บทที่ 404 โซเฟียผู้โหดเหี้ยม

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 404 โซเฟียผู้โหดเหี้ยม
บอลแสงพองตัวใหญ่ขึ้น แต่แล้วก็หดเล็กลง รัสมีแสงสีขาวทอประกายไหลเวียนอยู่ภายใน ปลายนิ้วลูเซียนเข้าไปใกล้บอลแสงช้าๆ แต่ในตอนที่เขาเกือบจะแตะมันนั้น มือของเขาก็หยุดชะงัก!

ลูเซียนรู้สึกว่าหัวใจเขากำลังเต้นรัวแรง ราวกับจะกระเด้งกระดอนออกจากอก จังหวะหัวใจเขาแทบจะเต้นเป็นหนึ่งเดียวกับคลื่นความถี่จากบอลแสง

บนหน้าผากเขามีเหงื่อกาฬผุดพรายขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าทำไมตนเองจึงตัดสินใจเสี่ยงด้วยการแตะบอลแสงปริศนานี้ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย หากเกิดว่าบอลแสงระเบิดขึ้นมาเล่า แล้วถ้าเกิดว่ามันมีคำสาปแฝงอยู่จะทำอย่างไร

เขารู้สึกโชคดีมากที่ดุลยพินิจและความรอบคอบของเขาได้หยุดเขาไว้ในวินาทีสุดท้าย ในขณะเดียวกันนั้น ลูเซียนก็คิดว่ามันแปลกมากๆ ที่เขาจะทำอะไรไม่รอบคอบเช่นนี้ ไม่ทราบอย่างไร ในช่วงเวลานั้น เขากลับถูกความสงสัยใคร่รู้และความโลภเข้าครอบงำ แม้ว่าเขาจะตระหนักถึงอันตราย แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะยื่นมือออกไป

ลูเซียนดึงมือกลับแล้วจดจ้องบอลแสงปริศนาที่อยู่เบื้องหน้า พยายามอย่างที่สุดในการวิเคราะห์ว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น

เขานึกสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใด เพราะปราสาทใต้ดิน หรือเพราะการปรากฏกายของปีศาจความโลภ หรือเป็นเพราะตัวบอลแสงเองกันแน่

หรืออาจเป็นไปได้ว่า… พวกมันคือสิ่งเดียวกัน ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกันใช่หรือไม่

ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในสมองของลูเซียน แต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจได้ เขาจะไม่สนใจบอลแสงนี้ แต่จะพยายามหาเอกสารหรือบันทึกที่ ‘ราชันย์แห่งสุริยา’ ทิ้งเอาไว้ที่อื่น ลูเซียนไม่อาจเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เขาจำต้องรีบประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์เพื่อกระตุ้นวงแหวนเวทที่ไรน์สร้างทิ้งไว้

ลูเซียนได้ตรวจสอบสถานที่แห่งนี้อย่างถ้วนถี่แล้วและไม่พบอะไรอื่นนอกจากวงแหวนเวท ดูเหมือนว่าห้องลับที่โซเฟียกับเรล์ฟเพิ่งเอ่ยอ้างนั้นจะเก็บเอกสารสำคัญทั้งหมดของราชันย์แห่งสุริยาเอาไว้

ลูเซียนหยิบเข็มกลัดพุ่มไม้หนามกอร์สที่บรรจุพลังไร้ที่มาที่ไปแล้วค่อยๆ วางมันบนอกซ้ายของรูปปั้น เข็มกลัดถูกใส่กลับในที่ที่มันควรอยู่แล้ว

เมื่อถอยหลังออกมาสองสามก้าว ลูเซียนก็เริ่มเปิดการใช้งานวงแหวนเวทโดยใช้สัญลักษณ์มืออันซับซ้อนกับการร่ายคาถาที่ยากจะเข้าใจ

ภายในห้องโถงด้านบน

การต่อสู้เพิ่มรุนแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าซีดเซียวของเฟรเดอริกก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่โป่งพองขึ้นมา แม้ว่าเขาจะมีสภาพไม่น่าดู แต่พลังของเฟรเดอริกกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่เจ้าชายก็หาใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เนื่องจากพลังของอาร์เธนนั้นมาจากอุปกรณ์เวทมนตร์และของวิเศษที่เขามี เขาจึงไม่อาจตามความเร็วของเจ้าชายและเฟรเดอริกได้อีกต่อไป ในตอนนี้เขาทำได้เพียงยืนอยู่หน้าประตู คอยกันไว้เผื่อว่าเบเยอร์จะตัดสินใจหลบหนี

เดนิซเองก็เช่นกัน ขณะนี้เขาไม่ได้เข้าโรมรันประมือด้วย วิธีการต่อสู้ของเฟรเดอริกนั้นบ้าคลั่งและหยาบกระด้างเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด ใครก็ตามที่พยายามจะช่วยเฟรเดอริกอาจถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสได้ ดังนั้นเดนิซจึงมายืนอยู่หน้าประตูอีกด้านหนึ่ง

มีเพียงโซเฟียเท่านั้นที่ตามทันการเคลื่อนไหวของเฟรเดอริก เวทมนตร์หลายชุดที่นางร่ายมีแต่จะทำให้เบเยอร์ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ขณะนับเวลาถอยหลังเบเยอร์ไม่รู้เลยว่าจตนจะอดทนอยู่ได้นานอีกเพียงใด!

โซเฟียทำให้แคลร์กลับไปหลับอีกครา แต่นางไม่คิดพยายามใช้แคลร์เพื่อข่มขู่เบเยอร์เลย เพราะรู้ดีว่าสตรีผู้นี้หาได้มีความสำคัญต่อพี่ชายนาง โซเฟียตัดสินใจเก็บแคลร์ไว้ก่อน เผื่อว่าเลือดของคนในตระกูลกอร์สจะต้องใช้เพิ่มเพื่อเปิดห้องลับ

ในตอนนั้นเอง สีหน้าของอาร์เธนพลันเปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะกระชากประตูห้องโถงให้เปิดออก

“โจเซลิน เกิดอะไรขึ้น” อาร์เธนถามอย่างเร่งร้อน

ใบหน้าโจเซลินนั้นซีดเผือด นางเดินโซเซเข้ามาในห้องโถง คว้าจับแขนของอาร์เธนแล้วร้องบอก “หนีไป! แอนดริสกลายเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว!… สัตว์ประหลาด!”

“…อะไรนะ” เมื่อถูกคว้าจับแขนแน่น อาร์เธนก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ด้วยไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขาไม่รู้เลยว่าโจเซลินกำลังพูดถึงอะไรอยู่ แต่หากพูดถึงสัตว์ประหลาดแล้วล่ะก็ พวกเขาก็มีอยู่ตัวหนึ่งในที่นี้

ดูเหมือนว่าโจเซลินจะหวาดกลัวเสียจนถ้อยคำที่หลุดรอดจากริมฝีปากมานั้นฟังแทบไม่รู้เรื่อง “สัตว์ประหลาด… แอนดริสเป็นสัตว์ประหลาด! เขาฆ่าคนไปมากมาย! ไม่สิ… กิน! เขากินคนไปมากมาย! หนีไป!”

ท้ายที่สุด โจเซลินก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

เมื่อเห็นว่าการต่อสู้ระหว่างเบเยอร์กับเฟรเดอริกยังดำเนินต่อไป อาร์เธนก็จับแขนทั้งสองข้างของโจเซลินแล้วถาม “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน… เขากินคนงั้นรึ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าไม่รู้ แอนดริสกลายเป็นสัตว์ประหลาด…” โจเซลินยังคงพูดแต่คำเดิมซ้ำๆ “เขาลืมข้า…”

อาร์เธนไม่อาจเข้าใจสิ่งที่โจเซลินกล่าว เขาจึงหันกลับมามองโซเฟียเพื่อขอความช่วยเหลือ

โซเฟียขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางเฟรเดอริก นางกำลังบอกอาร์เธนว่าไม่ต้องกังวล ในเมื่อพวกเขามีอัศวินอาภาอยู่ที่นี่แล้ว!

อาร์เธนสงบจิตใจลงได้โดยพลัน ถูกต้องแล้ว พวกเขามีเฟรเดอริก ผู้ที่ค่อยๆ ใช้พลังได้เชี่ยวชาญขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สัตว์ประหลาดก็ไม่อาจทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้!

อาร์เธนหันกลับมาปลอบโจเซลิน และโซเฟียก็ร่ายคาถาเพื่อช่วยให้นางสงบลงด้วยเช่นกัน แสงสีเขียวอันอ่อนโยนปกคลุมลงบนกระหม่อมของโจเซลินราวกับผ้าคลุมหน้า เสียงร้องไห้คร่ำครวญของโจเซลินจึงค่อยๆ กลายเป็นเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาเป็นครั้งคราว

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมและวิธีการต่อสู่ราวกับสัตว์ประหลาดที่เฟรเดอริกใช้รับมือกับเบเยอร์เพื่อนาง บนใบหน้าโซเฟียจึงปรากฏรอยยิ้มเยาะหยันกำชัย

ความโลภคือพลังแห่งบาปที่ทรงพลังที่สุด ดังนั้น มิมีผู้ใดจะหลบหนีการลงทัณฑ์นี้ไปได้

โซเฟียเหลือบมองไปทางโบลัคที่ยืนนิ่งอยู่ราวกับคนปัญญาทึบ ก่อนจะมองไปทางเรล์ฟ นางส่งสายตาสื่อความนัยน์ให้เรล์ฟ บอกให้เขาเตรียมตัวเพื่อทำตามแผนการขั้นต่อไป หลังจากนี้เรล์ฟจะพาโบลัคไปยังห้องลับพร้อมกับโซเฟียและแคลร์ ส่วนอาร์เธนกับคนอื่นๆ ก็จะถูกเฟรเดอริกที่กลายเป็นคนเสียสติไปแล้วสังหารจนสิ้น

ทันทีที่โซเฟียได้ความลับของราชันย์แห่งสุริยามา เซอร์เมทาทรอนก็จะยื่นมือเข้ามา เซอร์เมทาทรอนจะเป็นผู้สังหารสัตว์ประหลาดเฟรเดอริก ที่พรากชีวิตเหล่าขุนนางหนุ่มสาวไปมากมาย รวมถึงเจ้าชาย และเรล์ฟ ผู้คนภายนอกจะได้รู้ว่าเป็นเรล์ฟ นักเวทผู้ชั่วร้าย ที่อัญเชิญพลังปีศาจมาและเปลี่ยนเฟรเดอริกให้กลายเป็นสัตว์ร้าย

โซเฟียวางแผนการทั้งหมดไว้ในใจแล้วว่า

หนึ่งในทายาทตระกูลกอร์สถูกปีศาจล่อลวงและสูญเสียความศรัทธาไป เพราะความพยายามนับหลายปีเพื่อปลุกพลังโลหิตในกายยังคงกลับกลายเป็นสูญเปล่าในท้ายที่สุด ทายาทหนุ่มจึงกลายเป็นนักเวทผู้ชั่วร้าย และเป็นความบังเอิญที่เขาได้ค้นพบพิธีกรรมเวทมนตร์เพื่ออัญเชิญเหล่าปีศาจจากตำราโบราณของตระกูล จากตำราเหล่านั้น เขายังค้นพบเวทมนตร์อันทรงพลังที่สามารถปิดการใช้งานของวงแหวนเวทในปราสาทใต้ดินได้ชั่วคราวอีกด้วย ดังนั้น ทายาทหนุ่ม ผู้มีนามว่าเรล์ฟ จึงตัดสินใจประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์และใช้เวทมนตร์เอาชนะผู้เข้าแข่งขันทุกคนเพื่อให้ได้รับตำแหน่งเคานต์

แต่ทว่า การอัญเชิญปีศาจกลับอยู่เหนือการควบคุม หลังจากเข้าครอบงำวิญญาณของผู้อารักขาลับ ปีศาจตนนั้นก็ทำการสังหารหมู่ภายในปราสาทใต้ดินแห่งนี้ เมื่อเซอร์เมทาทรอนทำลายวงแหวนเวทได้และฝ่าเข้ามาในที่สุด ก็เหลือเพียงเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวที่รอดมาได้เพราะนางซ่อนตัวอยู่ภายในห้องลับตลอดเวลา

ประชาชนจะเศร้าโศกอาลัยเจ้าชายผู้เที่ยงธรรม พวกเขาจะไว้อาลัยให้กับอัศวินผู้ซื่อสัตย์นามว่าอาร์เธน และขุนนางหนุ่มนามว่าโบลัค…

แผนการทั้งหมดช่างไร้ที่ติ!

โซเฟียเหลือบมองไปทางเดนิซด้วยสีหน้ารู้สึกผิด นางไม่อยากทำเช่นนี้เลย แต่ก็จำต้องทำ ผู้ใดก็ตามที่ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างล้างนี้จะต้องดับดิ้น เว้นแต่อุลริช เซอร์เมทาทรอน และตัวนางเอง

นางไม่มีพลังพอจะสังหารเคานต์แห่งกอร์สและมงกุฎรุ่งโรจน์ ไม่อย่างนั้นนางก็คงเลือกที่จะสังหารคนทั้งสองเช่นกัน!

มีเพียงตอนที่วิญญาณกับร่างถูกแยกออกจากกันเท่านั้นที่คนตายจะรักษาความลับให้ปลอดภัย!

เบเยอร์รู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของตนเริ่มหนักอึ้ง ในสายตาเขา เฟรเดอริกกำลังเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเสียจนกลายเป็นเงาพร่าเลือน เจ้าชายรู้ดีว่าตนเองใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว

เขารู้ว่าเขาต้องทุ่มหมดหน้าตัก

เบเยอร์มีสีหน้ามุ่งมั่นแน่วแน่ ขณะยึดอำนาจจิตไว้มั่น ปีกที่ห้อยตกลงอยู่ด้านหลังพลันเหยียดขยายพร้อมกับที่รัศมีแสงแผ่ออกมา ขนนกเริ่มร่วงหล่น และปีกก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์เข้าปกคลุมเบเยอร์ไว้ชั้นหนึ่ง แม้แต่ดาบสีเขียว ‘เขาปีศาจ’ ก็ยังถูกย้อมให้กลายเป็นสีขาวน้ำนม

“ตุลาการพิโรธ!” โซเฟียอุทาน

มีเพียงตอนที่พลังโลหิต ‘เทวทูตตุลาการ’ มีพลังเทียบเท่าระดับอัศวินอาภาเท่านั้นที่จะใช้ความสามารถที่เรียกว่า ‘ตุลาการพิโรธ’ ได้! ตุลาการพิโรธสามารถโจมตีสัตว์อสูรชนิดใดก็ตามได้อย่างรุนแรงทรงพลังด้วยการเพิ่มพลังให้แก่อัศวินผู้นั้นหนึ่งระดับขั้น!

แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เบเยอร์ยังไม่ใช่อัศวินอาภาสักหน่อย!

แสงศักดิ์สิทธิ์วูบผ่าน แต่มันเจิดจ้าเสียจนทั้งห้องโถงสว่างโล่

เมื่อแสงดับไป เบเยอร์ก็อยู่ในสภาพหอบหนัก กำดาบไว้ด้วยสองมือ เส้นผมสีบลอนด์หายไปทั้งศีรษะ เผยให้เห็นหนังศีรษะเหี่ยวย่น! แต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น!

เฟรเดอริกถอยหลังออกมาสองสามก้าว ขณะที่บนใบหน้าปรากฏรอยเฉือดจนเลือดอาบ รอยแผลนั้นฉีกขาดลุกลามไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งศีรษะของเฟรเดอริกเกือบจะถูกผ่าครึ่ง!

หัวใจเบเยอร์เต็มไปด้วยความหวัง เขานึกว่าชัยชนะกำลังจะเป็นของตน

โซเฟียขมวดคิ้วมุ่น นางนึกสงสัยว่าเฟรเดอริกตายแล้วหรือไม่

เดนิซกับอาร์เธนต่างตกตะลึงอย่างยิ่งกับพลังอันน่าเหลือเชื่อของเบเยอร์ และพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรต่อไป

ทว่า มุมปากของเฟรเดอริกกลับกระตุกขึ้น แม้ว่าศีรษะเขาจะถูกผ่าครึ่งออกเช่นนั้นก็ตาม

รอยยิ้มชวนขนลุกทำให้พวกเขาประหม่าและหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในตอนนั้นเอง เส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังก่อนหน้านี้กลับยืดขยายออกมาราวกับหนวดที่น่าสยดสยองจำนวนนับไม่ถ้วน!

เส้นเลือดหน้าตาประหลาดนี้แผ่พุ่งไปยังมุมต่างๆ ของห้องโถงอย่างรวดเร็ว และเข้าปกคลุมผนังกับประตูจนหมดสิ้น

เส้นเลือดใหญ่หลายเส้นพุ่งทะลุซากศพที่กองอยู่บนพื้น ไม่นาน ร่างเหล่านั้นก็หดลงและกลายเป็นอาหารให้กับเฟรเดอริกผ่านทางเส้นเลือด

“จงหามาข้า นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรได้รับ!” เฟรเดอริกพึมพำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ พร้อมกับที่รอยแผลสาหัสบนใบหน้าเริ่มฟื้นฟูกลับมาด้วยความรวดเร็วยิ่ง

“สัตว์… สัตว์ประหลาด!” โจเซลินอึ้งงันอีกครั้งกับภาพอันเลวร้ายน่าสะอิดสะเอียน

พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะยังเรียกเฟรเดอริกว่ามนุษย์อยู่หรือไม่ แล้วเขาจะยังอยู่ในการควบคุมหรือไม่

เมื่อเห็นว่าทางเข้าห้องลับไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยเส้นเลือดทั้งหมด โซเฟียก็คว้าตัวแคลร์และเริ่มแอบเคลื่อนไปทางห้องลับ นางส่งสัญญาณบอกเรล์ฟ ให้เขาคว้าตัวโบลัคตามนางมา

พลังของเฟรเดอริกนั้นเกินความคาดหมายของโซเฟียไปไกล และพวกเขาไม่อาจเสียเวลาอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป

ทว่า เมื่อนางเหลือบมองไปทางเรล์ฟ สิ่งที่เห็นกลับทำให้ต้องประหลาดใจอย่างยิ่งยวด โบลัคที่เพิ่งจะยืนอยู่ตรงนั้นราวกับคนปัญญาทึบ ตอนนี้กลับกลายเป็นกองฟองทันทีที่เส้นเลือดแตะโดนร่างเขา

ฟองเช่นนั้นรึ

โซเฟียมึนงงไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อนางเห็นเส้นเลือดกลายเป็นเถ้าถ่านยามที่นางเข้ามาในห้องลับแล้ว นางก็พลันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่นางจะเห็นเงาร่างที่เกือบจะโปร่งแสงปรากฏขึ้นกลางอากาศและค่อยๆ เผยโฉมออกมา ซึ่งก็คือโบลัค!

โซเฟียรู้ได้ในทันทีว่าความจริงแล้ว โบลัคคือนักเวทที่ใช้พลังโลหิตปลอมเพื่อปกปิดตัวตน เขาเพิ่งจะลักลอบเข้าไปหาขุมทรัพย์ของราชันย์แห่งสุริยา

โซเฟียรู้มาตลอดว่าโบลัคหาใช่คนโง่เขลา เขาแสร้งทำเป็นตกหลุมรักโซเฟียแต่ก็มีแผนการอยู่ในใจ ทว่า โซเฟียไม่คิดสนใจ เพราะไม่ว่าโบลัคจะมีแผนการอะไร ในความคิดของโซเฟีย เขาก็มิใช่ภัยต่อนางในเมื่อนางมีทั้งเฟรเดอริกและเซอร์เมทาทรอน และตอนนี้นางก็รู้แล้วว่าโบลัคต้องการอะไร

“จับเขาไว้ เดนิซ!” โซเฟียร้องบอก

นางเองก็เคลื่อนไหวด้วยหารสะบัดปีกทั้งหกคู่ แล้วเชือกสายลมสีเขียวก็พลันปรากฏขึ้นโอบล้อมรอบตัวโบลัค ในเวลาเดียวกันนั้น เพราะแคลร์ยังหลับอยู่ ขุนนางหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างกายโซเฟีย ผู้มีนามว่าโจเซฟ ก็สบโอกาสพุ่งเข้าใส่โบลัค โดยกำดาบไว้แน่นทั้งสองมือ

ทว่า ทันใดนั้นเอง โซเฟียก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเชือกสายลมของนางถูกดูดซับเข้าไปในกำแพงแสงอย่างรวดเร็ว เมื่อสัญลักษณ์เวทมนตร์บนกำแพงไหลเวียนว่องไว เชือกสายลมก็พลันหายไปโดยสิ้น

“‘เวทกำแพงดูดซับดักลาส’ เช่นนั้นรึ!” โซเฟียรู้จักกำแพงนั้น

ขณะนั้นเอง โจเซฟก็พุ่งตัวมาอยู่ตรงหน้าลูเซียนก่อนที่สายฟ้าของเดนิซจะถูกอัญเชิญมา เบื้องหน้าโจเซฟนั้น ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีฟ้าใสกำลังแย้มยิ้มอบอุ่น

ฟุ่บ… ไอควันสีดำเข้าครอบคลุมโจเซฟทั้งตัว

เดนิซเบิกตาโพลง และเพราะความตื่นตกใจนี้เอง สายฟ้าบนดาบที่อัญเชิญมาจึงสลายไป เขาเห็นว่ายามที่ไอควันสีดำกระจายตัวออก บนพื้นก็ปรากฏกระต่ายตัวสีชมพู แต่โจเซฟกลับหายตัวไป

กระต่ายงั้นรึ

‘พหุสันฐานพิฆาต!’

“เจ้าไม่ใช่โบลัคนี่!”

ใบหน้าโซเฟียพลันเผือดสี นับเป็นครั้งแรกที่นางตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าโบลัคตัวปลอมสามารถร่ายเวทมนตร์ระดับสี่อย่าง ‘เวทกำแพงดูดซับดักลาส’ หรือเวทมนตร์ระดับห้าอย่าง ‘พหุสันฐานพิฆาต’ ได้ แต่เป็นเรื่องที่กำแพงแสงนั้นดูดซับเชือกสายลมไปอย่างง่ายดาย และวิธีการที่เขาร่ายคาถาเวทระดับห้าได้อย่างไม่ลำบากเลยสักนิดต่างหาก!

ความเงียบเข้าครอบงำเหล่าหนุ่มสาวชนชั้นสูงในที่นั้น เว้นก็แต่เฟรเดอริก ที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดโดยสมบูรณ์แบบแล้ว