋า เช่นนั้นภายหน้ายามบุกโจมตีเขตแดนลึกล้ำจะยิ่งเกิดประโยชน์
ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงมีเพียงอักขระเต๋าที่ดีจํานวนหนึ่ง เพราะเหตุนั้นทั้งสองจึงมีข้อจํากัดยามคิดสร้างอุปกรณ์เตชั้นเลิศขึ้นมา
ฉินหยุนเลือกส่งมอบโทเทมจํานวนหนึ่งแก่เจี้ยนหลิงหลง ความเร็วการแกะสลักโทเทมของนางค่อนข้างเชื่องช้า กระนั้นด้วยเหลียวจิงเหมิงช่วยเหลือ งานจึงสําเร็จได้รวดเร็วขึ้น
เหลียวจิงเหมิงเวลานี้เป็นหนึ่งในสมาชิกของประตูจารึกเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้ฉินหยุนจึงมีสามคนเข้าร่วม หลันเฟิงจิน เหลียวจิงเหมิง และเจี้ยนหลิงหลง
เวลานี้จึงไปพบฮจิงเซียน บอกกล่าวแก่นางให้พาหลันเฟิงจินมาที่นี่เพื่อศึกษาอักขระร่วมกับเจี้ยนหลิงหลง และยังบอกต่อเชียวเย่ว์เหม่ยให้มาพบตัวเขา
เซี่ยโหรวได้บอกไว้ก่อนหน้า ว่าอดีตชาติภพของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยรักชอบการล่ามังกรเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นฉินหยุนที่คิดอยากโจมตีตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า และอีกฝ่ายมีมังกรเซียนในตระกูล เขาจึงต้องการตัวเชียวเย่ว์เหมยร่วมทางและคิดหาวิธีการจับตัวมังกรเซียน
ยูจิงเซียนเร่งรีบนําเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินทางมา หลันเชิงจินเวลานี้เก็บตัวฝึกฝนอยู่ ด้วยเหตุนั้นเวลานี้นางจึงยังไม่อาจมาได้
เชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และขี่เม่ยเหลียนต่างพยายามอย่างหนักหนาเพื่อฝึกฝน หากพวกนางไม่อาจสะกดการเติบโตของจิตวิญญาณเอาไว้ เช่นนั้นพวกนางก็ไม่อาจเก็บตัวฝึกฝนหรือฝึกฝนที่ภายนอกได้
แต่กับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ด้วยเพราะนางครอบครองวิญญาณยุทธ์กระจก เป็นผลให้นางสามารถไปทั่วทุกสถานที่ คัดลอกวิญญาณยุทธ์ผู้คน ทําให้นางไม่ค่อยอยู่นิ่งในสถานที่เดิมเป็นเวลานาน
ทันทีที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ทราบว่าฉินหยุนต้องการพบ นางจึงเผยความยินดีเร่งรีบเดินทางมา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเหลียวจิงเหมิงต่างร่วมหัวเราะหยอกล้อละเล่นต่อกันในบ้านของเจี้ยนหลิงหลง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองเหลียวจิงเหมิงเป็นน้องสาวผู้หนึ่ง ทั้งยังรักชอบนางมากอีกด้วย
ผลไม้ลึกล้ำรสชาติเลิศล้ำจํานวนมากได้ถูกส่งมอบแก่เหลียวจิงเหมิง แม้ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะค่อนข้างหวงแหนคิดอยากกินผลไม้เหล่านี้มากก็ตามที
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยลูบสัมผัสใบหน้าเหลียวจิงเหมิงพลางกล่าว “เหมิงเหมิง พี่สาวผู้นี้คิดออกไปเดินทางท่องเที่ยว เมื่อใดกลับมา ข้าจะนําของอร่อยมาให้เจ้าได้กินเพิ่มเติมอีก!”
“ขอบคุณพี่เย่ว์เหม่ยแล้ว ข้าจะฝึกฝนอย่างหนัก จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ และสร้างของน่าสนุกให้พี่เย่ว์เหม่ยได้นําไปเล่น รวมถึงอุปกรณ์วิเศษทั้งหลายด้วย!” เหลียวจิงเหมิงไม่ชื่นชอบการแยกจากเชียวเย่ว์เหม่ยเป็นที่สุด เป็นนางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเบาค่อย
“น้องสาวที่ดี อย่าได้เผยน้ำตาแล้ว” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้มพลางจูบที่แก้มของเหลียวจิงเหมิง
เจี้ยนหลิงหลงมองทางฉินหยุนอย่างอบอุ่นเช่นเดียวกัน
“เดินทางกันได้แล้ว” ฉินหยุนบอกกล่าวล่ำลากับเจี้ยนหลิงหลงและเหลียวจิงเหมิง ก่อนนําเช่ยวเย่ว์เหม่ยไปยังตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
บิงชิงทราบอยู่ก่อนแล้ว ว่าฉินหยุนคิดเดินทางไปแคว้นมังกรทะยานฟ้า นางมองทั้งฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลางถอนหายใจกล่าว “มันคงดีนักหากฉีเย่ว์ไปกับพวกเจ้าได้ด้วย”
“เพราะอะไรกัน?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยปุ๋ยปากน้อยพร้อมครวญครางเบา
“เพราะเจ้าสองคนมันเชื่อถือไม่ได้!” ชิงชิงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจะกล่าว นางเดินเข้าไปพร้อมหยิกแก้มเชี่ยวเย่ว์เหม่ย “เย่ว์เหม่ย ครั้งนี้เจ้ากําลังจะไปเผชิญหน้ากับตระกูลชนชั้นสูงโบราณ เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี ทราบใช่หรือไม่?”
“ข้ารู้ ข้ารู้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแลบลิ้นใส่ปิงชิงก่อนจะยิ้มน่ารักน่าชังกล่าวคํา “พี่สาวปิงชิง ท่านห่วงหาพี่ชายเกินไปแล้ว นี่ยังรักชอบเขาอยู่หรือไม่ใช่?”
“เด็กน้อยผู้นี้ อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ!” สีหน้าปิงชิงแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นางจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยก่อนจะถูไถหนักมือ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคร้านจะละเล่นกับบิงชิงแล้ว จึงดึงฉินหยุนก้าวเดินออกไปที่หน้าประตู
“ฉินหยุน หากเจ้าเผชิญปัญหา จงติดต่อหาพี่เหยาเฟิง ให้นางชี้แนะแก่เจ้า อย่าได้บุ่มบ่าม ทดลองเสี่ยงเอง!” ชิงชิงพลันส่งเสียงสื่อสารหาฉินหยุน
“รับทราบแล้วพี่สาวปิงชิง ท่านวางใจ บางครั้งพี่ฉีโหรวก็ติดต่อหาข้าผ่านความฝันเช่นกัน” ฉินหยุนตอบรับ
ปิงชิงที่ได้รับฟังค่อยโล่งใจก่อนพยักหน้าให้แก่ฉินหยุน
จากนั้นเชียวเย่ว์เหม่ยจึงดึงฉินหยุนออกจากตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
“ละ ละ ล๊า” นางฮัมเพลงอย่างสุขใจ
ฉินหยุนนํานางสู่เส้นทางลับ สําหรับใช้มุ่งตรงออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ ชิงชิงได้สั่งให้เปาเฉิงโจ่วสร้างเส้นทางลับสําหรับใช้เดินทางออกจากนอกเมืองโดยเร็วขึ้นมา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนที่ออกพ้นจากเมืองแล้ว นางจึงนําเอานกอินทรีย์สีดําที่ปีกยาวกว่าสิบเมตรออกมา นกอินทรีย์สีดําตัวนี้คล้ายของจริง ทว่ามันเป็นอุปกรณ์วิเศษบินได้ ภายในกลวงเปล่า
“ พี่ชาย ของเล่นชิ้นนี้เป็นตาเฒ่าผู้หนึ่งมอบให้ข้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก้าวเดินเข้าในตัวนกอินทรีย์ ทว่าทางเข้าเป็นส่วนก้นของตัวนก เรื่องนี้ทําเอาฉินหยุนรู้สึกอดไม่ได้ที่จะเกิดความประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เย่ว์เหม่ย นี่เจ้าไปหลอกลวงได้มาหรือ?”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้มตอบ “ข้าลวงให้มันมอบแก่ข้าต่างหาก!”
ฉินหยุนไม่ทราบว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร หากเขาเดินทางร่วมกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ปัญหาคล้ายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ กระนั้นเขาก็มีแต่ต้องร่วมทางกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เด็กสาวซุกชนผู้นี้มีวิชามารซุกไว้เป็นกํามือ นางคือตัวตนหลอกลวงผู้คนได้ง่ายดายราวการเล่นชักใยมนุษย์
“บินได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยร้องตะโกนพร้อมควบคุมนกอินทรีย์ออกบิน
นางเคยไปยังแคว้นมังกรทะยานฟ้า ดังนั้นจึงทราบทิศทางสู่แคว้นมังกรทะยานฟ้า และยังทราบหลายเรื่องราวของแคว้นดังกล่าว ฉินหยุนนั่งด้านในตัวนก ก่อนจะส่งมอบปืนใหญ่ราชันลึกล้ำให้แก่เชี่ยวเย่ว์เหมย
ได้รับสิ่งของสร้างความสนุกสนานให้ได้ นางย่อมยินดีรับไว้ นางคิดอยากได้รับมันมานานแล้ว ทว่าเพิ่งมีโอกาสก็วันนี้
“พี่ชาย ได้ยินว่าท่านได้รับผลไม้หัวใจอักขระราชันยุทธ์หรือ? กินมันหนึ่งผลทําให้ท่านเป็นราชันยุทธ์ได้?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวถาม
“สําหรับผู้อื่นอาจเป็นจริงได้ ทว่าข้าไม่ใช่” สาเหตุว่าทําไมฉินหยุนจึงไม่กินมันเข้าไป ก็เพราะการฝึกฝนของเขาจําเป็นต้องใช้ทรัพยากรมากมายกว่าผู้อื่นเพื่อขึ้นเป็นราชันยุทธ์
เขาครอบครองถ้วยเทวะตะวันจันทรา ด้วยวัตถุชิ้นนี้ จะทําให้เขาสามารถเพาะผลไม้นี้ขึ้นมาได้อีกมาก ทว่าที่ต้องใช้คือระยะเวลา
“เย่ว์เหม่ย เจ้าคิดอยากกินหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“ไม่อยาก!” เชี่ยวเย่ว์เหมยนํากระจกน้อยออกมาพลางกล่าว “แม้ข้าอยู่เพียงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงสุด กระนั้นก็ไม่ได้เร่งรีบก้าวขึ้นไปแต่อย่างใด! ลําพังตัวข้าก็ยอดเยี่ยมพอแล้ว!”
“เจ้าช่างน่าอิจฉานัก!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
“พี่ชายวางใจได้ในเมื่อข้าร่วมทาง พวกเราย่อมหาทางถอนคําสาปนั้นให้จงได้! พี่สาวซาลาเปานึ่งและพี่สุ่ยต้องพ้นอันตราย” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “เช่นกัน พวกเราจะหาทางจับตัวมังกรเซียนหากจังหวะเวลาเหมาะสม!”
กล่าวถึงมังกรเซียน ฉินหยุนจึงกล่าวออกด้วยความตื่นเต้นยินดี “เย่ว์เหม่ย เจ้ามีวิธีจับตัวมังกรจริงหรือ? พวกเราอ่อนแอกว่ามันมากนัก! มังกรเซียนตัวนั้น อย่างไรแล้วก็แข็งแกร่งทัดเทียมเซียน!”
“หากมีแต่ข้า เช่นนั้นก็ไม่มั่นใจ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะพร้อมยื่นห้านิ้วออกมา “ทว่าร่วมมือกับท่าน เหอะ เหอะ! ข้าจึงมั่นใจว่าอย่างน้อยห้าในสิบต้องสําเร็จ!”
โอกาสสําเร็จห้าในสิบ กล่าวได้ว่าสูงมากแล้ว ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยินดีล่วงหน้า
แคว้นมังกรทะยานฟ้าอยู่ไกลห่างจากแคว้นมหาดวงดาว ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลานาน ตอนนี้ได้พบเจอ ระหว่างเดินทางโบยบินไปเรื่อยด้วยอุปกรณ์วิเศษบินได้ ทั้งสองจึงพูดคุยหลายเรื่องราวที่ผ่านมาและที่สนใจภายหน้า
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพูดกล่าวถึงเรื่องราวชาติภพก่อนของฉินหยุนออกมาบ้าง อย่างเช่น นางกล่าวถึงว่าครั้งหนึ่งได้ร่วมกันหลอกลวงผู้คน ได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนพลันต้องไหวหวั่นไม่น้อย
กว่าสิบวันผ่านพ้น เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้กําลังกินขนม แต่แล้ว ดาบพลันจ้วงแทงเข้าใส่อุปกรณ์วิเศษบินได้ของนาง ทันทีที่ได้รับความเสียหาย อุปกรณ์วิเศษบินได้จึงสูญเสียการควบคุม เพดานบินเริ่มลดต่ำ ทั้งยังเริ่มหมุน
“ตัวบัดซบผู้ใดกล้าทําลายสิ่งของขององค์ราชินีผู้นี้! ข้าจะให้พวกมันเผชิญทัณฑ์ทรมาน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคํารามอย่างมีโทสะตะโกนดังออก นางใช้พลังของตนเองควบคุมเพื่อคงสมดุลให้แก่อุปกรณ์วิเศษบินได้