บทที่ 590 เที่ยวชมหมู่ดาว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 590 เที่ยวชมหมู่ดาว!
เกม ‘เทพจุติ’ เลวสิ้นดี… หวังเป่าเล่อหันกลับไปพบกับหญิงสาวผิวสวยที่อายุราวสิบเก้าหรือยี่สิบปีเท่านั้น นางตัวไม่สูง สวมใส่เสื้อผ้าบางเบา และมีแก้มสีแดง แถมนางยังจ้องมองหวังเป่าเล่อราวกับจะรอคอย

“ท่านผู้ฝึกตนวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ โปรดซื้อข้าเถิด…” สตรีนางนั้นกับริมฝีปากและจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาเว้าวอน

“ข้าจะซื้อเจ้าไปทำไมกัน” หวังเป่าเล่อสับสนเล็กน้อย

“ท่านจะทำอะไรกับข้าก็ได้!” สาวน้อยกล่าวเสียงเบา

หวังเป่าเล่อกะพริบตาและก็พบกับบัตรที่ทำจากผลึกอยู่ในเสื้อ ชายหนุ่มหยิบออกมาแล้วก็ถึงกับงุนงง มีตัวเลขอยู่บนนั้น เขาใช้เวลาพักใหญ่กว่านับจำนวนเลข ‘9’ บนบัตรได้ครบหลัก

สาวน้อยตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองเห็นบัตรผลึกของหวังเป่าเล่อ เมื่อนางจ้องมองเขา นัยน์ตาของนางนั้นฉาบเคลือบไปด้วยความกลัว

เมื่อมองเห็นสายตาของนางที่มองมา หวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจซื้อนาง ชายหนุ่มเริ่มออกเดินทางสำรวจโลกที่ชื่อว่าอารยธรรมวีรบุรุษ ภายในเวลาหนึ่วัน เขาก็เริ่มคุ้นชินกับสถานะของเขาและเข้าใจอารยธรรมนี้มากขึ้น หวังเป่าเล่ออดตื่นตะลึงไม่ได้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี้สามารถซื้อได้โดยใช้สิ่งที่เรียกว่าแต้มผลึก ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งสูงที่สุดในสภาเสนาบดีโลกหรือกระทั่งตำแหน่งปุถุชนคนสามัญ ก็สามารถซื้อได้หากมีแต้มผลึกเพียงพอ ดูราวกับว่ากฎเดียวที่กำหนดทุกๆ สิ่งในอารยธรรมนี้คือแต้มผลึก ทำให้แต้มผลึกนั้นเทียบเท่ากับทุกสิ่ง!

พูดได้ว่าในอารยธรรมนี้ ใครอยากจะทำอะไรก็ทำได้ดังใจ แถมยังสามารถปลอมแปลงตัวตนได้อีกด้วย ไวเท่าความคิด ผู้เล่นสามารถจะกลับไปยังความว่างเปล่าและเลือกร่างใหม่ได้ แต่ก็ต้องใช้แต้มผลึกเช่นกัน

หากเป็นเพียงโลกเหมือนจริง แม้จะน่าสนใจเพียงใดแต่คนก็คงเบื่อในไม่ช้า แต่ทว่า หลังจากที่หวังเป่าเล่อได้สำรจวจตรวจสอบทุกอย่างในอารยธรรมนี้แล้ว ชายหนุ่มก็มองเห็นว่าทุกสิ่งเหมือนจริงเพียงใด!

กระทั่งเวลาในเกมก็ยังเดินไปช้ากว่าเวลาในสหพันธรัฐ บรรดาผู้ฝึกตนวิญญาณทั้งหมดก็มาจากระบบการฝึกปราณเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นคนละระบบกับของสหพันธรัฐ แต่บรรดาผู้ฝึกตนวิญญาณนั้นก็ดูแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย

แต่ทว่า ทุกอย่างทุกกล่าวมานี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อตกใจที่สุด สิ่งที่ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงนั้นคือสิ่งที่ออกมาจากปากสาวน้อยที่เขาซื้อมาเมื่อครู่ เมื่อนางตอบคำถามของเขาเสียมากกว่า

“พันปีก่อน อารยธรรมวีรบุรุษไม่สามารถจะก้าวหน้าต่อไปได้และถูกลงทัณฑ์อย่างหนักโดยสวรรค์ ในตอนท้าย ก็ถูกซื้อไปโดยอารยธรรมค้าขายโบราณและแปรสภาพเป็นดวงดาวแหล่งท่องเที่ยว

“ดวงดาวแหล่งท่องเที่ยวนี้เป็นที่ให้อารยธรรมที่แข็งแกร่งกว่าได้เที่ยวเล่นและหาความสุข…ตามกฎแล้ว อารยธรรมวีรบุรุษจะสามารถปลดแอกได้ก็ต่อเมื่อสะสมแต้มผลึกได้มากพอ เมื่อนั้นเท่านั้นจึงสามารถกอบกู้ความหวังที่จะก้าวเข้าไปเป็นอารยธรรมที่แข็งแกร่งขึ้นได้”

“นายท่านเจ้าคะ เมื่อท่านถือครองบัตรผลึกก็แปลว่า ท่านจะต้องมาจากอารยธรรมที่เหนือกว่า ตามกฎแล้ว หากท่านมีแต้มผลึก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านต้องการท่านก็จะได้ ผู้มาจุติเช่นท่านไม่ได้ปรากฏตัวมา ณ ที่นี้เป็นเวลานานมากแล้วเจ้าค่ะ” สตรีสาวนางนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เมื่อนางจ้องมองหวังเป่าเล่อ ความปรารถนาก็ปรากฏแทนที่ความหวาดกลัวในแววตา

เมื่อกลับถึงถ้ำที่พักที่สำนักวังเต๋าไพศาล หวังเป่าเล่อก็หวนนึกไปถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ชายหนุ่มรู้สึกว่าทุกอย่างดูเหมือนจริงเกินไป เกมนี้ควรจะเป็นเรื่องสมมติ แต่ทุกๆ สิ่งในเกมนั้น ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ไปจนถึงตรรกะที่ควบคุมมันอยู่ รู้สึกสมจริงเสียเหลือเกิน

อารยธรรมค้าขายโบราณ…ดวงดาวแหล่งท่องเที่ยว…เป็นความจริงหรือเปล่านะ คงไม่สำคัญเท่าใดนักหากไม่ใช่ความจริง แต่หากว่าจริงแล้วละก็… หวังเป่าเล่อไม่ได้สงสารอารยธรรมวีรบุรุษนั้นหรอก แต่ทว่า เขาคิดถึงสหพันธรัฐ

ในตอนท้าย หวังเป่าเล่อก็ส่ายศีรษะก่อนจะติดต่อเซี่ยไห่หยางโดยใช้แผ่นหยก หลังจากที่โทรติดสิ่งแรกที่หวังเป่าเล่อพูดถึงก็คือความกังวลนี้

“แน่นอนว่าอารยธรรมวีรบุรุษเป็นของปลอม…ฮะฮ่า จะเป็นจริงไปได้อย่างไรกัน นี่เป็นเพียงแค่เกมเท่านั้น แต่ทว่า เพื่อทำให้รู้สึกสมจริงสำหรับทุกคน เนื้อเรื่องและเส้นเรื่องของเกมนี้จึงถูกออกแบบมาให้เหมือนจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เซี่ยไห่หยางหัวเราะชอบใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง เขาดูจะมีความสุขกับการที่เกมของเขาสามารถจะทำให้หวังเป่าเล่อสับสนได้

“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า เกมนี้จะประสบความสำเร็จในสำนักวังเต๋าไพศาลได้หรือไม่” เซี่ยไห่หยางถามอีกครั้งหลังจากที่คลายความสงสัยของชายหนุ่มเรียบร้อย

“หากผู้เล่นตายในเกมเล่าจะเป็นเช่นไร” หวังเป่าเล่อคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอีก

“ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาไม่ตายจริงๆ พวกเขาเข้าไปในตัวเกมผ่านตัวกลาง อย่างไรเสียมันก็เป็นเพียงแค่เกม” เซี่ยไห่หยางตอบด้วยรอยยิ้ม

“อย่างนั้นหรือ…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ก่อนจะรีบถามต่อ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกมนัก แต่ข้ารู้ว่า ตามหลักแล้ว ตัวเกมต้องการตัวกลางเพื่อจะเล่นได้ ฉะนั้น อาจจะมีวันที่ตัวกลางล่มก็เป็นได้ใช่หรือไม่ พวกเราต้องเตรียมการป้องกันสถานการณ์เช่นนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นไม่พอใจ”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า เป่าเล่อ วางใจได้เลย ว่านอกจากเจ้าจะฝันเอา เกมนี้ไม่มีทางล่มอย่างแน่นอน!” เซี่ยไห่หยางกระเซ้า ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง

หวังเป่าเล่อดูจมอยู่ในความคิด เขาเฝ้าแต่ทวนคำว่า ‘ตัวกลาง’ อยู่ในใจ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็โคลงศีรษะ ก่อนจะมีประกายสะท้อนขึ้นในดวงตา

“ข้าอยากได้ร้อยละห้าสิบของกำไรทั้งหมด!”

“ไม่ได้เด็ดขาด!” เซี่ยไห่หยางปฏิเสธทันที หลังจากที่พวกเขาทุ่มเถียงกันอยู่พักใหญ่ก็ตกลงกันได้ว่าหวังเป่าเล่อจะได้ร้อยละสามสิบของกำไรแทน ทั้งคู่พูดคุยกันถึงวิธีการไปโฆษณาเกม หลังจากนั้นจึงจบการสนทนาไป

หลังจากที่วางแผ่นหยกลง หวังเป่าเล่อก็ก้าวออกไปจากถ้ำที่พักแล้วจ้องมองไปยังทะเลเพลิงและท้องฟ้า ชายหนุ่มปัดเอาความฉงนสงสัยจากในเกมออกไปจากใจ เขาไม่ใช่นักบุญแล้วก็ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากมายไร้ขีดจำกัด เขาไม่อาจสนใจอารยธรรมอื่นๆ ทั้งหมดได้

“ผู้ที่ตายไม่ใช่ผู้มาจุติ แต่เป็นเพียงตัวกลางเท่านั้น คงต้องปฏิบัติกับเกมเหมือนว่ามันเป็นเกม…” หวังเป่าเล่อพึมพำเบาๆ ชายหนุ่มสนใจเพียงบ้านเกิดเมืองนอนและสหพันธรัฐเท่านั้น!

เซี่ยไห่หยาง ข้าหวังว่าการมาของเจ้าจะไม่ส่งผลร้ายต่อสหพันธรัฐหรอกนะ หาไม่แล้ว…หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง วัตถุเวทแห่งความมืดบนดาวอังคารคือสมบัติชิ้นงานที่สุดของเขา เขามั่นใจมากๆ ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาบรรลุขั้นจุติวิญญาณแล้ว เขาก็จะสามารถเคลื่อนวัตถุเวทแห่งความมืดและสังหารเซี่ยไห่หยางได้ แม้ว่าชายผู้นี้จะทั้งลึกลับและเกินจะคาดเดา หวังเป่าเล่อก็ค่อนข้างมั่นใจ!

ทันทีที่ชายหนุ่มตัดสินใจได้ เขาก็ไม่ครุ่นคิดเรื่องเกมอีก กลับกัน หวังเป่าเล่อหันกลับมาโฆษณาเกมอย่างสุดความสามารถ ฉะนั้นแล้ว คนแรกเลยที่เขาติดต่อก็คือจินตั้วหมิง ด้วยสถานะและสิทธิถือครองกว่าร้อยละสิบของเครือข่ายวิญญาณ หวังเป่าเล่อก็จ่ายเงินเล็กเพื่อเปิดกระทู้ที่สื่อขึ้นบนเครือข่ายวิญญาณ

กระทู้เกมเทพจุติ!

หลังจากที่ใคร่ครวญดูดีแล้ว หวังเป่าเล่อก็ส่งข้อความเสียงไปหาศิษย์เอกทั้งห้า ตู้กูหลิน โจวชู่เต๋า สวีหมิง ลู่หยุน และหวงหยุนซาน พวกเขาถึงคนมีสถานะสูงส่งในสำนัก ก่อนหน้านี้ จินตั้วหมิงเองก็เสียเงินไปมากแต่ก็ชวนมาได้แต่เพียงหวงหยุนซานเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น จินตั้วหมิงกล่อมหวงหยุนซานให้ยอมตกลงได้เพราะว่านางต้องการแต้มการรบมาเพื่อช่วยโจวชู่เต๋าเตรียมการบรรลุขั้น แต่ทว่า…เรื่องนี้ที่ดูเหมือนว่าไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหวังเป่าเล่อ เป็นสาเหตุหนึ่งที่เซี่ยไห่หยางเลือกจะร่วมงานกับหวังเป่าเล่อ

แม้ว่าโจวชู่เต๋าจะถูกหวังเป่าเล่อเอาชนะมาได้ แต่เขาก็ยังฟังหวังเป่าเล่ออยู่ เพราะฉะนั้น คู่รักทั้งสองจึงตกลงยอมช่วยเหลือตามคำขอของชายหนุ่ม ฝ่ายสวีหมิงและลู่หยุนเองก็อยากจะผูกมิตรกับหวังเป่าเล่อจึงไม่ได้ปฏิเสธ

การกล่อมตู้กูหลินก็เป็นไปอย่าง่ายดาย เขารู้ถึงความสามารถของหวังเป่าเล่อดี เพราะฉะนั้น แม้จะกำลังถือสันโดษ ตู้กูหลินก็จะหาเวลามาช่วยหวังเป่าเล่อโฆษณาเกม

หวังเป่าเล่อยังโฆษณาเกมด้วยตนเองอีกด้วย เมื่อศิษย์เอกทั้งห้าแห่งสำนักวังเต๋าไพศาลและหวังเป่าเล่อเป็นฑูตของเกมนี้ ก็มีผลกับศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลเสียยิ่งกว่าระเบิดต้านทานวิญญาณ แรงกระเพื่อมกระจายไปทั่ว และทุกๆ คนก็รู้จักเกมนี้กันอย่างกว้างขวาง

ยิ่งไปกว่านั้น เกมนี้ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัวอีกด้วย เช่นว่า ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน เทพจุติก็กลายมาเป็นที่นิยมอยากไปทั่วสำนักวังเต๋าไพศาล ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลกันมาเข้าเกม แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่ประทับใจกับเกม แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ชอบกันมาก

กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณบางก็คนก็ยังตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง

เพื่อจะเล่นเกมให้สนุก แต้มผลึกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะฉะนั้น เมื่อระบบการแลกแต้มการรบกับแต้มผลึกเปิดให้บริการ ปริมาณของแต้มการรบที่ได้ในวันแรกก็ทำเอาหวังเป่าเล่อตกใจ

ฝ่ายจินตั้วหมิงก็มองๆ เกมนี้อยู่เช่นกัน ความตกใจที่เขาสัมผัสนั้นมาเป็นระลอกราวกับคลื่นที่ซัดสาด ในขณะเดียวกัน ในบรรดาผู้มาจุติหลายคน ไม่มีใครรู้ว่ามีลาตัวหนึ่งกำลังกอดแผ่นหยกเกมที่หวังเป่าเล่อซื้อมาให้ราวอย่างรักใคร่ราวกับเป็นของมีค่า

แม้ว่า หวังเป่าเล่อจะไม่ได้ติดเกม แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังเข้าไปดูเกมบ้างบางเวลา เขาอยากจะรู้เกี่ยวกับอารยธรรมวีรบุรุษให้มากกว่านี้ ระบบการฝึกปราณที่ใช้กันในหมู่ผู้ฝึกตนวิญญาณ เช่นเดียวกับเคล็ดลับการฝึกปราณและอื่นๆ

แต่ทว่า ไม่มีสิ่งใดในเกมที่สามารถนำออกมาสู่โลกความเป็นจริงได้ ดูเหมือนว่าระบบนั้นถูกปิดกั้นเอาไว้ ทำให้แม้ว่าหวังเป่าเล่อที่มีแต้มผลึกไม่จำกัด ก็ยังไม่อาจจะทำอะไรได้